...คำประณาม..ของคนสมัยก่อนนั้นดูแล้วมีอิทธิพล อย่างมาก เป็นความเชื่อโดยสุจริต คำสาบาน คำสาปแช่งต่าง ๆ คำประณาม ในที่นี้ กล่าวถึงการไม่น่าคบของพฤติกรรม ของผู้คนในสมัยนั้นที่ผิดจารีตไป จนออกมาเป็นสำนวนว่า..หญิงสามหม้าย ชายสามโบสถ์ นั้นไม่น่าคบ..คงเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงคนที่ มีจิตใจโลเล ไม่น่าเชื่อถือ .. ..กิ่งโศก กำลังจะขอเกริ่นถึง บทเพลง ๆ หนึ่ง เก่าอีกแล้วครับท่าน 55 .. ชายสามโบสถ์ ..เพลงนี้เป็นเพลงที่ผู้ร้องได้รับแผ่นเสียงทองคำ เลยทีเดียว ผู้ร้อง คือ คำรณ สัมปุณนานนท์ นักร้อง..ที่ว่ากันว่า เป็นแนวเพลงเพื่อชีวิต เลยแหละครับ...หลายเพลงโดนแบน เพลงที่เสียดสีสังคม การเมือง.. ..เพลงนี้ มีคนนำมาร้องกันหลาย คน...เช่น ชาญ เย็นแข ....ชัยชนะ บุญโชติ..และแม้แต่ นิค นิรนาม ก็เอามาร้อง ในชุดหยิบสิบ.. คำว่าชายสามโบสถ์ มีการถก ว่าแท้จริงมาจาก อะไร กันแน่ มาจาก การบวชเป็นพระ ในพุทธศานา ถึงสามครั้ง หรือ เป็นการเปลี่ยนไปนับถือศาสนา อื่น ถึงสามครั้ง.. ไปดู ในพจนานุกรม..แปลไว้ว่า ชายสามโบสถ์ (สํา) น. ผู้ที่บวชแล้วสึกถึง ๓ หน, ใช้พูดเป็นเชิงตําหนิว่า เป็นคนที่ไม่น่าคบ. แต่คำโต้แย้ง นั้นก็จากนักวิชาการ และผู้มีชื่อเสียง ว่าไม่ใช่ตามที่ พจนานุกรม กำหนด.. ..ซึ่งจะเป็นแบบไหน แบบใด ก็ อยู่ที่พวกเราจะพิจารณากันนะครับ วก เข้ามาเพลง ชายสามโบสถ์ เพลงนี้กันนะครับ ..ที่มาของเพลงนี้ ครูไพบูลย์ บุตรขันธ์ นำมาจาก นิยาย ของ ไม้ เมืองเดิม ชื่อเรื่องชายสามโบสถ์ ..สำนวนไม้เมืองเดิม นี่ผมเองประทับใจอยู่ไม่ใช่น้อยครับ สะสม เรื่องของไม้เมื่องเดิม ไว้หลายเรื่อง (นิยาย) ..เพลงนี้ ดู จะยาว เพราะต้องสรุปนิยายเรื่องเดียวของนิยายให้มาอยู่ในเพลง ๆ นี้ ..และเนื้อหาของชายสามโบสถ์ ในนิยาย ก็คือ การบวชเป็นพระในพุทธศานา ถึงสามครั้ง .. ..ลองมาฟังเพลง กับเนื้อหา กันนะครับ... ชายสามโบสถ์ ผู้แต่ง ไพบูลย์ บุตรขัน ผู้ร้อง คำรณ สัมปุณนานนท์ คำคนประณาม ชายสามโบสถ์ทราม ชั่วช้าสามานย์ ประนามหญิงสามผัวผ่าน เป็นคนจันฑาล ไม่หวังคบพา โธ่ เอ๋ย อนิจจา โกนหัวฝากตัวในศาสนา แต่คำเขาว่าปวดใจให้คิด ทุกที มีมารผจญ สุดแสนจะทน บวชแล้วจำลา จากเรือนเหมือนเสือหนีป่า มารยังตามมา จองล้างราวี บวชแล้วสึกทุกที เป็นเสียอย่างนี้ แหละพี่น้องเอ๋ย ดังคำเขาเอ่ย บวชเสียผ้าเหลือง ข้าบวชมาแล้วโบสถ์หนึ่ง ซาบซึ้งได้แทนคุณแม่ ค่าน้ำนมแก แทนทดหมดเปลือง