18 มิถุนายน 2547 13:23 น.

......เปรตคน......

บรรเจิด

เรืองระยิบทิพย์สรวงปวงทวยเทพ
ถิ่นตะเข็บขอบฟ้าเวหาหน
สุริยะอยู่เย็นยืนหยั่งทน
เหลียวเบื้องบนบ่บิ่นเหมือนดินดอน

สัจธรรมต่ำฟ้าดาราพร่าง
ทั่วทุกทางธารเขตขอดห่อนหอน
ฟ้าบนสูงสู่ไซร้ไม่เดือดร้อน
เทวดากรนนอนฟ้อนสราญ

น่าสมเพชเปรตคนต้องทนทุกข์
บ่มีสุขสมยากลำบากนาน
ดิ้นรนทนทุกข์ตรำทำงาน
เผื่อเจือจานผ่านท้องร้องโอดครวญ

เหลียวเบิ่งเทพเสพสุขสู่อิจฉา
แลข้าวปลาอาหารทานเต็มสวน
เปรตคนหรือมื้อหนึ่งพึงรัญจวน
หิวจนรวนป่วนไส้ไหลเป็นลม

ขอเทวดาอาหารเจือจานเปรต
แหกพระเนตรนำพาจะสุขสม
โปรยอาหารผ่านฟ้ามาตามลม
ให้เปรตชมชิมลิ้มรสโอชา

ตาจ้องฟ้าดาราอาหารเพริศ
ว่ารสเลิศล้ำปากยากจะหา
จ้องอยู่นานรำคาญพาลระอา
เทวดาหน้ามลไม่สนใจ

เปรตคนเศร้าเงาร่างบางกระจ้อย
พุงลีบน้อยม่อยหลับสลบไหล
ฝันไปว่าเทวดาบนฟ้าไกล
มอบขาไก่ไหเหล้าให้เมามาย

รสอาหารทานลงบรรจงเคี้ยว
แลเกิดเรี่ยวก่อแรงขึ้นมากหลาย
เปรตคนสุขสมรักมักสบาย
อาหารรายเรียงอิ่มจึ่งยิ้มบาน

แลพอตื่นกลืนหิวจนกิ่วไส้
เพียงฝันไปไป่จริงดั่งรสหวาน
เทวดามาเข้าฝันเขานาน
จึงลุกคลานคุ้ยถังแล้วนั่งกิน

เศษอาหารทานลงบรรจงเคี้ยว
ก่อเกิดเรี่ยวแรงอยู่สู่ถวิล
ข้าวระคนปนกับเกือกเม็ดดิน
ต่อชีวินไว้อยู่............คู่กาลกัลป์				
17 มิถุนายน 2547 14:09 น.

......ฟ้าหลังฝน......

บรรเจิด

เมฆดำลอยคล้อยเคลื่อนเลื่อนลมพัด
ตะวันจัดเจือแสงสาดส่องทั่ว
นกผกผินบินจรคอนบ่มัว
ฟ้าสลัวจากไปซ่อนไกลตา

เรืองความหวังฝังฝากที่อยากพบ
มิโดนกลบก่อเกิดเพริศอุษา
ฟ้าหลังฝนหล่นพร่างจางเมฆา
อุปมาว่าได้ดั่งเริ่มวัน

ฟ้าสีฟ้าทาทาบมิหยาบกร้าน
แลหยั่งนานปานหินห่มกลิ่นฝัน
เมฆสีขาวราวเปรียบเทียบเคียงกัน
เหลียวลาวัณย์หวังเผื่อเจือจานใจ

ทุกข์ระทมตรมเศร้าเงาบังบด
ฝนหลั่งรดล้างรกร้างไฉน
ฝันสุขเถิดท่องวันหวังยังไกล
บ่สู่ใคร่คร่ำคิดผิดฝังตรึง

จำเป็นบทจดเรียนเพียรแก้ไข
เคยผิดไซร้ไป่คิดว่าติดขึง
ตะวันใหม่ใสกว่าก่อคำนึง
มิรำพึงเพียงว่าฟ้าบ่งาม

เหลียวเบิ่งฝันวันหน้าให้ท้าค้น
ทุกข์ระคนปนทางทนสู่หาม
ฟ้ายังเปลี่ยนเป็นมาทุกโมงยาม
ว่าสีครามน้ำฟ้ายังมาแทน

ลืมสติเตือนทางทำบ่คิด
เคยมีผิดติดมาว่ามากแสน
หลงฟ้ามัวกลัวซ้ำกับคำแคน
ถากถางแล่นลอยวนให้จนใจ

ฟ้างามมัวเมฆีมีมาก่อน
ทุกข์ใดร้อนถอนเถิดจะเกิดใส
ปล่อยหนามคมจมจองอยู่ทำไม
รู้สิ่งใดไม่ดีก็หนีแปร

เปลี่ยนตัวตนเป็นคนมิทนทุกข์
เฝ้าปลอบปลุกปรุงใจให้หายแผล
สิ่งใดดีมีค่าเหลียวน่าแล
ใคร่เปลี่ยนแปรเป็นได้ดั่งครรลอง

แม้นเมฆดำคร่ำลอยลำเต็มฟ้า
อย่าเพิ่งล้าพาใจให้หม่นหมอง
คิดไว้เถิดจากนี้คือแสงทอง
สุกเรืองรองส่องฟ้า.........นภาลัย				
16 มิถุนายน 2547 12:35 น.

......เขลา......

