หากสิ่งที่เห็น...ไม่เป็นอย่างที่เห็น หากในวันแต่งงาน คุณได้รู้ว่าภรรยาของคุณเขาเป็นผู้ชายคุณจะเลิกกับเขาไหม หากในวันแต่งงาน คุณได้รู้ว่าสามีของคุณเขาเป็นผู้หญิงคุณจะเลิกกับเขาไหม หากสิ่งที่คุณเห็นคือสิ่งที่คุณคิดว่าใช่ แต่จริงๆ แล้วเขาบิดซ่อนเอาไว้ด้วยความรัก เพราะกลัวสูญเสียคุณไป หากคุณรักเธอ (เขา) ด้วยนิสัยใจคอ น้ำใจ และตัวตนของเธอ (เขา) แต่แล้วในวันแต่งงานเธอ(เขา) ตัดสินใจบอกคุณในสิ่งที่เขาปิดบังคุณเอาไว้ คุณจะเลิกกับเขาไหม... จากเวปหนึ่งซึ่งแวะไปเจอค่ะ... เป็นเรื่องที่น่าสนใจค่ะ
25 ธันวาคม 2550 16:18 น. - comment id 20013
ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ ก็แค่บังเอิญคนที่เรารัก เป็นผู้หญิงก็เท่านั้นเอง
25 ธันวาคม 2550 16:50 น. - comment id 20016
เลิกค่ะ เพราะความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานของความจริงใจ...ว่าต่อไปความรักจะยั่งยืนหรือเปล่า
25 ธันวาคม 2550 19:17 น. - comment id 20021
ความหวังในการแต่งงาน เพื่อใช้ชีวิตคู่ เรื่องที่สำคัญที่สุด คือเรื่อง เซกส์ ไม่ต้องปฏิเสธ ใครปฏิเสธเรื่องนี้ คือคนที่หลอกตัวเอง ร้อยละ 90 ที่เลิกรากันไป เพราะเรื่องเซกส์ แล้วก็แก้ตัวว่า ทัศนไม่ตรงกัน ก็เพราะความหึงหวง ความไม่เข้าใจกัน ความต้องการเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว นั่นแหละ เซกส์ทั้งสิ้น แล้วเมื่อชีวิตคู่ ไม่ใช่คู่ คำว่า "คู่" คือ หญิงคู่ชาย ไมใช่ ชาย - ชาย หญิง - หญิง ถ้าคู่ ไม่สมบูรณ์ ถึงไม่เลิกกันวันแต่ง แต่ก็อยู่กันไม่ยืดหรอก..........เชื่อซิน่า....
25 ธันวาคม 2550 20:02 น. - comment id 20023
สวัสดีค่ะคุณ Alphilic เยี่ยมค่ะ เรารักแล้วนี่คะ ใช่ไหม
25 ธันวาคม 2550 20:14 น. - comment id 20025
สวัสดีค่ะคุณจิตรำพัน เอ...แบบนี้แสดงว่าใจตรงกันใช่มั้ยนี่ จากที่คุณโคลอนบอกว่า ความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานของความจริงใจ ข้อนี้เห็นด้วยค่ะ แต่ถ้าลองเอาใจเขามาใส่ใจเรานิดนึง ก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาจึงต้องปิดบัง ทั้งๆที่เขาเองก็คงลำบากใจอยู่ไม่น้อย ส่วนที่คุณบ้านหมอบอกว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่องเซ็กซ์ โดยส่วนตัวคิดว่า เซ็กซ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ค่ะ (ญ-ญ,ช-ช ก็มีอะไรกันได้นะ^^") สิ่งที่สำคัญคือความเข้าใจ แล้วก็ให้เกียรติกันมากกว่า คิดว่าอย่างนั้นนะคะ ps. plato ยังกล่าวเลยว่า ความรักระหว่างชายกับชายเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอ่ะ ที่เรียกว่า platonic love
25 ธันวาคม 2550 20:22 น. - comment id 20026
