ธรรมาธรรมะสงคราม

ลักษมณ์

ดูราประชาราษฏร์.............................ท่านอาจเห็นคติดี
แห่งการสงครามนี้............................อย่าระแวงและสงสัย
ธรรมะและอธรร-............................มะทั้งสองสิ่งนี้ไซร้
อันผลจะพึงให้................................บ่มิมีเสมอกัน
อธรรมย่อมนำสู่.............................นิรยาบายเป็นแม่นมั่น
ธรรมะจำนำพลัน...........................ให้ถึงสุคตินา
เสพธรรมะส่งให้...........................ถึงเจริญทุกทิวา
แม้เสพอธรรมพา..........................ให้พินาศและฉิบหาย
ในกาลอนาคต..............................ก็จักมีผู้มุ่งหมาย
ข่มธรรมะทำลาย..........................และประทุษฐ์มนุษย์โลก
เชื่อถือกำลังแสน-.........................ยะจะขึ้นเป็นหัวโจก
หวังครองประดาโลก...................และเป็นใหญ่ในแดนดิน
สัญญามีตรามั่น...........................ก็จะเรียกกระดาษชิ้น
ละทิ้งธรรมะสิ้น..........................เพราะอ้างคำว่าจำเป็น
หญิงชายและทารก.....................ก็จะตกที่ลำเค็ญ
ถูกราญประหารเห็น...................บ่มิมีอะไรขวาง
ฝ่ายพวกอธรรมเหิม....................ก็จะเริ่มจะริทาง
ทำการประหารอย่าง...................ที่มนุษย์มิเคยใช้
ฝ่ายพวกที่รักธรรม......................ถึงจะคิดระอาใจ
ก็คงมิยอมให้..............................พวกอธรรมได้สมหวัง
จะชวนกันรวบรวม.........................พลกาจกำลังขลัง
รวมทรัพย์สะพรึบพรั่ง...................เป็นสัมพันธไมตรี
ช่วยกันประจัญต่อ.........................พวกอธรรมเสนี
เข้มแข็งคำแหงมี..........................สุจรติธรรมะสนอง
ลงท้ายฝ่ายธรรมะ.......................จะชนะดังใจปอง
อธรรมะคงต้อง..........................ปราชัยเป็นแน่นอน
อันว่ามนุษย์โลก.......................ยังโชคดีไม่ย่อหย่อน
อธรรมะราญรอน.....................ก็ชำนะแต่ชั่วพัก
ภายหลังข้างฝ่ายธรรม...............จะชำนะประสิทธิ์ศักดิ์
เพราะธรรมะย่อมรัก..................ผู้ประพฤติ ณ คลองธรรม
อันคำเราทำนาย..........................ชนทั้งหลายจงจดจำ
จงมุ่งถนอมธรรม........................เถิดจะได้เจริญสุข
ถึงแม้อธรรมข่ม.........................ขี่อารมณ์ให้มีทุกข์
ลงท้ายเมื่อหมดยุค......................ก็จะได้เกษมศานต์
ถือธรรมะผ่องใส........................จึ่งจะได้เป็นสุขสราญ
ถือธรรมะเที่ยงนาน.....................ก็จะได้ไปสู่สวรรค์ ฯ
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ เรื่องธรรมาธรรมะสงคราม				
comments powered by Disqus
  • ลักษมณ์

    9 สิงหาคม 2552 00:52 น. - comment id 23616

    ธรรมาธรรมะสงคราม
    ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ที่มา : เอกาทศนิบาตชาดก ที่ร.6 ทรงฟังพระธรรมเทศนารวมกับสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่1
    ลักษณะคำประพันธ์ : บทกาพย์โขน คือ กาพย์ยานี11 กาพย์ฉบัง16
    เรื่องนี้เป็นชาดกที่กล่าวถึงเทวดา 2 องค์ที่มีสัมมาและมิจฉาทิฐิโต้แย้งกัน โดยสมมติให้ ธรรมเทวบุตร แทน ความดี และ อธรรมเทวบุตร แทน ความชั่ว
    