บรรเจิด

แสงดาวเดือนพราวพร่างสุดทางเขต
สว่างเนตรน้ำหนองคลองคดไหล
แลแมกไม้ปลายท้าทิ่มฟ้าไกล
เหลียวเบิ่งใคร่ใครช่างประดิษฐ์ประดอย

ธรรมชาติแม่นหรือคือผู้คิด
หรือบัณฑิตเทวดาปั้นร้อย
ร่ายเรียงเสกมนต์สวรรค์ร่วงลอย
หล่นลงคอยปั้นแต่งร่างจำเริญตา

โสภาอาภรณ์ทุกตอนแต่ง
เสกจำแลงแปลงถิ่นทั่วโลกา
ก่อเกิดมนุษย์พืชสัตว์ธารา
กางแผ่นฟ้าห่มห่อให้อุ่นฤดี

โรยสติสู่ชนทรราช....
เจือความขลาดเขลาโง่ให้ขุนศรี
อีกความกลัวมัวเมาอยู่แรมปี
ฉลาดไป่มีเฉลียวโกยไกล

ป่าไพรใบร่มคมหอกดาบ
หนามดินหยาบเหยียบยอดไศล
เพิงพักพิงปลูกก่อกลางดงไพร
เพียงสมใจอยากอยู่สู่เชย

ใช่....ธรรมชาติแน่แล้วผู้สร้าง
สวรรค์ร้างมานานว่าเฉลย
เทวดาไป่มีดอกเฮย
มิท่านเลยปล่อยเรา......ให้เขลาทาง				
15 มิถุนายน 2547 16:42 น.

......อ่อนน้อม......

บรรเจิด

ยอมอ่อนน้อมถ่อมตัวกลัวดั่งเต่า
ใครว่าเราเขลาโง่บ่โทสา
สงบใจไม่พาลพูดทายท้า
เฝ้ารักษาค่าตนตามครรลอง

แม้มีใครคิดพาลอย่าหาญสู้
ขอให้อยู่รู้หลบเลี่ยงผยอง
มิอวดตนตัวใหญ่ใครเทียบคลอง
พูดข่มกลองกลางวันมันบ่ดี

เจียมตัวเราเขาท่านเทียมศักดิ์สูง
พี่ป้าลุงลุกนั่งระวังศรี
รักเคารพพบยามตามถิ่นที
ประเพณีน้อมอ่อนอ้อนลาวัณย์

ครูอาจารย์พานพบเคารพไหว้
มีน้ำใจใคร่สานสู่แข็งขัน
ช่วยท่านบ้างบางคราวควรแก่วัน
บ่หนีพลันเพียงงานจานชามเดียว

ยามคบเพื่อนเตือนตนให้ค้นคิด
ถูกหรือผิดชิดชวนควรเฉลียว
บ่เป็นคนคุยพูดเพียงคำเคียว
บาดใจเกี่ยวกุเพื่อนให้เลือนลาง

พ่อและแม่แก่ว่ายิ่งน่าฟัง
พูดระวังเว้นทำละคำหมาง
ชูเชื่อท่านหมั่นเรียนเพียรตามทาง
บ่คิดจางจืดถือถ้อยคำสอน

อ่อนน้อมถ่อมถ้อยทีหนีภัยพาล
สุขสำราญปานเปรียบเทียบผาขอน
นิ่งสงบคบใครมิใคร่คอน
เข้าตาร้อนผ่อนเบา......ให้เราดี				
14 มิถุนายน 2547 23:00 น.

......แม่ขวัญไร่ข้าว......

บรรเจิด

ลมโชยพัดพลิ้วปลิวผิวผ้าซิ่น
นวลยุพินพร้อมงามตามประสา
เก็บผักบุ้งบุงหาบหามข้าวปลา
ขอดแพรวาอาหารออกชานไกล

หน้าเก็บเกี่ยวเทียวทุ่งกระบุงหาบ
ทางเปลี่ยวราบหยาบหินดินไสล
ฝ่าทุ่งนาป่าเขาลำเนาไพร
ออกทุ่งไปไร่นาสุดฟ้าคราม

นาอยู่ไกลไร่ข้าวที่เฝ้าปลูก
เลี้ยงแลลูกผูกเปลปราบรกหนาม
มดแมลงแร้งฝนทนทุกยาม
มือเรียวงามงัดขุดขัดแปลงดิน

เหงื่อไหลหยดรดตัวทั่วผ้าขาด
ผิวสีผาดผากด้านดั่งแผ่นหิน
อดทนตรำทำงานปานชาชิน
ขอแค่กินเกี่ยวเก็บก่อพอเพียง

แสงแดดส่องสาดรดมิถดถอย
เคียวเกี่ยวก้อยร้อยรัดจัดผ้าเรียง
ว่านกลางไพรใดหามาตำเคียง
ประคบเพียงพันก้อยให้ค่อยทำ

อดทนเกี่ยวเทียวเก็บแม้เจ็บก้อย
มือเรียวน้อยค่อยกองกอละกำ
จัดเรียงเก็บเล็บลิ่มเลือดเกรอะดำ
ถึงพลบค่ำจำเคียวเลี้ยวซ่อนวาง

เสียงเรไรในป่าดังหน้าหลัง
เดินระวังว่าลูกเล่นอย่าห่าง
กลับเรือนเนาเขาป่าลาแปรทาง
ขวัญบ่จางนางกลับ.......ที่หลับนอน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบรรเจิด
Lovings  บรรเจิด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบรรเจิด
Lovings  บรรเจิด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบรรเจิด
Lovings  บรรเจิด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบรรเจิด