14 พฤศจิกายน 2548 16:52 น.
บพิตร
จุดธูปเทียนใส่กระทงลงลอยน้ำ
เพื่อน้อมนำขอขมาคงคาใส
คืนวันเพ็ญเดือนสิบสองผ่องอำไพ
นุ่มละไมแสงจันทร์นวลชวนให้ยล
ประเพณีดีงามตามก่อนเก่า
เหตุใดเล่าเด็กรุ่นใหม่ใยสับสน
มุ่งเสี่ยงทายหาคู่ดูชอบกล
ลืมคำคนแก่เฒ่าเล่าบอกความ
ลืมความหมายแท้จริงสิ่งเคยสอน
แต่กาลก่อนบอกไว้ไม่ไต่ถาม
กลับลุ่มหลงเพลิดเพลินจนเกินงาม
โลกีย์กามบังตาจนพร่ามัว
ยอมพลีกายเป็นสัญญาคืนฟ้าผ่อง
ใจลอยล่องเหมือนกระทงหลงทางชั่ว
บ้างเมามายอ่อนเพลียจนเสียตัว
หลงเกลือกกลั้วกลกามตามอารมณ์
เอาความสาวใส่กระทงลงน้ำเชี่ยว
ให้เลาะเลี้ยวธารกามาหาเหมาะสม
ชั่วข้ามคืนอาจเจ็บช้ำระกำตรม
กลายเป็นปมตราบาปตราบนิรันดร์
สิ่งดีงามตามครรลองควรตรองตรึก
จิตสำนึกอยู่ที่ตนบนทางฝัน
เกียรติภูมิแห่งศักดิ์ศรีมีทั่วกัน
ย่อมสร้างสรรค์ด้วยตัวเราใช่เขาใคร.
3 พฤศจิกายน 2548 15:27 น.
บพิตร
เห็นวัยรุ่นหนุ่มสาวคราวสดใส
จำเริญวัยเปล่งปลั่งช่างงามสม
ผ่องผิวพรรณอวบอิ่มยิ้มชวนชม
น่าภิรมย์สมวัยยามได้ยล
ผิวนุ่มนวลชวนมองของน้องนั้น
กลับแปรผันมีรอยสักชักฉงน
เป็นรอยริ้วลวดลายป้ายสีปน
บ้างระคนสัตว์น้อยใหญ่ไล้ผิวนวล
เจ้าทนเจ็บผิวช้ำเพียงหนำจิต
ช่วงชีวิตหนุ่มสาวคราวเสสรวล
คึกคะนองหลงตามคำเชิญชวน
ลืมใคร่ครวญถึงวันหน้าคราแก่วัย
ยังเต่งตึงดูดีมีสีสัน
โอ้อวดกันเปิดเผยเคยเห็นไหม
บางคนสักทั่วร่างช่างสะใจ
เผยเนื้อในให้คนมองจ้องตาวาว
หลับตานึกถึงวันหน้าคราแก่วัย
เคยสดใสกลับเหี่ยวย่นพ้นวัยสาว
ลวดลายสักยู่ยี่มีริ้วยาว
ผิวเคยขาวกลับหมองหม่นปนหย่อนยาน
จะอวดลายก็อายผิวเป็นริ้วหยัก
รอยที่สักไร้รูปทรงน่าสงสาร
ต้องปิดบังซ่อนไว้ดังไฝปาน
กลัวลูกหลานถามว่ารูปอะไร?.
2 พฤศจิกายน 2548 16:14 น.
