วันจันทร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๒ ทางช่อง๑๑ (สทท.) รายการ เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก (o*^_______________^*o)
5 กันยายน 2552 18:20 น. - comment id 23968
อ่า...ลืมบอกเวลา ๒๐.๓๐ น. ค่ะ
5 กันยายน 2552 18:28 น. - comment id 23969
5 กันยายน 2552 18:30 น. - comment id 23970
1.....คอมพ์เดี้ยงหรือคนเดี้ยง อิอิ
5 กันยายน 2552 21:37 น. - comment id 23971
เมื่อวาน เขาเข้ามาทาง msn และขอเบอร์โทรของคุณโคลอน อัลมิตราแนะนำให้เมล์ไป เพราะไม่มีเบอร์โทร :) แต่ก็เท่ากับว่าติดต่อสื่อสารกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่หลับเสียก่อน จะติดตามชมนะ
7 กันยายน 2552 07:55 น. - comment id 23983
***ฉางน้อย 2*** ***ฉางน้อย 3*** คนคอม(เม้นท์)อาจดี้ยง...งานนี้ ***อัลมิตรา*** ....ติดต่อมาทางเมล์แล้วจ๊ะ.... ขอบคุณน๊า... ***ยาแก้ปวด*** งานเข้าดีกว่างานออกนา...อิอิ
7 กันยายน 2552 10:06 น. - comment id 23985
7 กันยายน 2552 10:55 น. - comment id 23986
อย่าลืมโทรเตือนด้วยน๊า วันนี้นะ 20.30 น. ปล.ตั้งนากาปลุกก่อง
7 กันยายน 2552 12:51 น. - comment id 23987
***แก้วประเสริฐ*** มามาดนิ่งนะแบมฯ (เตรียมคีมง้างปาก ***เฌอมาลย์*** เวลาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะตรงเป๊ะหรือเปล่า ....ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยเด้อ
7 กันยายน 2552 12:54 น. - comment id 23988
^ ^ ^ แว๊กกกกกกกก พิมพ์เป็น แก้วประเสริฐ ได้ไงหว่า...เฮือก ข้างบน "แก้วประภัสสร" นะคะ...แฮ่
7 กันยายน 2552 14:21 น. - comment id 23989
^ ^ ป้าโคฯ เอาแว่นป่ะ ปล่อยไก่ยกเล้าเลย
7 กันยายน 2552 14:23 น. - comment id 23990
^ ^ มาช่วยเก็บไก่ใส่เล้า
7 กันยายน 2552 16:41 น. - comment id 23993
^ ^ ^ โหย....สองสาวพร้อมใจกันมาต้อนไก่เข้า(วง)เหล้า...เอ๊ย...เล้า.....เลยนะเนี่ย เดี๋ยวเย็นนี้จะต้มยำไก่บ้านให้กิน....เอิ๊กส์
7 กันยายน 2552 16:52 น. - comment id 23995
ไชโย้ มีกับแกล้มแว้ว เย็นนี้
7 กันยายน 2552 16:58 น. - comment id 23996
อะแฮ่ม.....เสร็จพอดีเลย เฌอฯ ผ่านมาตรฐาน อ.ย (ย่อมาจากอาหย่อย)เรียบโร๊ย
7 กันยายน 2552 18:12 น. - comment id 23998
10.......แอบ โส นะ หน้า ใครบางคน อิอิ ...
8 กันยายน 2552 08:33 น. - comment id 24002
อาหย่อยอย่าให้เซดดดดด
8 กันยายน 2552 15:18 น. - comment id 24005
เรียกชื่อผิดถูกปรับจ้า เลี้ยงข้าวสิบมื้อ ขึ้นเหลาด้วย ก่อนจะขึ้นต้องเหลาให้เรียบร้อย คริ ไปเรียกครูแก้วฯมาทำมายยยป้าฝน ไม่ได้ส่งการบ้านมาหลายเพลาแว้วว เดี๋ยวครูถือไม้เรียวมา
8 กันยายน 2552 17:16 น. - comment id 24006
***ฉางน้อย16*** . ***เฌอมาลย์*** ***แก้วประภัสสร*** .............................................
10 กันยายน 2552 13:11 น. - comment id 24014
http://www.tnews.co.th/html/tv.php?id=50 ^ ^ ^ ดูย้อนหลังได้ที่เว็บนี้ค่ะ บอกเวลาผิดด้วยล่ะ คืนนั้นสารคดีเริ่ม 21.30 น. ขออภัยด้วยนะคะ.....