สวัสดีค่ะคุณโคลอน คำว่า " เลิก " กับคำว่า "รัก" มันหยั่งกันยากจังค่ะ คนสองคนคบกันมา จนวันหนึ่งตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันคงต้องใช้เวลาบ่มมายาวนาน การที่จะเอ่ยคำว่า "เลิก" อาจจะยากสักเล็กน้อย ยกเว้นว่าเราไม่ได้ "รัก" เขา ถูกของพี่โคลอนนะคะ ที่ว่าความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานของความจริงใจ คนเรานั้นจะใช้ชีวิตร่วมกันต้องมีพื้นฐานของความจริงใจต่อกันค่ะ จิตรำพันว่า ดีที่สุดก็บอกกันตั้งแต่เริ่มคบดีกว่าค่ะ หากรักกันจริงก็ต้องให้เวลาเขาสักนิด ไม่ใช่มาบอกเมื่อวันแต่งงาน
25 ธันวาคม 2550 20:34 น. - comment id 20028
สวัสดีค่ะคุณบ้านหมอ อืม ... คงจะจริงนะคะ แต่ว่าเท่าที่ทราบมา ไม่ว่าจะเป็น ชาย - ชาย หรือ หญิง - หญิง เขาก็สามารถมีวิถีทางของเขานะคะในเรื่องนี้ ส่วนในกรณีที่กล่าวมานี้ก็คือ สามี (ที่เป็นหญิง) และภรรยา (ที่เป็นชาย) ได้ผ่าตัดแปลงเพศเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วค่ะ ส่วนจิตใจก็เหมือนผู้หญิงทั่วไป เหลือเพียงอย่างเดียวที่เขาเปลี่ยนไม่ได้คือ ตัวตนในการเกิด และในบัตรประชาชน ค่ะ สำหรับ "คู่ ที่ไม่สมบูรณ์" นั้น ในความคิดของจิตรำพันคิดว่า ไม่ใช่ในกรณี ชาย - ชาย หรือ หญิง - หญิง หรอกค่ะ มันอยู่ที่ว่าคู่ของแต่ละคนจะมีความพอใจในกันและกันเพียงใด เติมเต็มให้กันได้เพียงใด หากจะว่าไปแล้ว ชาย - หญิง นี่ก็มีหลายคู่ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ต้องเลิกรากันไปก็มีค่ะ
25 ธันวาคม 2550 20:42 น. - comment id 20029
สวัสดีรอบที่สองค่ะคุณ Alphilic อืม... จิตรำพันว่ากรณีนี้มันน่าสนใจ ให้แง่คิดได้ไม่น้อยค่ะ ว่าเรานั้นรักเขาที่จิตใจ หรือว่าร่างกาย แต่ทว่า...มันก็เป็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์ ความเข้าใจกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และอย่าลืมความเชื่อใจกันด้วยค่ะ ซึ่งจะทำให้เกิด ความรักที่น่ายกย่อง ที่สุดไม่ว่าคู่ของคุณจะเป็นแบบไหนค่ะ
25 ธันวาคม 2550 21:30 น. - comment id 20030
~สิ่งมีค่า...........................ที่แท้จริง~ ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่.. ~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ~ความรัก..ที่แท้จริง~ ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้.. หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ .. - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ~ความรัก~ บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ.. หากแต่อยู่ที่....การกระทำ. ซึ่งเรา..อาจรับรู้.. เพียงแค่..ฝ่ายเดียว.. - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - คงเป็นความจำเป็น ที่เขาหรือเธอจำต้องปิดบัง ทว่าความรักนั้น จะยังมีความสำคัญอีกหรือ หากอีกฝ่ายปิดบัง - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