มารตามทวงหนี้ มีเรื่อง ต้องแหกผ้าเหลืองสึกมา มันฟ้องอุปัชฌาย์แค้นข้ากลัดหนอง คนมองข้าทราม เหยียดหยามหมดดี ต้องหนีหน้าไป เกือบเป็นเสือสางเสียใหญ่ ข้าต้องกลับใจ ไหว้พระคุ้มครอง บวชซ้ำใหม่ ใคร่ปอง ใจหวังสร้างบุญในโบสถ์ที่สอง พึ่งธรรมะส่อง ที่สร้างบาปมา ข้าเป็นชายสองโบสถ์ห่าม โบสถ์สามนี้ยังไม่แน่ โลกหมุนปรวนแปรสุดแท้จะพา ไปเป็นชายชั่วตามว่า หวังศาสนากลับใจ แต่แล้วเหตุไฉน เขาไม่อุดหนุน จึงวอนไหว้วิง ชายหญิงที่ฟัง ด้วยน้ำตาคลอ โปรดจงสงสารขานต่อ แต่พอข้ามี บาปเคราะห์เพราะบุญ ข้าหวังพึ่งพุทธคุณ เซแล้วอย่าซ้ำย่ำเหยียบจนซุน ร่มโพธิ์พระอุ่น ข้าขอบวชนาน จนตาย .... บางเรื่อง บางอย่างเราชื่อ ว่าเกิดจากกรรม ..กรรม นั้น ล้างไม่ได้ หรือแก้กรรมไม่ได้ ..ยกเว้นแต่ทำให้ บรรเทาลงเท่านั้น ...คนเราอยู่เพื่อใช้กรรมเก่า..ดังนั้น ขณะที่ดำรงค์ตนอยู่ ต้องสร้างความดี กันเข้าไว้ ครับ.. ๏ กรรมเกิดกำเนิดใต้.......บ่วงกรรม ติดเฮย จักลบกลบกระทำ........ใช่ได้ ? สืบก้าวย่างสู่ลำ-..........ท้ายสุด มรรคเนอ ยังชีพยันเยงไว้ ........... ว่าร้ายสร้างดี ๚ะ ๏ ดิ้นรนด้นโลภด้วย...............เลศดล พอกโบกโพกเบื้องผล.........บ่มเพี้ยน สุมกองทรัพย์กุศล..............สร้างเกริ่น เชื่อนา แทรกกร่อนศรกุมเสี้ยน.....เก่าสร้างครั้งปฐม ๚ะ ๏ โลมเห็นเพ็ญแผ่เพี้ยง.......ภาพตน เดียวนา มากอื่นดื่นผองชน...........ลบไร้ ผยองหยิ่งเดชตน............. กินขาด ย่ำเหยียบเปรียบอุ้งใต้.......ต่ำพื้นผงธุลี ๚ะ ๏ ดีเลวเด่นร่างได้...........สำแดง เห็นทอดสิ้นความแคลง........เคลือบสิ้น สรีรธาตุ,ผันแผลง........... ผงฝุ่น ประดับชื่อลือลิ้น.............เล่าย้อนถอนยวง ๚ะ ๏ ปวงกรรมกำเนิดพ้อง........พิศตัว ดีย่อมได้ย้อนพัว- ............ พาดคล้อง ชั่วประสบเฉกมัว ............ แผ่ม่าน จมปลักฤาพ้นห้อง........... บ่วงห้วงหับเผย ๚ะ๛
16 กุมภาพันธ์ 2553 12:58 น. - comment id 27648
แน่นอนที่สุดค่ะ ทำดีย่อมได้รับผลดีตามมาค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2553 13:05 น. - comment id 27649
ใส่เพลงอีกที ..อิอิ ประจำเร้ยย เพลงอะ
16 กุมภาพันธ์ 2553 13:58 น. - comment id 27651
ดีจริง...ได้ฟังเพลงอีกแล้ว
16 กุมภาพันธ์ 2553 14:10 น. - comment id 27652
คามประนำ
16 กุมภาพันธ์ 2553 14:22 น. - comment id 27657
คุณแก้วประภัสสร ผมเชื่อแบบนั้น ครับ ทำดี ได้ดี.. อย่าเห็นแก่อามิสสินจ้าง..