10 กันยายน 2552 13:14 น. - comment id 24015
เมื่อวานเจอคลิ๊บของผู้ชายคนหนึ่งที่ปีนยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้สำเร็จ...และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งน้ำตา.... อยากให้คนไทยได้เห็นจังค่ะ...ดูแล้วน้ำตาไหลตามพี่เค้าเลย นับถือและชื่นชมค่ะ ดูได้ที่เว็บนี้ค่ะ v v v http://atcloud.com/stories/60555
10 กันยายน 2552 13:16 น. - comment id 24016
^ ^ ^ เป็นภาพจากซีรี่ญี่ปุ่นค่ะ...ใส่เสื้อ "เรารักในหลวง" ด้วย ไม่รู้เค้าเข้าใจหรือเปล่า.....แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งรู้สึกดีใจที่ได้เห็นค่ะ
12 กันยายน 2552 09:10 น. - comment id 24044
ถ้าดูที่เว็บที่แปะไว้ไม่ได้ หรือโหลดนานลองไปดูที่เว็บนี้นะคะ V V V http://www.youtube.com/watch?v=Qr8KJ706d3A ^ ^ ^ ร่วมซาบซึ้งไปกับหัวใจที่เชื่อมั่นในศรัทธาของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง...ที่ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตค่ะ หนุ่มไทยพิชิต "เอเวอเรสต์" เผยแรงบันดาลใจไต่เหยียบเมฆจากงานเทิดพระเกียรติ 60 ปี ครองราชย์ ภาคธุรกิจไทยเมินสุดท้ายได้เวียดนามสนับสนุน แฉภารกิจสุดหินซ้อมปีนเขาอยู่หลายประเทศก่อนพิชิตยอดเขาดัง คงมีไม่บ่อยครั้งที่คนไทยจะมีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ ปีนเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาสูงที่สุดในโลก ซึ่งสูง 8,848 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ด้วยความเพียรพยายาม และความศรัทธาอันแรงกล้า ทำให้นายวิทิตนันท์ โรจนพานิช อายุ 39 ปี ชาว กทม. สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้สำเร็จและสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นคนไทยคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้เป็นผลสำเร็จ นายวิทิตนันท์ ประกอบอาชีพครีเอทีฟรายการโทรทัศน์ และกำลังจะผันตัวเองไปเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งด้วยสายงานดังกล่าวแทบจะไม่มีโอกาสให้ชายหนุ่มผู้นี้ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของการเสี่ยงตายอย่างการปีนยอดเขามรณะเอเวอเรสต์ ที่แต่ละปีมีคนจากทั่วโลกเอาชีวิตไปทิ้งบนยอดเขาแห่งนี้จำนวนมากได้ แต่ด้วยนายวิทิตนันท์ เป็นคนที่ชื่นชอบการผจญภัย ชอบการดำน้ำ ชอบขับเครื่องบินเล็ก และชอบการเดินทางไปทั่วทุกมุมโลก ทำให้หนุ่มใหญ่ผู้นี้มีโอกาสพบกับนายดูล สวี เชาว์ นักปีนเขาที่เป็นคนแรกของประเทศสิงคโปร์ที่ขึ้นไปเหยียบยอดเขาเอเวอเรสต์ ขณะร่วมทริปไปดำน้ำในประเทศพม่า เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ในการพบกับนายดูล สวี เชาว์ ครั้งนั้นเหมือนเป็นการจุดประกายให้นายวิทิตนันท์ มีความคิดที่จะเป็นคนไทยคนแรกที่นำธงชาติไทยไปปักลงบนยอดเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาสูงที่สุดของโลก "ดูล สวี เชาว์ เขาพูดกับผมว่าอยากให้มีคนไทยปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ สำเร็จอย่างเช่นคนสิงคโปร์ทำ ผมบอกกับเขาไปในวินาทีนั้นเลยว่า คนไทยทำอะไรได้ทุกอย่างและผมนี่แหละจะเป็นคนไทยคนแรกที่ไปเหยียบยอดเขาลูกนั้น" นายวิทิตนันท์เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้ต้องไปปีนเขาเอเวอเรสต์ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นายวิทิตนันท์ขวนขวายที่จะเดินทางไปปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ให้สำเร็จ โดยเริ่มแรกไปทดลองปีนเขาชินาบูลู ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 4,095 เมตร นายวิทิตนันท์กล่าวอีกว่า ต้องการให้คนทั่วโลกรู้จักคนไทยในมุมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากมวยไทย หรือต้มยำกุ้ง และต้องการแสดงให้คนชาติไหนๆ ได้เห็นว่าคนไทยก็สามารถทำอะไรได้เหมือนคนชาติอื่นทำได้ และตั้งใจว่าในชีวิตนี้จะต้องไปยืนบนยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้ แต่การปีนเขาสูงที่สุดในโลกของนายวิทิตนันท์ มีอุปสรรคสำคัญคือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า 2 ล้านบาท จึงต้องหาทางแก้โดยการประกาศหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ก็ต้องพับโครงการไปเพราะติดขัดเรื่องเวลาที่ไม่เอื้ออำนวยระหว่างคนในกลุ่ม นายวิทิตนันท์บอกว่า ในช่วงแรกรู้สึกท้อเพราะอุปสรรคมีมาก กระทั่งเมื่อปี 2549 เกิดแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ คือเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองราชย์ครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อคนไทยกว่า 60 ล้านคนมาอย่างยาวนาน ตนซึ่งเป็นคนไทยควรทำอะไรเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2549 นายวิทิตนันท์ตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศเนปาล เพื่อไปทดลองปีนเขาเอเวอเรสต์ พร้อมทั้งถ่ายภาพตัวเองขณะปีนเขาเพื่อนำกลับมาทำเป็นชิ้นงานเสนอขอสปอนเซอร์จากภาคธุรกิจ ในการเดินทางครั้งนั้นนายวิทิตนันท์ปีนเขาเอเวอเรสต์ได้ในระดับความสูงเพียง 5 ,000 กว่าเมตร เนื่องจากขาดอุปกรณ์การปีนเขาที่มีประสิทธิภาพเพราะราคาสูง "หลังจากกลับมาถึงประเทศไทยผมใช้เวลาหาสปอนเซอร์อยู่นานเกือบ 2 ปี แต่ก็ไม่มีใครให้ โดยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าคนอย่างผมจะทำได้ กระทั่งพบกับคุณนิรัตติศัย กัลย์จาฤก ผู้บริหารบริษัทกันตนา ซึ่งให้ความสนใจกับแผนการของผม ต่อมาคุณนิรัตติศัย และผู้บริหารกันตนาก็ได้พยายามหาสปอนเซอร์ให้ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจในประเทศไทยแม้แต่รายเดียว โชคดีที่คุณจารึก กัลย์จาฤก รู้จักกับบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนามซึ่งสนใจที่จะสนับสนุน" นายวิทิตนันท์กล่าว นายวิทิตนันท์กล่าวว่า การให้การสนับสนุนของบริษัทธุรกิจจากเวียดนามมาในรูปของการร่วมกันผลิตรายการโทรทัศน์ในลักษณะเรียลิตี้ไปเผยแพร่ในประเทศเวียดนาม โดยเปิดรับอาสาสมัครชาวเวียดนามมาร่วมเดินทางไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยมีตนเป็นหัวหน้าทีม การคัดสรรชาวเวียดนามนั้น ในระยะแรกมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการถึง 3,000 คน ก่อนที่จะคัดเหลือเพียง 4 คน ซึ่งระหว่างการคัดตัวนั้นมีการถ่ายทำเผยแพร่เป็นรายการเรียลิตี้โชว์ออกอากาศทางโทรทัศน์ในเวียดนาม ในวันจันทร์ถึงวันเสาร์วันละ 5 นาที และในวันอาทิตย์ 30 นาที นายวิทิตนันท์บอกด้วยว่า ระหว่างการคัดตัวนั้นมีการฝึกร่างกายให้มีความแข็งแรงเพื่อเตรียมพร้อมในการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยไปปีนเขา ฟางสิปัง ในเวียดนามที่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,100 เมตร และปีนยอดเขาชินาบาลู ในประเทศมาเลเซีย สูง 4,095 เมตร เพื่อสร้างความเคยชินและเรียนรู้วิธีการปีนเขา และปิดท้ายการฝึกซ้อมโดยการปีนเขาไอซ์แลนด์ฟิกส์ ซึ่งเป็นภูเขาน้ำแข็งสูง 6,189 เมตร ในประเทศเนปาล เพื่อให้นักปีนเขาเคยชินกับสภาพอากาศและภูมิประเทศของภูเขาลูกนี้ที่มีความใกล้เคียงกับยอดเขาเอเวอเรสต์ การเตรียมร่างกายของนักปีนเขาชุดนี้ใช้เวลาในการเตรียมตัวนานกว่า 8 เดือน ก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจสุดท้ายคือการปีนยอดเขาสูงที่สุดในโลก นายวิทิตนันท์เล่าว่า เขาเดินทางออกจากประเทศไทยไปยังประเทศเนปาล ในวันที่ 8 เมษายน 2551 เพื่อปฏิบัติภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต และเดินทางกลับสู่มาตุภูมิในวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลา 2 เดือนเต็มในช่วงดังกล่าว เขาและเพื่อนร่วมทางชาวเวียดนามต้องใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นหลังคาโลก "ชีวิตบนนั้นลำบากมากอากาศหนาวและแห้ง มีแต่ก้อนหิน กับหิมะ อุณหภูมิกลางวัน 15 องศาเซลเซียส บ่ายเหลือ 0 องศาเซลเซียส กลางดึกอุณหภูมิติดลบ 25 องศาเซลเซียส หากคืนไหนมีหิมะตกก็เหมือนอยู่ในนรกไม่มีผิด นอกจากอากาศแล้วอาหารก็แทบกินไม่ได้มีเพียงเนื้อที่ผ่านการปรุงจากชาวแชร์ปา รสชาติไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งในแต่ละวันที่ปีนเขาจะต้องเดินทางตลอดทั้งวันจนกว่าจะถึงแคมป์ที่พัก โดยจุดที่ยากสุดคือบริเวณที่ผ่านพื้นที่ที่เรียกว่า คลุมบูไอซอล แปลเป็นไทยคือหิมะถล่ม จุดนี้ยากมากหากพลาดหมายถึงเอาชีวิตไปทิ้ง" นายวิทิตนันท์กล่าว ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์คนแรกของไทยกล่าวด้วยว่า แต่เมื่อเดินทางบริเวณแคมป์ 4 ซึ่งมีโอกาสได้พัก 4 ชั่วโมงก่อนที่จะขึ้นไปยังจุดซามิต ปลายยอดของภูเขาเอเวอเรสต์ สิ่งแรกที่ทำคือหยิบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งใส่ไว้ในเป้บนหลังมาดู เพื่อเป็นกำลังใจ ก่อนที่จะเดินทางออกจากแคมป์ 4 ไปยังซามิต ที่ต้องใช้เวลาการเดินทางอีก 7 ชั่วโมง "7 ชั่วโมงจากแคมป์ 4 ไปยังซามิต ผมพะวงอย่างเดียว กลัวพระบรมฉายาลักษณ์ กับธงชาติ หล่นหาย เพราะเส้นทางลำบากมาก แต่เมื่อถึงซามิต ผมโล่งอก พระบรมฉายาลักษณ์ยังอยู่ ธงชาติยังอยู่ ผมรีบหยิบพระบรมฉายาลักษณ์ออกมาชูขึ้นเหนือหัวและให้ มร.แชรัม แชร์ปา หัวหน้าทีมแชร์ปา ถ่ายภาพให้ ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นถามผมว่าคนในภาพเป็นพ่อผมหรือ ผมตอบเขาว่าใช่นอกจากจะเป็นพ่อผมแล้วยังเป็นพ่อของคนไทยอีก 60 ล้านคน หลังจากนั้นผมก็ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี" นายวิทิตนันท์กล่าว อ้างอิงข้อมูลจากเว็บ http://hilight.kapook.com/view/24922/3 คลิ๊บข้างบนไม่รู้มีใครได้ดูหรือยังนะคะ วันนี้มาเปิดดูอีกทีโหลดนานมากๆเลยก็เลยเอาข้อมูลมาประกอบก่อน ............................................................... ไปเจอเว็บที่โพสความรู้สึกของพี่ที่ปีนเขาเอาไว้ อ่านแล้วประทับใจมากค่ะ....ขอเอามาโพสที่นี่....