    เนื้อเรื่องโดยรวมกล่าวถึงเทวดา 2องค์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของนามธรรมอันแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ซึ่งก็คือ
    ธรรมมะเทวบุตร เป็นเทวดาฝ่ายธรรมะ มีสัมมาทิฐิ และประกอบจริยะวัตรดำเนินไปตามครรลองแห่งธรรม
    อธรรมะเทวบุตร เป็นเทวดาฝ่ายอธรรม มีมิจฉาทิฐิและประกอบจริยะวัตรดำเนินไปในทิศทางแห่งอกุศลกรรมเสมอ เทวดาทั้งสององค์ต่างก้ออกทำหน้าที่ของตนอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือการเสด็จลงจากสวรรค์ในวันอุโบสถมายังโลกมนุษย์เพื่อแสดงพระธรรมเทศนา
    
    ธรมะเทวบุตรเป็นตัวแทนองสัญลักษณ์ฝ่ายผู้มีธรรมมุ่งในความดี ใคร่จะประกอบแต่กุศลกรรม อธรรมเทวบุตรเป็นตัวแทนแห่งอกุศลกรรม มุ่งแต่ในทางเสื่อมเมื่อความดีละความชั่วต้องต่อสู้กัน มนุษย์มีส่วนรับรู้และมีส่วนตัดสินใจว่าจะน้อมใจเข้าสู่ทางใด
    
    นอกจากนี้ยังมีการใช้ บุคคลาธิษฐาน คือ การสมมติให้สิ่งไม่มีชีวิตทำกริยาเหมือนมนุษย์
    ธรรมเทวบุตร
    1. อยู่ที่สวรรค์ชั้นกามาพจรภพ
    2. มีความเมตตาต่อมนุษย์ และบริวาร
    3. วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ จะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์
    4. แต่งกายสีขาว ประดับเพชร
    5. มีพระขรรค์ทองคำเป็นอาวุธ
    6. รถทรงเป็นทองคำ แกะสลัก และประดับเพชร
    7. มีบริวารคือ เทพ และนางฟ้า
    8. สอนให้ละเว้นอกุศลกรรม 10 ประการ คือ
    - กายทุจริต 3ข้อ --> ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียผู้อื่น
    - วจีทุจริต 4ข้อ --> พูดปด พูดส่อเสียด พูดหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อ
    - มโนทุจริต 3ข้อ --> โลภมาก พยาบาท เห็นผิดเป็นชอบ
    
    อ ธรรมเทวบุตร
    1. อยู่ที่สวรรค์ชั้นกามาพจรภพ
    2. เป็นอันธพาลและโง่เขลา
    3. แต่งกายสีดำ ประดับสำริดสีดำ
    4. มีขวานเป็นอาวุธ
    5. วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ จะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์
    6. รถทรงเป็นไม้ สีดำ
    7. มีบริวารคือ เทพารักษ์ ยักษ์ คนธรรพ์ (เทวดาศิลปิน) นาคา ม้า เสือ สิงห์
    8. สอนให้ทำอกุศลกรรม 10ประการ
    
    .กายทุจริต มี ๓ ประการ คือ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม 
    ๒.วจีทุจริต มี ๔ ประการ คือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดหยาบ พูดเพ้อเจ้อ 
    ๓.มโนทุจริต มี ๓ ประการ คือ โลภอยากได้ของผู้อื่น พยาบาทปองร้าย เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม 
    
    ธรรมเทวบุตรสั่งสอนให้มนุษย์ทำแต่ความดี ทั้งกาย วาจา ใจ ให้บำรุงเลี้ยงดูบิดามารดา ถ้าใครทำเช่นนี้ จะมีแต่ความสุข ความเจริญ เมื่อสั่งสอนเสร็จแล้ว ธรรมเทวบุตร ก็กล่าวอวยพรให้มีอายุ วรรณะ สุข พละ แล้วให้ขบวนเวียวขวารอบชมพูทวีป 
    
    ฝ่ายอธรมเทวบุตร ก็พาบริวารมายังชมพูทวีป แล้วสั่งสอนให้มนุษย์ทำแต่อกุศลกรรม สั่งสอนไม่ให้เชื่อ ครู อาจารย์ ไม่ให้เลี้ยงดูบิดามารดา เพราะจะเป็นการสิ้นเปลือง เมื่อเห็นมนุษย์แสดงความหวาดกลัว อธรรมเทวบุตรก็ยิ่งยินดี แล้วให้ขบวนเวียนซ้ายไปยังชมพูทวีป 
    
    ธรรมเทวบุตรและอธรรมเทวบุตรมาพบกันกลางอากาศ ต่างฝ่ายต่างหยุดรอให้อีกฝ่ายหลีกทางให้ ธรรมเทวบุตรจึงกล่าวด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน ขอให้อธรรมเทวบุตร หลีกทางให้ตน โดยให้เหตุต่างๆ เช่น แนะนำให้ประชาชนบำเพ็ญกุศล เป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์และเทพ ทั้งยังเกิดก่อนอธรรมเทวบุตร อธรรมเทวบุตรก็ไม่ยอม อ้างว่ามีกำลังรี้พลมากมาย ไม่จำเป็นต้องหลีกทางให้ใคร ในที่สุด ธรรมเทวบุตรและอธรรมเทวบุตร ก็ต่อสู้กัน ในตอนแรก อธรรมเทวบุตรเป็นฝ่ายมีชัยเพราะมีกำลังมากกว่า แต่ด้วยอกุศลของอธรรมเทวบุตร อธรรมเทวบุตรหน้ามืดแล้วพลัดตกจางบัลลังก์ ถูกธรณีสูบ ธรรมเทวบุตรจึงประหารอธรรมเทวบุตรได้สำเร็จ 
    
    หลังจากนั้นธรรมเทวบุตรจึงสอนว่า ธรรมและอธรรม ให้ผลต่างกัน ธรรมย่อมนำไปสู้ความเจริญ อธรรมย่อมนำไปสู่ความเสื่อม อธรรมอาจชนะธรรมได้ก็เพียงครั้งคราว แต่ในที่สุด 
    
    "ธรรมย่อมชนะอธรรม" 
    
    เมื่อตรัสแล้วก็ประสาทพรให้ บรรดาเหล่านางฟ้าก็โปรยดอกไม้ ธรรมเทวบุตรก็พาขบวน เวียนขวารอบชมพูทวีป
    ............................................................
    
    สวรรค์ชั้นที่ 1 ชื่อ จาตุมหาราชิก ท้าวจตุโลกบาลดูแลอยู่ ดูแลทิศทั้ง 4 ทิศ
    ทิศเหนือ ท้าวเวสสุวัณเปนผู้ดูแล
    ทิศใต้ ท้าววิรุฬหกดูแล
    ทิศตะวันออก ท้าวธตรฐดูแล
    ทิศตะวันตก ท้าววีรปักษ์ดูแล
    
    สวรรค์ชั้นที่2 ชื่อว่า ดาวดึงส์ พระอินทร์เปนผู้ดูแล มีพระเจดีย์จุฬามณีอยู่ กับ พระพุทธมารดา
    
    สวรรค์ชั้นที่3 ชื่อว่า ยามะ พระสยามเทวาธิราชเปนผู้ดูแล ชั้นนี้จะอยู่สูงกว่าดวงอาทิตย์ เวลากลางวันดอกไม้ทิพย์จะบาน กลางคืนจะหุบ
    
    สวรรค์ชั้นที่4 ชื่อว่า ดุสิต ท้าวสันดุสิตเทวราชเปนผู้ดูแล  และเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์อีกด้วย
    
    สวรรค์ชั้นที่5 ชื่อว่า นิมมานนรดี 
    
    สวรรค์ชั้นที่6 ชื่อว่า ปรนิมมิตวสวัตดี
    .......................................................
    http://board.art2bempire.com/index.php?topic=71684.0;wap2
    .......................................................
    ธรรมา ธรรมะ สงคราม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 
    
    ธรรมะเทวบุตร.........................ผู้พิสุทธิโสภา
    สถิตอยู่ ณ กามา .....................พจรภพแผ่นดินสรวง
    ครองทิพยพิมาน.......................บริวารอมรปวง
    ปองธรรมะบ่อล่วง......................ลุอำนาจอกุศล
    
    เมตตาการุญรัก..........................ษะพิทักษ์ภูวดล
    ปรานีนิกรชน..............................ดุจดังปิโยรส
    ครั้นถึง ณ วันเพ็ญ.......................ที่เป็นวันอุโบสถ
    เธอมุ่งจะทรงรถ .........................ประพาศโลกเช่นเคยมา
    
