11 มีนาคม 2553 10:24 น.
บพิตร
เยือนอินเดีย เนปาล สานทางธรรม
แสนลึกล้ำวิถีชนคนหลากหลาย
ศาสนา ลัทธิ มีมากมาย
สืบเชื้อสายแบ่งวรรณะประชาชน
ใช้ชีวิตเหมือนทุกข์ยากลำบากนัก
แต่มีหลักศรัทธามาท่องบ่น
ต่างยึดมั่นหลักธรรมนำพาตน
ทุกแห่งหนมีน้ำใจให้แก่กัน
ณ ดินแดนพุทธภูมิชุ่มดวงจิต
เหมือนนิมิตสู่ภวังค์ในฝั่งฝัน
พุทธกาลล่วงมากว่าสองพัน
พระจอมธรรม์พุทธองค์ทรงย่างกราย
ที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม
จึ่งน้อมนำพุทธชนคนทั้งหลาย
แสวงบุญอุ่นยิ่งทั้งหญิงชาย
มิขาดสายหลายเชื้อชาตินิราศเยือน
ที่พระองค์ทรงดับขันธปรินิพพาน
ชั่วกัปกาลแม้นเวลาจะคลาเคลื่อน
ให้ระลึกสัจจธรรมคอยย้ำเตือน
อย่าลืมเลือนหลักธรรมองค์สัมมา.
อินเดีย
๒/๓/๕๓
๑๑.๒๓ น.
15 กุมภาพันธ์ 2553 15:48 น.
บพิตร
ขออำลาพี่น้องผองมวลมิตร
ด้วยดวงจิตแน่วแน่แผ่กุศล
สู่เส้นทางพุทธภูมิชุ่มกมล
บำเพ็ญตนบนทางธรรมองค์สัมมา
เฉลิมพระเกียรติพ่อหลวงแห่งปวงราษฎร์
วโรกาสแปดสิบสองครองพรรษา
อุปสมบทแดนพิสุทธิ์พุทธคยา
พร้อมยาตราจาริกปลีกนิวรณ์
ณ ดินแดนสังเวชนียสถาน
พุทธกาลบริสุทธิ์อนุสสรณ์
ที่ประสูติ ตรัสรู้คู่นคร
พร้อมขอพรที่พระองค์ทรงเทศน์ธรรม
กุสินารา ทรงดับขันธปรินิพพาน
ปลงสังขารพุทธองค์ทรงคุณล้ำ
เหมือนมีบุญได้ตามรอยคอยน้อมนำ
ความทรงจำจะสถิตนิจนิรันดร์
ด้วยตั้งใจสู่ร่มกาสาวพัสตร์
ปฏิบัติวัตรธรรมนำรูปขันธ์
ทำความดีถวายองค์พระทรงธรรม์
จิตมุ่งมั่นเพื่อพ่อหลวงแห่งปวงชน,
3 กุมภาพันธ์ 2553 09:14 น.
บพิตร
ณ ท่ามกลางวิปโยคโศกสลด
ความรันทดผู้คนบนโลกร้อน
แผ่นดินไหวคร่าชีวิตจิตร้าวรอน
ความเหนื่อยอ่อนหิวโหยโรยราแรง
กี่ซากศพถมทับกับผุพัง
พิโรธคลั่งธรณีที่ผาดแผลง
โลกเลื่อนลั่นแผดก้องนองเลือดแดง
วิถีแห่งธรรมชาติสุดคาดเดา
เสียงร่ำไห้คร่ำครวญชวนสังเวช
เหลือเพียงเศษซากพังดังขุนเขา
ชาวเฮติดั่งปีศาจผงาดเงา
เหยียบย่างเข้าย่อยยับกับซากโทรม
คราบน้ำตาเห็นไกลไปทั่วโลก
ภาพความโศกขาดแคลนแสนขื่นขม
นานาชาติประสานใจคลายเศร้าตรม
ร่วมระดมช่วยเหลือเอื้ออาทร
กลิ่นน้ำใจมวลมนุษย์ฉุดความหวัง
เป็นพลังต่อสู้ผู้เหนื่อยอ่อน
ลบรอยโศกรอยเศร้าเหงาอาวรณ์
ภาพสะท้อนมิตรไมตรีมีต่อกัน
มวลมนุษย์สุดท้ายที่หมายมุ่ง
คือผดุงสามัคคีที่หมายมั่น
ความเกื้อกูลคือเส้นทางสร้างสัมพันธ์
คือสวรรค์ที่งดงามตามผืนดิน.
19 มกราคม 2553 11:32 น.
บพิตร
@ วิปโยคโศกสะเทือน
คราลั่นเลื่อนแผ่นดินไหว
บ้านเมืองเรืองวิไล
ถล่มยับทับถมกอง
@ น้ำตากับสายเลือด
มิแห้งเหือดหลั่งไหลนอง
โหยหวนเสียงกรีดร้อง
ความรวดร้าวแห่งผู้คน
@ ซากศพเกินจักนับ
ร่างแหลกยับชวนสับสน
ไร้แหล่งพักพิงตน
นอนเกลือกกลิ้งกับซากโทรม
@ โหยหิวก็เติมซ้ำ
เหมือนบาปกรรมเข้าถาโถม
โรคร้ายก็จู่โจม
คร่าชีวิตปลิดวิญญาณ
@ ธรณีใยพิโรธ
หรือขึ้งโกรธมาเนิ่นนาน
ประจักษ์เป็นหลักฐาน
ว่ามนุษย์สุดทานทน
@ ธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่
กว่าสิ่งใดเกินเหตุผล
มนุษย์ดั่งธุลีชน
พร้อมสลายในพริบตา...
19 มกราคม 2553 09:00 น.
บพิตร
ค่ำคืนเหงาน้ำค้างพรมกับลมหนาว
มีเพียงดาวไร้เดือนเยือนฟากฟ้า
คืนมืดมิดยังมีแสงแห่งดารา
มิเจิดจ้าเจ้าวาววับกับราตรี
เสียงหรีดหริ่งเรไรในคืนค่ำ
ดั่งลำนำเพลงเศร้าเจ้าเสียดสี
เสียงขับขานดังเหยียบย่ำช้ำฤดี
ดาวหลากสีกระพริบเผยเหมือนเย้ยเรา
เพียงพลิ้วแผ่วลมหนาวที่พราวพร่าง
ช่างอ้างว้างเปลี่ยวใจในคืนเหงา
หากมีเธออยู่ใกล้ได้บรรเทา
ได้คลอเคล้าหนาวหนักจักผ่อนคลาย
มองดวงดาวที่ปลายฟ้าข้าหมองหม่น
ฟ้าเบื้องบนรู้ไหมข้าใจหาย
ฟ้ามีดาวเคล้าคู่อยู่เคียงกาย
ข้าเดียวดายในคืนเหงาเพียงเฝ้ามอง.