16 กุมภาพันธ์ 2553 14:37 น. - comment id 27658
อามิสสินจ้างแปลชั่วให้เป็นดี แปลดีให้เป็นชั่ว ไม่ได้จริงด้วยครับ อิอิ
16 กุมภาพันธ์ 2553 14:39 น. - comment id 27659
คุณสดายุ ช่วงนี้ต้องฟังเพลงย้อนยุคครับ อิอิ
16 กุมภาพันธ์ 2553 14:40 น. - comment id 27660
คุณเฌอ ฯ สงสัยเกิดทัน อิอิอิ ขอบคุณที่แวะมานะครับ
16 กุมภาพันธ์ 2553 14:45 น. - comment id 27661
พี่กุ้งชาย อะแฮ้ม ๆ โผล่มาได้ไงนี่ อิอิ .. เมืองไทยกำลังมอง เรื่องอามิส สินจ้างเป็นความที่ผิดน้อย จนให้อภัย..( นางเงือก ...นางละเวง..และสารพัดนางของพระอภัยคงเปงหม้าย อะ เพราะให้อภัยเสียแล้ว อิอิอิ
16 กุมภาพันธ์ 2553 15:34 น. - comment id 27662
10 เสร็จโก๋
16 กุมภาพันธ์ 2553 16:40 น. - comment id 27664
http://www.bloggang.com/data/kingsoke/picture/1266312488.jpg ฝากอีกสักบท
16 กุมภาพันธ์ 2553 16:42 น. - comment id 27665
อีกครั้งน๊อ..
16 กุมภาพันธ์ 2553 16:44 น. - comment id 27666
คุณโคลอน ..มาแฮฟไข่ ก้อยังดีจ้า อิอิ
16 กุมภาพันธ์ 2553 16:52 น. - comment id 27667
โบราณว่าไว้ รุ่นใหม่ควรฟังยั้งคิด เก่าเคยลองถูกลองผิด จนได้คิดจึ่งย้ำวาจา ทำดีไว้จะได้ไม่อายคน หวัดดีค่ะคุณกิ่ง
16 กุมภาพันธ์ 2553 17:00 น. - comment id 27668
ทำดีต้องได้ดี ใช่ค่ะ...
16 กุมภาพันธ์ 2553 17:01 น. - comment id 27669
พี่แจ้น ว้าวดีใจจังพี่แจ้นมาเยี่ยมถึงที่นี่ ... เชื่อโบราณ ไม่บานบุรี อิอิ
16 กุมภาพันธ์ 2553 17:11 น. - comment id 27670
คุณแกงเขียวหวาน ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่านกระทู้ ของกิ่งโศก ...