บพิตร
สายลมพริ้วเพียงแผ่วแนวบุปผา
เริงลมร่าไหวเอนเป็นรายริ้ว
หมู่แมลงสยายปีกหลีกลมปลิว
กลางแถวทิวพฤกษาร่าเริงใจ
ลองลิ้มรสเกสรตอนหวานฉ่ำ
แสนดื่มด่ำเอมอิ่มยิ้มสดใส
ลิ้มรสหวานแล้วบินจรร่อนจากไกล
หาดอกใหม่ลิ้มลองต้องอารมณ์
ทิ้งกลีบดอกเหี่ยวเฉาเจ้าพฤกษา
เหมือนไร้ค่าไม่มองต้องขื่นขม
กลีบโรยราร่วงไปให้ตรอมตรม
กระแสลมกรรโชกซ้ำช้ำดอกใบ
ยามลมแรงภุมรินบินหลบลี้
เข้าหาที่พักผ่อนนอนหลับใหล
สุขอุราไม่ยลยินสิ้นเยื่อใย
ช่างกระไรไมตรีเคยมีมา
ดังชายหนุ่มกรุ้มกริ่มแย้มยิ้มหวาน
ยามซาบซ่านดวงจิตคิดใฝ่หา
หมายเชยชมอิงแอบแนบอุรา
ถ้อยวาจานุ่มนวลชวนรื่นรมย์
เมื่อได้ชมแล้วบินหายคล้ายภู่ผึ้ง
เคยฝังตรึงกลับเหินห่างอย่างเข็ดขม
เหมือนดอกไม้ถูกทิ้งร้างกลางสายลม
ต้องซานซมเพียงลำพังหลั่งน้ำตา.
24 ตุลาคม 2548 11:00 น.
บพิตร
@ ผ่านไปไม่ไปลับ
ยังย้อนกลับมารอบใหม่
หวาดหวั่นพรั่นฤทัย
เมื่อหวัดนกวกกลับมา
@ รัฐมนตรีเก้าอี้ร้อน
เกษตรกรร้อนใจกว่า
วอดวายครั้งผ่านมา
ยังไม่ฟื้นคืนตั้งตัว
@ มาแรงกว่าครั้งก่อน
เหมือนลมร้อนลามเลียทั่ว
โรคร้ายขยายตัว
เขย่าขวัญกันทั่วแดน
@ จากนกไก่สู่คน
หวาดกลัวจนอกสั่นแขวน
จากคนสู่คนแทน
ร้ายยิ่งกว่าถ้ากลายพันธุ์
@ ความจริงให้รีบแจ้ง
เร่งแถลงอย่าแปรผัน
หมกเม็ดเพื่อใครกัน
ซ่อนเร้นไว้ใครได้ดี.
23 ตุลาคม 2548 10:34 น.
บพิตร
@ หวัดนกลามทั่วทั้ง......................โลกา
เป็ดไก่วายชีวา...............................ด่าวดิ้น
ถูกเชือดไม่ไว้หน้า.........................กลัวแพร่ ลามไกล
การฆ่าคือบาปสิ้น............................ห่อนเว้นอุทธรณ์
@ กี่แสนกี่ล้านสิ้น
ต้องด่าวดิ้นกลางดินดอน
ฝูงนกตกจากคอน
ต้องม้วยมรณ์กองพะเนิน
@ โรคร้ายกล้ำกรายผ่าน
ทั้งเป็ดห่านสิ้นแรงเหิน
หวัดนกรุนแรงเกิน
เผชิญหน้าคร่าชีวี
@ หวัดนกใยหมกเม็ด
น้ำตาเล็ดผองน้องพี่
เพียงเพราะความอวดดี
ของผู้มีอำนาจครอง
@ ซ่อนเร้นเรื่องราวร้าย
ผู้วอดวายน้ำตานอง
เพียงความหยิ่งผยอง
ของผู้ใดในแผ่นดิน
@ กี่แสนกี่ล้านบาท
ใครประกาศค่าชีวิน
อนาถหนาครายลยิน
ดั่งติฉินค่าของคน
@ ดั่งหนูทดลองยา
นี่คนหนาอย่าฉ้อฉล
มั่งมีหรือยากจน
คงไม่พ้นวายชีวา
@ เงินทองนั้นต้องจิต
แต่ชีวิตนั้นเกินกว่า
กฎเกณฑ์เป็นราคา
แห่งเงินตราหาสมควร
@ ซื้อใดในโลกได้
ชีวิตไซร้จงใคร่ครวญ
น้ำตาแห่งกำสรวล
ควรหรือซับด้วยเงินตรา.