    เข้าที่สนานทรง............................เสาวคนธธารา
    แล้วลูบพระกายา..........................ด้วยวิเลปนารม
    ทรงเครื่องก็ล้วนขาว......................สวิภูษณาสม
    สำแดงสุโรดม..............................สุจริต ณ ไตรทวาร
    
    ทรงเพรชราภรณ์..........................พระการณ์กุมพระขรรค์กาญจน์
    ออกจากพิมานสถาน.....................ธ เสด็จ ณ เกยพลันฯ 
    
    
    
    *ขึ้นทรงรถทองผ่องพรรณ.งามงอนอ่อนฉัน
    เฉกนาคราชกำแหง
    
    *งามกงวงจักรรักต์แดง..งามกำส่ำแสง
    งามดุมประดับเพรชพราย
    
    *เลิศล้วนมวลมาศฉลุลาย.เทพประนมเรียงราย
    รับที่บัลลังก์เทวินทร์
    
    *กินนรฟ้อนรำร่ายบิน.กระหนกนาคิน
    ทุกเกล็ดก็เก็จสุรกานต์
    
    *งามเทวธวัชชัชวาลย์..โบกในคัคนานต์
    แอร่มอร่ามงามตา
    
    *พรั่งพร้อมทวยเทวเสนา.ห้อมแห่แหนหน้า
    และหลังสะพรั่งพร้อมมวล
    
    
    *จามรีเฉิดฉายปลายทวน.หอกดาบปลาบยวน
    ยั่วตาพินิจพิศวง
    
    *แลดูรายริ้วทิวธง.ฉั ตรเบญจรงค์
    ปี่กลองสนั่นเวหน
    
    *อีกมีทวยเทพนฤมลฟ้อนฟ่องล่องหน
    เพื่อโปรยบุปผามาลี
    
    *ครั้นได้ฤกษ์งามยามดี.เคลื่อนขบวนโยธี
    ไปโดยวิถีนภาจรฯ
    
    
    ครั้นถึงชมพูดูสลอนสล้างนิกร
    ประชามาชมบารมี
    
    หยุดรถอยู่หว่างเมฆี ..แลยังปัถพี
    พระองค์ก็ยิ้มพริ้มพราย
    
    กษัตริย์พราหมณ์แพทย์ศุทรทั้งหลาย.ต่างมาเรียงราย
    ระยอบบังคมเทวัญ
    
    ต่างคนปลื้มเปรมเกษมสันต์ต่างคอยเงี่ยกรรณ
    เพื่อฟังพระเทวบัญชา
    
    จึ่งธรรมเทพนาถา.......ตรัสเผยพจนา
    เพื่อแนะทำนองคลองธรรมฯ
         
              
    
    ดูก่อนนิกรชน..อกุศลบทกรรม
    ทั้งสิบประการจำ.และละเว้นอย่าเห็นดี
    
    การฆ่าประดาสัตว์ฤ ประโยชน์บ่พึงมี
    อันว่าดวงชีวี.ย่อมเป็นสิ่งที่ควรถนอม
    
    ถือเอาซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าของมิยินยอม
    เขานั้นเสียดายย่อมจิตตะขึ้งเป็นหนักหนา
    
    การล่วงประเวณีณ บุตรและภรรยา
    ของชายผู้อื่นลา-มกกิจบ่บังควร
    
    กล่าวปดและลดเลี้ยว.พจนามิรู้สงวน
    ย่อมจะเป็นสิ่งควร.นรชังเป็นพ้นไป
    
    ส่อเสียดเพราะเกลียดชัง.บ่มิยังประโยชน์ใด
    เสื่อมยศและลดไม-ตรีระหว่างคณาสลาย
    
    
    
    พูดหยาบกระทบคนก็ต้องทนซึ่งหยาบคาย
    เจรจากับเขาร้าย.ฤ ว่าเขาจะตอบดี
    
    พูดจาที่เพ้อเจ้อ.........วจะสาระบ่มี
    ทำตนให้เป็นที่นรชนเขานินทา
    
    มุ่งใจและไฝ่ทรัพย์....ยะด้วยโลภเจตนา
    ทำให้ผู้อื่นพา.............กันตำหนิมิรู้หาย
    