เพื่อให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะคะ .................................................................. จุดมุ่งหมายของคุณหนึ่งไปพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์เพื่อในหลวง เพราะท่านเป็นคนที่คุณหนึ่งรักมากที่สุดคนหนึ่ง ยอมสละชีพเพื่อท่านได้ ด้วยความรักในตัวในหลวงและศรัทธาในการทำความฝันที่ตัวเองต้องการให้เป็นจริง....คุณหนึ่งก็เริ่มต้นทำในสิ่งที่อยู่ภายในใจเรียกร้อง การจะไปถึงยอดเขาเอเวอร์เรสต์ไม่ได้ราบเรียบเสมอไป....ปัญหาเกิดขึ้นตลอดทาง ปัญหาเรื่องเงินที่จะจ่าย ปัญหาเรื่องไม่สบาย ธรรมชาติที่ไม่เป็นใจ ฯลฯ คุณหนึ่งเล่าให้ฟังว่าความฝันที่จะพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์เมื่อ ๔ ปีทีแล้ว...มันยังคงเป็นฝันแบบนั้นอยู่ที่ยังไม่มีทางทำให้เป็นจริง ถ้าคุณหนึ่งไม่กล้าที่จะทำฝันให้เป็นจริง ฝันก็ยังคงเป็นฝันตลอดไป หลายคนทิ้งฝันไว้กลางคันเพียงเพราะอายที่คนอื่นดูถูกความฝันของเขา คนเราอยู่ได้เพราะอะไรกัน? หลายคนที่ไม่มีความฝันเลย...คนเหล่านั้นก็ไม่ต่างกับคนตายที่มีลมหายใจ หลายคนมีความฝันแต่ว่ากว่าจะถึงฝันต่างเผชิญกับอุปสรรคมากมาย หลายคนเลิกล้มความตั้งใจ ในขณะที่หลายคนอดทนเอาชนะอุปสรรค..คนเหล่านี้จึงเป็นคนไม่กี่คนที่สามารถทำฝันของตัวเองให้กลายเป็นจริง คุณหนึ่งแชร์ประสบการณ์ว่า....ในระหว่างทางที่เกิดเรื่องเลวร้าย...เขามองในแง่ดี....ไม่ท้อแท้ ภายหลังจากที่รู้จักมองอะไรในแง่ดีๆให้กับชีวิต มันเปลี่ยนกลายเป็นพลังผลักดันให้เขาก้าวต่อไปข้างหน้า หลายครั้งระหว่างที่เขาปีนเขาหิมาลัย เขาเหนื่อย เขาล้า แต่เขาถามตัวเองว่า "เรามาเพื่อในหลวงไม่ใช่หรือ? ท่านทำอะไรเพื่อคนไทยทั้งชาติ แล้วจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จเพื่อท่านไม่ได้เลยหรือ" ประโยคแบบนี้มันทำให้เขามีพลังและต่อสู้ต่อไปเพื่อบรรลุภารกิจ ตอนที่คุณหนึ่งเขาถึงยอดเขาเอเวอร์เรสต์สำเร็จ...เขาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมน้ำตาด้วยความปีติ โบกธงชาติไทยพร้อมชูภาพในหลวง มีนักปีนเขาต่างชาติถามว่าคนในภาพคือใคร คุณหนึ่งตอบไปว่า "This is the King of Thailand." บรรดานักปีนเขาต่างชาติที่อยู่บริเวณนั้นต่างตบมือและตะโกนพร้อมกัน ๓ ครั้งว่า Long live the King Long live the King Long live the King มันช่างน่าปลาบปลื้มใจที่คนไทยคนหนึ่งยอมเสี่ยงชีวิตทำอะไรที่ยากลำบากเพื่อถวายในหลวง ด้วยความศรัทธา และความรัก มันทำให้เขามีพลังเอาชนะอุปสรรคต่างๆจนมายืนตรงนี้สำเร็จ มีคนถามคุณหนึ่งว่ารู้สึกอย่างไรตอนที่เขากำลังขอสปอนเซอร์จากเวียดนามแล้วรู้ว่า...แต่ทีมจากทีไอทีวีกำลังจะออกเดินทางไปพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์? คุณหนึ่งตอบว่า....ไม่สำคัญว่าใครจะไปถึงยอดเขาก่อนหรือหลัง ขอให้เป็นคนไทยและพิชิตยอดนี้สำเร็จ ย่อมเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยเหมือนกัน ไม่สำคัญว่าต้องเป็นคนแรกเท่านั้น คุณหนึ่งทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยประโยคที่น่าสนใจมากๆว่า... "ผมไม่กลัวความตายครับ แต่ว่ากลัวว่ายังไม่ได้ทำฝันที่ตั้งใจไว้ให้เป็นจริงต่างหาก" ท่านผู้อ่านกระทู้นี้ลองคิดดูว่า...คนเรายังเหลือเวลาที่อยู่ในโลกนี้อีกนานแค่ไหน..เราบอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมีกรรมที่ต้องสร้างต้องรับมากน้อยแค่ไหน มีเรื่องมากมายที่คนเราฝันอยากจะทำ...แต่เราจะปล่อยมันเอาไว้แบบนั้นไม่มีโอกาสได้ทำจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตหรือว่าเราได้ทำมันสมดั่งที่เราตั้งใจก่อนที่เราจะเสียชีวิต ..................................... แหล่งที่มาจากเว็บ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cheevaprapha&group=1