25 ธันวาคม 2550 21:38 น. - comment id 20032
จากความคิดเห็นของคุณอัลมิตราที่บอกว่า "ทว่าความรักนั้น จะยังมีความสำคัญอีกหรือ หากอีกฝ่ายปิดบัง" หัวใจคนเรามีสี่ห้อง ก็คงจะไม่ผิดใช่ไหมที่จะเก็บห้องหนึ่งไว้ให้ตัวเอง ...เป็นห้องส่วนตัว...ที่จะไม่มีใครล่วงล้ำเข้ามา คิดว่าอย่างนั้นนะคะ ^^
25 ธันวาคม 2550 22:38 น. - comment id 20033
ขึ้นกับวัฒนธรรมด้วยนะ...บ้านเรายังไม่ค่อย ยอมรับเรื่อง เกย์ ทอม ดี้ เลสฯ เวลาใครที่มี บุคลิกภาพแบบนี้ เลยปกปิด ซ่อนเร้น แต่ ตปท (อย่างเมกา) ที่นั่นเปิดเผย ยอมรับ ประกาศให้โลกรู้...ในห้องเรียนที่มีนักเรียน เกือบร้อย เขาก็ลุกมาบอกได้ว่าเป็นเกย์ ทุกคนยอมรับความแตกต่างในเรื่องนี้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ใครละเมิดไม่ได้ด้วย ที่มหาลัยที่ ป เรียนอยู่ (และคิดว่าทุกที่) จะมี ชมรม LGBT (lesbian, gay, bisexual and transgendered people) ตั้งกันมาเพื่อดูแล แบบเป็นการเป็นงานเลยล่ะค่ะ ....แต่สำหรับประเด็นเรื่องการปิดบังกัน จน ถึงขั้นแต่งงานแล้วมารู้ทีหลังนี่ คิดว่าคง เกิดปัญหาตามมาแน่นอน...เหมือนที่เราเห็น กันอยู่ตามข่าวต่างๆ....
25 ธันวาคม 2550 22:45 น. - comment id 20034
สวัสดีค่ะคุณอัลมิตรา อืม... ใช่ค่ะ น่าคิดจริง ๆ ทุกคน และทุกการกระทำที่เลือกจะกระทำ ย่อมมีเหตุผลในตัวของมันเองเสมอค่ะ แต่ทว่า... อยู่ที่ว่าก่อนทำไตร่ตรองได้ดีแค่ไหนถึงผลของการกระทำนั้น ซึ่งไม่ว่าจะออกมารูปแบบไหน เมื่อตัดสินใจทำแล้ว ก็ควรที่จะยอมรับในผลของมันด้วย เห็นด้วยนะคะ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อนสุดท้าย มันคงสร้างรอยแผลที่ไม่สามารถลบเลือนได้ให้กับอีกฝ่าย ถึงแม้จะรักมากแค่ไหน...แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงอยู่(เจ็บเพราะโดนโกหก ทั้ง ๆ ที่ถ้าพูดความจริงแต่แรกอาจจะรักกันมากกว่าเดิม)
25 ธันวาคม 2550 22:56 น. - comment id 20035
สวัสดีรอบที่สามค่ะคุณ Alphilic หัวใจคนเรามีสี่ห้องก็จริงค่ะ แต่ถ้าขาดห้องใดห้องหนึ่งไปหัวใจก็จะไม่เต็มดวง ความเป็นส่วนตัว..ห้องส่วนตัว จิตรำพันคิดว่าทุกคนย่อมมีที่เก็บสิ่งส่วนตัว โลกส่วนตัวของตนเองเสมอค่ะ แต่สำคัญที่ว่าสิ่งที่เราไม่ต้องการเปิดเผยให้เขาทราบนั้น ต้องไม่กระทบต่อตัวเขาด้วย สำหรับเรื่องนี้มันเป็นความสัมพันธ์ของคู่รัก มันอยู่ที่ว่าเราต้องรับความจริงของเราให้ได้ค่ะ เพื่อจะได้ไม่ต้องทำให้มีผลเสียตามหลัง จิตรำพันขอสนับสนุนคำพูดของพี่ ป. ใน ความคิดเห็นที่ 11 นะคะ เพราะหากคนเรารักกันจริง ควรจะยอมรับในตัวตนของคนรักได้ ทางที่ดีที่สุด น่าจะบอกไปตั้งแต่แรกค่ะ คนเราต้องกล้าที่จะยอมรับความเป็นจริง
25 ธันวาคม 2550 23:04 น. - comment id 20036