    อีกความพยาบาทมนะมุ่งจำนงร้าย
    ก่อเวรบ่รู้วาย......ฤจะพ้นซึ่งเวรา
    
    เชื่อผิดและเห็นผิด.......สิจะนิจจะเสื่อมพา
    เศร้าหมองมิผ่องพา.สุกะรื่นฤดีสบาย
    
    ละสิ่งอกุศล.......................สิกมลจะพึงหมาย
    เหมาะยิ่งทั้งหญิงชาย ..สุจริต ณ ไตรทวาร
    
    
    จงมุ่งบำเพ็ญมา..ตุปิตุปัฏฐานการ
    บำรุงบิดามาร-........ดรให้เสวยสุข
    
    ใครทำฉะนี้ไซร้...........ก็จะได้นิราศทุกข์
    เนานานสราญสุข..และจะได้คระไลสวรรค์
    
    ยศใหญ่จักมาถึง.........กิตติพึงจักตามทัน
    เป็นนิจจะนิรัน-...ดรย่อมจะหรรษาฯ
    
    
    
    ครั้นเสด็จประทานเทศนาฝูงชนต่างสา-
    ธุเทิดประนตประนมกร
    
    ธรรมเทพจึงอวยพร...ให้ปวงถาวร
    ในอายุวรรณสุขพล
    
    แล้วสั่งขบวนเดินหน.....ประทักษิณวน
    ชมพูทวีปมหาสถานฯ
    
         
    
     ปางนั้นอธรรมะ...........................................เทวบุตรผู้ใจพาล
    เนาในพิมานสถาน.......................................ณ กามาพจรสวรรค์
    
    ครองพวกบริวาร.........................................ล้วนแต่พาลประดุจกัน
    โทโสและโมหันธ์.......................................บ่มิพึงบำเพ็ญบุญ
    
    เห็นใครน้ำใจซื่อ..........................................สุจริตะการุญ
    เธอก็มักจะหันหุน........................................เพราะพิโรธและริษยา
    
    ถึงวันที่จันทร์เพ็ญ........................................ธก็มักจะไคลคลา
    ขับรถะยานมา...............................................ณ ชมพูทวีปพลัน
    
    แต่งองค์ก็ทรงล้วน...........................................พัสตระดำทุกสิ่งอัน
    อาภรณ์ก้เลือกสรร-...........................................พะสัมฤทธิ์และพลอยดำ
    
    หัสถ์สดำพระกำขวาน.......................................อันมหิทธิกำยำ
    จรจากวิมานอัม-................................................พรตรงมาทรงรถ
    
    
    รถทรงกงกำทั้งหมด...........................................ตลอดงอนรถ
    ล้วนแล้วด้วยไม้ดำดง
    
    บัลลังก์มียักษืยรรยง.........................................ยืนรับรองทรง
    สลับกระหนกมังกร
    
    ลายสิงหืเสือสีห์มีสลอน...................................หมาในยืนหอน
    อีกทั้งจระเข้เหรา
    
    งอนรถมีธวัชตวัดร่า........................................สีดำขำน่า
    สยดสยองพองขน
    
    แลดูหมู่กองพยุหพล...........................................สลับสับสน
    ล้วนฤทธิ์คำแหงแรงขัน
    
    กองหน้าอารักษ์ขะไพรสัณฑ์.............................ปีกซ้ายกุมภัณฑ์
    คนธรรพ์เป็นกองปีกขวา
    
    กองหลังนาคะนาคา...........................................สี่เหล่าเสนา
    ศาสตราอาวุธวาวแสง
    
    พวกพลทุกตนคำแหง........................................หาญเหิมฤทธิ์แรง
    พร้อมเพื่อผจญสงคราม
    
    พาหนคำรนคำราม...........................................เสือสิงห์วิ่งหลาม
    แลล้วนจะน่าสยดสยอน
    
    ให้เคลื่อนขบวนพลจร.........................................ไปในอัมพร
    ฟากฟ้าคะนองก้องมาฯ
    
    ครั้นถึงชมพูแดนประชา...................................ให้หยุดโยธา
    ลอยอยู่ที่ในอัมพร
    
    เหลือบแลเห็นชนนิกร........................................ท่าทางสยดสยอน
    อธรรมก็ยิ่งเหิมหาญ
    
    ทะนงจงจิตคิดพาล...........................................ด้งยอหังการ
    ก็ยิ่งกระหยิ่มยินดี
    
    
    เห็นว่าเขาเกรงฤทธี...........................................จึ่งเปล่งพจี
    สนั่น ณ กลางเวหน
    
