27 พฤษภาคม 2553 15:08 น.
บพิตร
พ่อจากบ้านวันก่อนตอนใกล้รุ่ง
ไปเมืองกรุงอยู่ไหนฉันไม่รู้
เคยเห็นแต่ท้องนาหาปลาปู
มีแต่ครูเคยกล่าวเล่าให้ฟัง
ชื่อกรุงเทพเมืองสวรรค์นั้นงดงาม
มีตึกรามสวยหรูดูในหนัง
พ่อบอกไปราชประสงค์ฉันงงจัง !
รู้หรือยังราชประสงค์ลงจุดใด ?
พ่อบอกมีคนพาอย่าเป็นห่วง
คอยรับช่วงเดินทางกลางกรุงใหญ่
เลี้ยงน้ำท่าอาหารสำราญใจ
มีเงินให้ค่าตัวอย่ากลัวเกรง
มีเสื้อ...แจกให้ใส่ทุกวัน
พร้อมหน้ากันกลางถนนทนคร่ำเคร่ง
เหล่าแกนทำพูดจาท่าครื้นเครง
บ้างร้องเพลงด่าใครไม่รู้ความ
จากคืนวันผันผ่านนานเป็นเดือน
มีเสียงเตือนความพร้อมล้อมลวดหนาม
พ่องุนงงใยเล่าต้องเฝ้ายาม
เสียงคำรามปืนก้องเสียงร้องครวญ
เห็นทหารชุดพรางกลางถนน
เสียงผู้คนอื้ออึงจึงวิ่งสวน
เห็นเปลวไฟพวยพุ่งคละคลุ้งควัน
ปืนดังลั่นพ่อล้มจมเลือดกอง
สายฝนพรมทุ่งนาพาชื่นฉ่ำ
เตรียมไถหว่านปักดำทำท้องร่อง
คิดถึงพ่อขึ้นมาน้ำตานอง
อยากเรียกร้องขอพ่อฉันนั้นคืนมา...
26 พฤษภาคม 2553 10:43 น.
บพิตร
@ คลื่นคนคงคู่คุ้ง................คงคา
ไหลร่วมรวมศรัทธา.............ท่วมท้น
อาบกินอิ่มกายา....................อบอุ่น ใจเฮย
ความเชื่อเพื่อหลุดพ้น..........สู่ห้วงสรวงสวรรค์
@ คืนวันผันผ่านพ้น...........พันปี
ฟากฝั่งวังนที.......................แน่นแฟ้น
อรุณรุ่งสุรีย์.........................สาดส่อง งามเอย
สวดส่งสนั่นแคว้น...............กราบไหว้บูชา
@ เวหานกร่าร้อง...............โบยบิน
สอดส่ายสายวาริน...............ส่องพื้น
มองหาเหยื่อหากิน..............เอมอิ่ม ใจนา
ปลาใหญ่ใจชุ่มชื้น..............ว่ายน้ำเวียนวน
@ บนฝั่งควันขุ่นคลุ้ง..........เปลวไฟ
เผาร่างคราหมดขัย.............ดับดิ้น
ณ ริมฝั่งชลไหล..................กลิ่นกรุ่น บุญเอย
หวังสู่สวรรค์สิ้น..................แม่น้ำคงคา.
25 พฤษภาคม 2553 08:54 น.
บพิตร
ห้วงเวลาเงียบเหงาและเศร้าสร้อย
ดาวเดือนคล้อยโน้มลงตรงปลายฟ้า
สายลมเย็นโชยพลิ้วผิวแผ่วมา
ดวงดารารายระยิบกระพริบพราว
กับเหม่อลอยลอยไกลในฟากฟ้า
กับน้ำตากล้ำกลืนในคืนหนาว
กับงดงามราตรีที่มีดาว
กับใจร้าวข้านี้สิทุกข์ทน
กับวันคืนเดือนปีที่ผันผ่าน
กับกลกาลหมุนย้อนผ่านร้อนฝน
กับความหวังยังฝันมั่นกมล
กับบางคนคอยหากลับมาเยือน
เสียงกระซิบขับขานผ่านเวลา
ความเหนื่อยล้าคู่ใจหาใดเหมือน
มีดวงดาวท้องฟ้ามาย้ำเตือน
ที่คลาเคลื่อนคือเวลาพาท้อทน
เห็นดาวตกพุ่งพราวจากราวฟ้า
เจ้าดาราทิ้งร่างลงกลางหน
ความจีรังหรือมีกี่ผู้คน
มิอาจพ้นร่วงร่างสู่กลางดิน
ห้วงเวลาเงียบเหงากับเศร้าสร้อย
ให้ล่องลอยดุจนกคราผกผิน
ในเงียบงันจิตภวังค์ยังยลยิน
เสียงยุพินกระซิบซ่านผ่านเวลา...
๒๕/๕/๕๓
19 พฤษภาคม 2553 14:16 น.
บพิตร
เหมือนนกไม่เห็นฟ้า
เหมือนปลาไม่เห็นฝั่ง
เหมือนอยู่เพียงลำพัง
ไร้ความหวังที่พึ่งพิง
กลุ่มควันที่พวยพุ่ง
เหนือเมืองกรุงคือความจริง
เสียงลั่นระดมยิง
ร่างผู้ใดที่ทรุดกอง
เลือดนี้คือเลือดไทย
ที่รินไหลอยู่เนืองนอง
เรียกหาความปรองดอง
แต่หันหลังไม่ฟังใคร
เพลิงแค้นที่เผาเมือง
ความขุ่นเคืองแห่งผู้ใด
ย่อยยับกับกองไฟ
คือความรัก...สามัคคี!!!
7 พฤษภาคม 2553 14:48 น.
บพิตร
เมษายนลมร้อนจนอ่อนล้า
เดือนที่ห้าหน้าแล้งแสงแดดผลาญ
คลายความร้อนผ่อนลงเล่นสงกรานต์
สุขสำราญประเพณีที่งดงาม
เมษายนปีนี้ที่ร้อนหนัก
คนปักหลักเรียกร้องก้องคำถาม
ยุบสภาไร้ชอบธรรมคำประณาม
เสียงคำรามข่มขู่ชูกำลัง
เสรีภาพลุกลามคุกคามสิทธิ์
แทบหมดฤทธิ์กฎหมายไร้ความขลัง
เจรจาเพียงต่อรองต้องล้มพัง
คนฝั่งประจันหน้าเมษายน
เสียงระเบิดเปรี้ยงแตกแยกคอกวัว
ปืนระรัวเจาะร่างกลางถนน
ทั้งสองฝั่งล้มตายหลายสิบคน
ที่ล่องหนใครฆ่าหาไม่เจอ
ใครกันหนอกำบังหลังชุดดำ
คอยเติมซ้ำตั้งใจใช่พลั้งเผลอ
เหนี่ยวไกรปืนแม่นแท้แน่นะเออ
มันชะเง้อเล็งจ้องส่องกระบาล
ล่วงเลยแล้วอำลาเมษายน
ให้ก้าวพ้นสิ่งร้ายให้พัดผ่าน
จากลมร้อนเหือดหายเป็นสายธาร
เหลือตำนานล้ำค่าเมษายน...