สวัสดีค่ะพี่ป. อืม... จริงค่ะสำหรับประเด็นการปิดบัง ไม่ว่าจะเป็นคู่แบบไหน ก็ต้องมีปัญหาแน่ ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ... ถ้าเป็นเราจะทำไงก็ยังคิดไม่ได้เหมือนกันค่ะ ก็ได้แต่ภาวนาว่า คนของเราเขาคงไม่ปิดบังอะไรเราไว้
27 ธันวาคม 2550 12:12 น. - comment id 20047
สวัสดีค่ะ คุณจิตรำพัน น้ำผึ้งขอเข้ามาแสดงความคิดเห็นนิดหนึ่งนะคะ จากประสบการณ์ที่รู้และเห็นมาน่ะค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า มีผู้หญิงสองคนที่เขารักกันและอยู่ด้วยกันอย่างสามีภรรยา โดยที่ผู้ที่ประพฤติตนเป็นสามีมิได้แปลงเพศแต่อย่างใด แล้ววันหนึ่งเขาสองคนก็ได้ขอเด็กมาเพื่อเลี้ยงเป็นลูก และเป็นลูกผู้หญิง ทุกคนก็ดำเนินชีวิตตามปกติ อยู่มาวันหนึ่งเด็กโตขึ้นมาพอจะรู้เรื่องบ้างแล้ว ก็ถามแม่ว่า ทำไมพ่อถึงมีอะไร(อวัยวะเพศ)เหมือนหนูเลย (สืบเนื่องจากอาบน้ำด้วยกัน) เท่านั้นแหละค่ะ แม่เขาไม่สามารถตอบได้และก็เกิดปัญหาอีกหลายอย่างตามมาเนื่องจากเด็กคนนั้นถูกเพื่อนๆที่โรงเรียนล้อทุกวัน..... นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อยนะคะที่เด็กคนหนึ่งต้องเผชิญ เพราะกว่าเขาจะโตและรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และกว่าที่เขาจะเข้าใจความรักที่ไม่มีขอบเขตนี้คงจะใช้ระยะเวลานาน น้ำผึ้งไม่ได้ต่อต้านคนกลุ่มนี้ น้ำผึ้งเข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามและเมื่อเรารักแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และนี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เขาไม่ยอมบอกตั้งแต่ต้นว่าตัวเองเป็นคนเพศไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยอมรับว่าสังคมไทยยังเป็นสังคมที่เกื้อหนุนกันอยู่ไม่ใช่แบบตัวใครตัวมันเหมือนประเทศอื่นที่คุณจะทำตัวหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไงก็ได้ คนเราเมื่อไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ตลอดชีวิตนี้ก็คงจะไม่พอใจอะไรทั้งสิ้นแหละค่ะ ดูจากเริ่มแรกก็แปลงเพศ ต่อมาก็เรียกร้องให้ยอมรับ ต่อมาก็ขอใช้คำนำหน้าชื่อที่ตนเองต้องการ นี่ก็เป็นข้อมูลเท่าที่รู้เท่านั้น และนอกจากนี้สังคมจะเกิดความวุ่นวายมากขนาดไหน ถ้าทุกคนมักจะทำตามความต้องการของตนเองเสมอ .....ร่ายมายาวเลยค่ะ สุดท้ายก็คงจะบอกได้คำเดียวว่า ขึ้นอยู่กับทรรศนะคติและมุมมองของทั้งคู่ที่คิดจะอยู่ด้วยกัน แต่ทางที่ดีควรจะพูดความจริงเสียก่อนในตอนที่คบกัน เพื่อให้ได้รับการยอมรับและรักอย่างจริงๆ ไม่ใช่ได้ความรักมาจากการโกหกหลอกลวง....สวัสดีนะคะ
28 ธันวาคม 2550 10:58 น. - comment id 20051
คงร้องไห้.... :) ก็มันน่าเสียใจน้อยอยู่เมื่อไร ที่คนรักหลอกลวงเรื่องสำคัญขนาดนี้....