    
     
    
    ดูราประชาราษฎร์...........................................นรชาตินิกรชน
    จงนึกถึงฐานตน..............................................ว่าตกต่ำอยู่ปานใด
    
    ไม่สู้อมรแมน..................................................ฤ ว่าแม้นปีศาจได้
    ฝูงสัตว์ ณ กลางไพร.......................................ก็ยังเก่งกว่าฝูงคน
    
    ทั้งนี้เพราะขี้ขลาด..........................................บ่มิอาจจะช่วยตน
    ต่างมัวแต่กลัวชน..........................................จะตำหนิและนินทา
    
    
    ผู้ใฝ่ซึ่งอำนาจ...............................................ก็ต้องอาจและหาญกล้า
    ใครขวาง ณ มรรคา......................................ก็ต้องปองประหารพลัน
    
    อยากมี ณ ทรัพย์สิ่ง.......................................จะมานิ่งอยู่เฉยฉะนั้น
    เมื่อใดจะได้ทัน-...........................................มนะมุ่งและปราถนา
    
    กำลังอยู่กับใคร.............................................สิก็ใช้กำลังคร่า
    ใครอ่อนก้ปรา-..............................................ชิตะแน่มิสงสัย
    
    สตรีผู้มีโฉม...................................................ศุภลักษณาไซร้
    ควรถือว่ามีไว้................................................เป็นสมบัติ ณ กลางเมือง
    
    ใครเขลาควรเอาเปรียบ..................................และมุสาประดิษฐ์เรื่อง
    ลวงล่อบ่ต้องเปรือง.......................................ธนะหากำไรงาม
    
    เมื่อเห็นซึ่งโอกาส..........................................ผู้ฉลาดพยายาม
    ส่อเสียดและใส่ความ....................................และประโยชน์ ณ ถึงตน
    
    ใครท้วงและทักว่า........................................ก็จงด่าให้เสียงอึง
    เขานั้นสิแน่จึ่ง............................................จะขยาดและกลัวเรา
    
    พูดเล่นไม่เป็นสา-.........................................ระสำหรับจะแก้เหงา
    กระทบกระเทียบเขา.....................................ก็สนุกสนานดี
    
    ใครจนจะทนยาก...........................................และลำบากอยู่ใยมี
    คิดปองซึ่งของดี ...........................................ณ ผู้อื่นอันเก็บงำ
    
    ใครทำให้ขัดใจ..............................................สิก็ควรจะจดจำ
    ใว้หาโอกาสทำ..............................................ทุษะบ้างเพื่อสาใจ
    
    คำสอนของอาจารย์.......................................ก็บุราณะเกินสมัย
    จะนั่งไยดีไย.................................................จงประพฤติตามจิตดู
    
    บิดรและมารดา.............................................ก็ชราหนักหนาอยู่
    เลี้ยงไว้ทำไมดู...............................................นับจะเปลืองมิควรการ
    
    เขาให้กำเนิดเรา...........................................ก็มิใช่เช่นให้ทาน
    กฎธรรมดาท่าน..........................................ว่าเป็นของไม่อัศจรรย์
    
    มามัวแต่กลัวบาป.......................................ก็จะอยู่ทำไมกัน
    อยากสุขสนุกนัน-.......................................ทิก็ต้องดำริแสวง
    
    ใครมีกำลังอ่อน...........................................ก็ต้องแพ้ผู้มีแรง
    ใครเดชะสำแดง ..........................................ก็จะสมอารมณ์ปอง
    
    
    
    
    พูดเสร็จแล้วเล็งแลมอง...................................เห็นคนสยดสยอง
    อธรรมก็ยิ่งยินดี
    
    ตบหัตถ์ตรัสสั่งเสนี........................................ให้เริ่มจรลี
    ออกเดินขบวนพลกาย
    
    ขบวนก้พลันผันผาย........................................เป็นแถวเรียงราย
    เวียนซ้ายชมพูพนาลัย ฯ
    
    ขบวนสองเทพคลาไคล.............................เวียนขวาซ้ายไป
    ประสบกันกลางเวหา
    
    ต่างกองต่างหยุดรอรา................................อยู่กลางมรรคา
    เพื่อคอยอีกฝ่ายหลีกทาง
    
    
    