12 กันยายน 2552 09:19 น. - comment id 24045
http://www.zone-it.com/106029
15 กันยายน 2552 11:21 น. - comment id 24065
หวัดดีเจ๊
15 กันยายน 2552 13:26 น. - comment id 24067
15 กันยายน 2552 20:45 น. - comment id 24101
ได้ดูสารคดี เหมือนกันค่ะ แต่ไม่แน่ใจวันวันเดียวกันป่าว ดูแล้ว น้ำตาซึม รักพ่อหลวง ขอให้พ่อหลวงแข็งแรง อยากเห็นพ่อหลวงยิ้ม อยากให้ประเทศ สงบ เดินไปข้างหน้า ขอบคุณทีมีกระทู้นี้
17 กันยายน 2552 13:14 น. - comment id 24127
น่าจะวันเดียวกันนะจ๊ะ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 21.30น. หลังรายการ คุยนอกทำเนียบ ขนาดกลับไปดูซ้ำอีกหลายรอบก็ยังน้ำตาซึมอยู่เลย
22 กุมภาพันธ์ 2553 17:25 น. - comment id 27978
โคตรเฟคเลยอะ ... ไปขึ้นเขาเพื่อในหลวง -*- หรือทำเพื่อตัวเองอะ... ถามหน่อย มันเพื่อในหลวงตรงไหนฮะ ขึ้นเขาต้องมีเงินเป็นล้านๆ ถึงจะขึ้นได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆอยากขึ้นก็เดินไป กับการเอาเงินตรงนั้น มาทำบุญให้คนตกทุกข์ได้ยากไม่ดีกว่าหรอ คุณลองคิดดีๆ ทำเพื่อในหลวง หรือ โปรโมทตัวเอง -*- .... ทำไมคนเดี๋ยวนี้แยกแยะไม่ออก ระหว่างความจิงกับลวงโลกฮะ กลุ้มๆ
28 พฤษภาคม 2553 09:11 น. - comment id 30580
Many brides have turned to custom wedding invitations that includes a photograph of the couple. This photograph not only personalizes the wedding invitations, but also gives the recipient a gift to cherish. When an wedding invitation wording arrives with this detail and the picture of the couple it signifies the love shared by the couple. Some of these custom wedding invitations are actually handmade. This is because the bride desires some detail that can only be completed by hand and not machine. Details such as ribbons, dried flowers or leaves, sequence, pearls or other decorations can be added to enhance the wedding invites . These details show how dedicated the couple is to making their special day perfect.
28 พฤษภาคม 2553 10:02 น. - comment id 30613
Choosing cheap bridesmaid dresses is no easy task, but it's one of the most exciting and often the most emotional parts of the wedding planning process.Inviting the special women in your life to be yourcheap bridesmaid dresses; your sisters, your lifelong friends, your cousins and special family friends; is a way to seal important friendships during this very special time in your life. Choosing the bridesmaid dresses, mother of bride dresses and junior bridesmaid dresses whether you do it yourself or together with your bridesmaids, is an integral part of the tradition. store that has a monopoly on the nearby area or town.