16 กุมภาพันธ์ 2553 18:55 น. - comment id 27671
คิดดีแล้วต้องลงมือกระทำค่ะความดี เพลงบ้านนี้กระต่ายไม่เคยได้ยินสีกทีแต่ก็ชอบค่ะได้อารมณืไปอีกแบบ
16 กุมภาพันธ์ 2553 19:15 น. - comment id 27672
บรรดาสัตว์ทั่วถ้วน.....มีกรรม กรรมก่อการกระทำ.....ส่วนได้ คือชนเหล่าใดค้ำ......กรรมก่อ กรรมนา กรรมย่อมเกาะกรรมไซร้....ย่อมได้ผลกรรม สวัสดดีค่ะ พี่กิ่งโศก ดอกบัวแวะมาสวัสดีหลังว่างหน่อยหนึ่ง มีแต่ความสุขในทุกๆวันค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2553 19:44 น. - comment id 27673
,,,, เพลงนี้ น้ำเสียงร้อง ของ คุณนิค นิรนามป่ะ อิอิ .........
16 กุมภาพันธ์ 2553 19:56 น. - comment id 27674
คุณกระต่ายฯ อิอิ ..จะบอกว่าเกิดไม่ทันหรือ อิอิ ปกติ ถูกปลูกฝังให้ฟังเพลงเก่าๆ มานะครับ ลูกกรุง ลูกทุ่ง สตริง ได้อารมณ์ จริง ๆแหละครับ
16 กุมภาพันธ์ 2553 20:05 น. - comment id 27675
คุณดอกบัว ..ย่ำย้ำคำคร่ำค้ำ พร่ำพรำ ดำด่ำก่ำน้ำนำ ล่ำล้ำ จำรำร่ำค้ำคำ ตำย่ำ หวำฉ่ำกำกล่ำกล้ำ ต่ำป้ำขำขำ ฯ ...สวัสดีจ้าน้องดอกบัว ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย พักผ่อนมากๆ นะครับ
16 กุมภาพันธ์ 2553 20:06 น. - comment id 27676
คุณฉางน้อย แม่นแล้วน้องหมวยเพลงนี้ นิค นิรนามร้องไว้ในชุดหยิบสิบจ้า พี่กิ่งชอบแนวเสียงนี้นะ ดู ดุดันมีพลังดี
16 กุมภาพันธ์ 2553 20:34 น. - comment id 27677
สวัสดีค่ะพี่กิ่งโศก ไม่รู้พี่เปิดเพลงอะไร แบบว่าคอมอ้อมลำโพงมันเสีย เสียดายจัง หมีดิ้น
16 กุมภาพันธ์ 2553 20:35 น. - comment id 27678
ไอ้ตัว ที่ดิ้นไปดิ้นมาเนี่ย มันตัวไรแน่ อิอิ
16 กุมภาพันธ์ 2553 20:42 น. - comment id 27679
..น้องอ้อม ฯ เพลงนี้ชื่อเพลงชายสามโบสถ์ คนร้อง น่าจะรุ่นหลังแล้วจ้า ส่วนตัวดุ๊กดิ๊ก..น่าจะเป็น เจ้า แมวน้ำนิ อิอิ ..