    ต่างกองต่างยืนอยู่พลาง...............................จึ่งกล่าวคำไป
    ด้วยถ้อยสุนทรอ่อนหวาน
    
    ดูราอธรรมมหาศาล......................................เราขอให้ท่าน
    หลีกทางให้เราเดินไป
    
    อธรรมตอบว่าฉันใด.....................................เราจะหลีกให้
    เราก้ไม่หย่อนศักดิ์ศรี
    
    ธรรมะจึ่งว่าเรานี้...................................สิทธิย่อมมี
    ที่ควรจะได้ทางจร
    
    เพราะเราชวนชนนิกร............................ให้จิตสุนทร
    บำเพ็ยกุศลจรรยา
    
    เราทำให้ชนนานา....................................ได้มียศฐา-
    นะเลิสประเสริฐทุกสถาน
    
    
    สมณะอีกพราหมณาจารย์...........................สรรเสริญทุกวาร
    เพราะเรานี้เที่ยงธรรมา
    
    อีกทั้งมนุษย์เทวา........................................น้อมจิตบูชา
    ทุกเมื่อเพราะรักความดี
    
    อธรรมตอบว่าข้านี้......................................รี้พลมากมี
    ไม่ต้องประหวั่นพลั่นใจ
    
    ไม่เคยยอมให้แก่ใคร...................................วันนี้เหตุไฉน
    จักยอมให้ทางท่านจร
    
    ธรรมะว่าเราเกิดก่อน...................................ในโลกอัมพร
    อธรรมเธอเกิดตามมา
    
    ตัวเราเก่ากว่าแก่กว่า......................................ยิ่งใหญ่ยศฐา
    ผู้นอ้ยควรให้ทางจร
    
    
    
    
    
    อธรรมว่าคำอ้อนวอน.................................หรือพจนากร
    อ้างเหตุสมควรใด ๆ
    
    ไม่ทำให้เรานี้ไซร้........................................ยอมหลีกทางให้
    เพื่อธรรมะเทพจรลี
    
    มาเถิดรบกันวันนี้......................................ใครชนะควรมี
    สิทธิได้เดินทางไป
    
    ธรรมะว่าเออตามใจ...................................อันเรานี้ไซร้
    ประกอบด้วยสรรพคุณา
    
    มีทั้งกำลังวังชา..........................................เกียรติยศหา
    ผู้ใดเสมอไป่มี
    
    ทั่วทิศบันลือฤทธี.......................................อธรรมเธอนี้
    จักเอาชำนะอย่างไร
    
    อธรรมยิ้มเย้ยเฉลยไป................................ว่าธรรมดาไซร้
    เขาย่อมเอาเหล็กตีทอง
    
    เอาทองตีเหล็กเป็นของ..............................ไม่สามารถลอง
    เพราะเหตุว่าผิดธรรมดา
    
    แม้นเราฆ่าท่านมรณา..................................เหล็กก็จักน่า
    นิยมประดุจทองคำ
    
    ว่าแล้วต้อนพลกำยำ.....................................ตรูเข้ากระทำ
    ประยุทธ ณ กลางอัมพร
    
    
    
    ฝ่ายทัพอธรรมราญรอน........................ห้าวหาญชาญสมร
    ฝ่ายธรรมะอิดหนาระอาใจ
    
    ธรรมะสลดหฤทัย................................คิดว่าตนไซร้
    จะไม่ชนะดั่งถวิล
    
    จะต้องทนดูคำหมิ่น.............................และต้องยอมยิน
    ให้ทางแก่ฝ่ายอธรรม
    
    แต่ว่าเดชะกุศลกรรม..........................มาช่วยฝ่ายธรรม
    แลเห็นถนัดอัศจรรย์
    
    อธรรมหน้ามืดโดยพลัน...................มิอาจนั่งมั่น
    อยู่บนบัลลังก์รถมณี
    
    พลัดตกหกเศียรทันที........................ถึงพื้นปัถพี
    และดินก็สูบซ้ำลง ฯ
    
    ธรรมะมีขันตีทรง.............................กำลังจึ่งยง
    แย่งยุทธะชิตชัยชาญ
    
    ลงมาจากกลางคัคนานต์..................ฟาดฟันประหาร
    อธรรมผู้ปราชัย
    
    แล้วสั่งเสนีย์ผู้ใหญ่.......................ฝังอธรรมไว้
    ในพื้นผ่นดินบันดล
    
    กลับขึ้นรถทรงโสภณ.................แล้วตรัสแด่ชน
    ผู้พร้อมมาชมบารมี
        
    
    
