เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้น แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมากเลยไม่ได้ยิน นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินสูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด ก็บอกกับทั้งสองว่า "เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้" พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย โดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่ แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้ "ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด" ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง" ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า" จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งผ่านความรัก ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย
21 พฤษภาคม 2550 16:15 น. - comment id 17903
อืม...แหล่งที่มา- จาก ฟอร์เวิร์ดเมล์ จ๊ะ
21 พฤษภาคม 2550 18:50 น. - comment id 17907
แหม กะลังจะเข้ามาบอกว่า .. เพราะคนที่เรารักมักทำให้ฝนตกในใจเราเสมอน่ะสิ .. ดันมีเฉลยก่อนซะแระ
21 พฤษภาคม 2550 18:59 น. - comment id 17908
อ่ะนะ !!! อารายจะแม่นขนาดนั้น ฮา ...
21 พฤษภาคม 2550 19:00 น. - comment id 17909
เวลาฝนตก ส่วนมากอยากนอนอุตุมากกว่า อิอิ
21 พฤษภาคม 2550 19:42 น. - comment id 17911
เรานึกถึงผ้าที่ตากไว้ทุกทีเลย.. เทวดาเจ้าขา ใจร้ายจังเลย... แหะ แหะ นึกตามๆ กัน..มันเป็นประโยคต่อเนื่องกันมั๊ง..
21 พฤษภาคม 2550 20:04 น. - comment id 17912
หยาดน้ำฝนหยดน้ำตาพาใจหมอง เฝ้าร่ำร้องคนเคยคู่ไปอยู่ไหน ระยะทางช่างแสนห่างแรมร้างไกล โอ้ ดวงใจอย่าเฉยชา มาเร็วเร็ว
21 พฤษภาคม 2550 20:44 น. - comment id 17913
ถึงว่าฝนตกทีไรเหงาทุกทีเลย
21 พฤษภาคม 2550 21:53 น. - comment id 17914
ความเหงามันมากับสายฝน และปนกับความหนาว พระจันทร์ทะเลฟ้าหยอกดาว ก็ทำให้ใจเหงาได้ทุกเวลา ถ้าเหงานะพี่ .... อยู่ดีดี มานก็เหงา ( เป็นบ่อย อิ อิ )
22 พฤษภาคม 2550 15:09 น. - comment id 17918
เพราะเราทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้น่ะสิ ก็เลยมีเวลาคิดเรื่องอะไรที่อยู่ในใจ และส่วนใหญ่ก็คิดถึงคนรักแบบว่า...บรรยากาศพาไป..อิอิ (ฝนตก ฟ้าร้อง ไฟดับ>>นอนหลับดีกว่า)
22 พฤษภาคม 2550 17:11 น. - comment id 17922
คงใช่..ความคิดเห็นล่าสุด..ฝนตกอาจจะทำอะไรและไปไหนไม่ได้..ก็เลยเหงาและพาลคิดถึงคนนั้นคนนี้..
22 พฤษภาคม 2550 17:27 น. - comment id 17925
24 พฤษภาคม 2550 20:52 น. - comment id 17951
คิดถึงเธอจัง "ที่รัก"
17 กรกฎาคม 2550 08:40 น. - comment id 18560
...