16 กุมภาพันธ์ 2553 20:45 น. - comment id 27680
แหะ แหะ แมวน้ำแน่นะ จะเชื่อสายตาผู้สูงวัยดีมั๊ยเนี่ย อิอิ ล้อเล่นคร้า
16 กุมภาพันธ์ 2553 21:12 น. - comment id 27682
หุหุ น้องอ้อม..พี่กิ่งก้อเริ่มชักไม่แน่ใจอิอิ... จะว่าเจ้านกเพนกวิน แต่มันมีหนวดเหมือนตัวนาค ก็คือ แมวน้ำอะนะ
17 กุมภาพันธ์ 2553 10:05 น. - comment id 27713
คำประณามว่าไปก้คือมาตรการบังคับหรือลงโทษทางสังคมอย่างหนึ่ง บางครั้งอาจถุกหรือผิดความเป็นจริงก้ได้ แต่ที่สุดแล้วนับเป็นเครื่องมือที่สะกดคนในสังคมถิ่นนั้นๆให้สงบ มีสติใช้ปัญญา รู้จักยอมรับการมีอยู่ของบรรทัดฐานของคนในสังคมถิ่น นับเป็นคุณธรรม จริยธรรมที่สูงส่งของคนในสังคมถิ่นยุตนั้นที่รู้อะไรดีชั่วและผลกรรมเป็นอย่างไร ความรู้สึกนึกคิดจึงอ่อนไหว มียางอาย มีมโนธรรมสำนึก จะเลี่ยงหรือไม่ต้องการทำในสิ่งที่ผู้คนจะประณามหยามหมิ่นได้ แต่เหลียวมองสังคมยุคนี้ คำประณามกลายเป็นเครื่องมือของพวกจิตใจต่ำ ไร้อารยะ อาศัยความได้เปรียบ ใช้เล่ห์เพทุบายไปทำร้ายทำลายคน/องค์กรทางการเมืองหรือ ทางสังคมให้เสียหาย เพื่อประโยขน์แฝงเร้น คำประณามแบบว่า แม้ไม่เป็นความจริง แต่สังคมที่ด้อยภูมิปัญญาการเรียนรู้ และรับรู้ก้กลายเป็นเหยื่อหลงเชื่อและรู้สึกรู้สาไปกับคำประณามที่ว่าไปแล้ว สิ่งที่เรียกว่าบรรทัดฐานสังคมกลายไปเป็นของเล่นของพวกชั่วช้าสามานย์ สังคมจะแยกแยะจริงเท็จ ถูกหรือผิดได้ต้องผ่านการคลี่คลายของปัญหา แต่ผลสะเทือน ความเสียหายเกิดขึ้น คนถูกประณามหยามเหยียบถูกตัดสินให้ตายซากไปแล้ว แต่พวกประณามคนหรือสิ่งใดอย่างผิดๆอย่างชั่วช้าสามานย์ เคยมีพวกใดรู้สึกและยอมรับผิดต่อการกระทำจากคำว่าประณาม.ที่แฝงนัยและวิธีการที่ชั่วช้าสามานย์ด้วยเล่า ... ...ขายสามโบสถ์หรือเรื่องอื่นๆหลายเรื่องของไม้เมืองเดิมคงต้องการสะท้อนการต่อต้านไม่ยอมจำนนต่อแนวคิดที่ว่านี้ ของนักเลงลูกทุ่งที่เป็นลูกผู้ชายแท้ที่มียางอายมีมโนธรรมสำนึก รู้ดีชั่ว ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เป็นได้แค่อันธพาล กุ๊ยในบ้านเมืองเท่านั้นเอง
17 กุมภาพันธ์ 2553 10:37 น. - comment id 27718
ลุงจุด.. ขอบคุณที่ช่วยขยายความดังที่กิ่งโศก อยากจะขยาย แบบนี้ แต่ว่ามันตื้อ..อิอิ ..ไม้เมืองเดิม..เขียนนิยาย แบบลูกทุ่งไทยแท้ แม้แต่ การกล่าวสนทนา ในตัวบทละคร..ก็ยังเป็นแบบ ลูกทุ่งไทยแท้.. ที่แน่ๆ คือ ..ความรัก..ที่ถูกนำมาขยายในนิยาย.. มันคือความรัก..ที่แต่ละคน ให้สัจจะ.. แม้นแต่ขุนโจร ยังมีสัจจะ.. การต่อสู้..แม้นถูกกดขี่..แต่ก็ต่อสู้กันอย่าง ยุติธรรม.. ..ขอบคุณ ลุงจุด..ครับ
17 กุมภาพันธ์ 2553 19:54 น. - comment id 27805
พี่กิ่งฯ จ๋า วันหลังจะมาอ่านต่ออ่าค่ะ นอนล่ะนะ วันนี้ตะกร้อทำเอาหมดแรง
17 กุมภาพันธ์ 2553 20:26 น. - comment id 27814
น้องม่านแก้ว.. ตามสบายเลย ...กู๊ดไน้ด์ จ้า