    
    ดูราประชาราษฏร์.............................ท่านอาจเห็นคติดี
    แห่งการสงครามนี้............................อย่าระแวงและสงสัย
    
    ธรรมะและอธรร-............................มะทั้งสองสิ่งนี้ไซร้
    อันผลจะพึงให้................................บ่มิมีเสมอกัน
    
    อธรรมย่อมนำสู่.............................นิรยาบายเป็นแม่นมั่น
    ธรรมะจำนำพลัน...........................ให้ถึงสุคตินา
    
    เสพธรรมะส่งให้...........................ถึงเจริญทุกทิวา
    แม้เสพอธรรมพา..........................ให้พินาศและฉิบหาย
    
    ในกาลอนาคต..............................ก็จักมีผู้มุ่งหมาย
    ข่มธรรมะทำลาย..........................และประทุษฐ์มนุษย์โลก
    
    เชื่อถือกำลังแสน-.........................ยะจะขึ้นเป็นหัวโจก
    หวังครองประดาโลก...................และเป็นใหญ่ในแดนดิน
    
    สัญญามีตรามั่น...........................ก็จะเรียกกระดาษชิ้น
    ละทิ้งธรรมะสิ้น..........................เพราะอ้างคำว่าจำเป็น
    
    หญิงชายและทารก.....................ก็จะตกที่ลำเค็ญ
    ถูกราญประหารเห็น...................บ่มิมีอะไรขวาง
    
    ฝ่ายพวกอธรรมเหิม....................ก็จะเริ่มจะริทาง
    ทำการประหารอย่าง...................ที่มนุษย์มิเคยใช้
    
    ฝ่ายพวกที่รักธรรม......................ถึงจะคิดระอาใจ
    ก็คงมิยอมให้..............................พวกอธรรมได้สมหวัง
    
    จะชวนกันรวบรวม.........................พลกาจกำลังขลัง
    รวมทรัพย์สะพรึบพรั่ง...................เป็นสัมพันธไมตรี
    
    ช่วยกันประจัญต่อ.........................พวกอธรรมเสนี
    เข้มแข็งคำแหงมี..........................สุจรติธรรมะสนอง
    
    ลงท้ายฝ่ายธรรมะ.......................จะชนะดังใจปอง
    อธรรมะคงต้อง..........................ปราชัยเป็นแน่นอน
    
    อันว่ามนุษย์โลก.......................ยังโชคดีไม่ย่อหย่อน
    อธรรมะราญรอน.....................ก็ชำนะแต่ชั่วพัก
    
    ภายหลังข้างฝ่ายธรรม...............จะชำนะประสิทธิ์ศักดิ์
    เพราะธรรมะย่อมรัก..................ผู้ประพฤติ ณ คลองธรรม
    
    อันคำเราทำนาย..........................ชนทั้งหลายจงจดจำ
    จงมุ่งถนอมธรรม........................เถิดจะได้เจริญสุข
    
    ถึงแม้อธรรมข่ม.........................ขี่อารมณ์ให้มีทุกข์
    ลงท้ายเมื่อหมดยุค......................ก็จะได้เกษมศานต์
    
    ถือธรรมะผ่องใส........................จึ่งจะได้เป็นสุขสราญ
    ถือธรรมะเที่ยงนาน.....................ก็จะได้ไปสู่สวรรค์ ฯ
    
    
    ฝ่ายฝูงสิริเทพกัญญา...........................ก็โปรยบุปผา
    มาเกลื่อน ณ พื้น ปัถพี
    
    แล้วธรรมะเทพฤทธี............................ตรัสสั่งเสนีย์
    ให้เคลื่อนขบวนโยธา
    
    ลอยล่องฟ่องในเวลา...........................ดำเนินเวียนขวา
    ไปรอบทวีปชมพู ฯ
    
    
    
    *** จบบทพระราชนิพนธ์เรื่อง ธรรมาธรรมะสงคราม***
    
    ขอสุขสวัสดิ์จงบังเกิดแก่ผู้อ่านทุกๆท่าน
     
    อนันตประทีป 
    
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=2238
ชื่อเรื่องสั้น-นิยาย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน