20 กุมภาพันธ์ 2552 08:38 น.
บพิตร
กัมมุนา วัตตะตี โลโก
เนิ่นนานโขภาษิตพุทธสุดลึกล้ำ
ว่า สัตว์โลก ย่อมเป็น ไปตามกรรม
ใครสร้างทำสิ่งใดให้สังวร
กัมมัสสะ กะตา สัทธา
ความเชื่อว่ากฎแห่งกรรมทำมาก่อน
เหล่าสัตว์โลกติดตัวมาอย่าอุทธรณ์
ต้องตอบย้อนส่งผลไม่พ้นเลย
เคยก่อกรรมทำผิดอดีตชาติ
คงมิอาจล้างกรรมทำเมินเฉย
หรือชาตินี้สร้างกรรมทำจนเคย
จะเปิดเผยหรือซ่อนเร้นไม่เว้นวาง
กรรมติดตัวไม่พ้นของตนเอง
แม้คร่ำเคร่งแก้ไปให้เหินห่าง
หามีใครหลีกพ้นบนเส้นทาง
มิอาจล้างได้หมด กฎแห่งกรรม
19 กุมภาพันธ์ 2552 14:45 น.
บพิตร
อันความ โกรธ คือขุ่นเคืองเรื่องที่เกิด
จนเลยเถิดไม่พอใจอย่างแรงกล้า
ส่วนความ ชัง คือไม่รัก ไม่นำพา
จนไม่อยากสนทนาเพราะว่า ชัง
ส่วนความ เกลียด ยิ่งหนักไม่อยากเห็น
ถึงหลบเร้นหนีหน้ามาก็ช่าง
รังเกียจมากไม่อยากพบหลบกำบัง
ยิ่งกว่า ชัง เพราะ เกลียด เครียดอุรา
อันความ โกรธ ไม่นานผ่านไปได้
เดี๋ยวก็หายความขุ่นข้องเริ่มมองหา
พอโกรธหายสายสัมพันธ์พลันกลับมา
จนลืมว่าเคยโกรธกันวันเข้าใจ
ส่วนความ ชัง ฝังจิตคิดหน่วงหนัก
จะหมาย รัก มาแทนแสนยากไซร้
แค่เปลี่ยน ชัง เป็น ชอบ จะตอบไป
ว่าทำได้ยังกังขาว่าเป็นจริง
ยิ่ง เกลียด กันหันหน้าหนีเดินรี่จาก
คงลำบากเพราะตัดใจได้ทุกสิ่ง
แม้หมายเอาน้ำทั้งห้ามาอ้างอิง
แสนยากยิ่งให้หันหน้ามาหากัน
ถึงแม้ โกรธ ถ้าไม่ ชัง ยังพอไหว
ถ้าเลยไกลถึง เกลียด ถึงเดียดฉันท์
ขอแค่ โกรธ กันบ้างบางช่วงวัน
อย่าถึงขั้น เกลียด ชัง ฝังใจเลย.
19 กุมภาพันธ์ 2552 08:52 น.
บพิตร
อีกกี่ครั้ง...ฝังกลบจะจบสิ้น
อีกกี่เถ้า...ธุลีดินต้องสิ้นสูญ
อีกกี่หน...ร่ำไห้ใจอาดูร
อีกกี่ปี...จะอบอุ่นดังก่อนกาล
แผ่นดินไทย...เป็นผืนเดียวไม่เสี้ยวแหว่ง
แผ่นดินไทย...ไม่เคยแบ่งเหนืออีสาน
แผ่นดินไทย...กลางใต้ก็วงค์วาร
แผ่นดินไทย...ล้วนลูกหลานจอมราชัน
ความขัดแย้ง...แห่งความคิดผิดแผกได้
ความขัดแย้ง...มิได้หมายเข้าห้ำหั่น
ความขัดแย้ง...ใช้เหตุผลค้นหากัน
ความขัดแย้ง...อย่างสร้างสรรค์นั้นมีคุณ
รักกันเถิด...พี่น้องไทยใช่ใครอื่น
รักกันเถิด...ร่วมหยัดยืนสร้างไออุ่น
รักกันเถิด...สร้างแดนไทยให้จำรูญ
รักกันเถิด...ความไพบูลย์จะกลับมา.
18 กุมภาพันธ์ 2552 15:50 น.
บพิตร
คุณสวมแหวนวงนี้ที่นิ้วไหน
บอกนิสัยเล่ากันมาน่าเชื่อถือ
ถ้าสวมแหวนแปลกแท้ หัวแม่มือ
ตัวคุณคือคนเชื่อมั่นไม่หวั่นใคร
สวมนิ้วชี้ คุณนี้รักความสวยงาม
ชอบทำตามรสนิยมสังคมใหญ่
ทำตัวเด่นเรียกร้องความสนใจ
ลุ่มหลงในความหรูหราสาระพัน
สวมนิ้วกลาง คุณก้าวล้ำนำสมัย
คิดสิ่งใดล่วงหน้ากล้าสร้างสรรค์
จินตนาการสูงล้ำเกินจำนรรจ์
อารมณ์ขันเริงร่าน่าชื่นชม
สวมนิ้วนาง คุณดื้อรั้นเอาแต่ใจ
ไม่แคร์ใครโต้เถียงเอาเสียงข่ม
ชอบปกปิดความรู้สึกให้ลึกจม
อาจขืนข่มกดดันกั้นตัวเอง
สวมนิ้วก้อย คุณเรียบร้อยและอ่อนหวาน
เฝ้าคิดอ่านโลกแห่งฝันมิครั่นเคร่ง
มองโลกนี้สีชมพูดูครื้นเครง
อาจวังเวงเพราะมองโลกดีเกินไป
คุณสวมแหวนหลายนิ้ว จนพลิ้วพราย
มีความหมายคุณพะวงจนหลงใหล
ความฟู่ฟ่าแต่ขาดซึ่งความมั่นใจ
สิ่งที่ได้คือผิดหวังนั่งเฝ้ามอง
คุณ ไม่ชอบสวมแหวน คุณแน่นหนัก
เป็นคนรักอิสระมาสนอง
ไม่ยึดติดกับสิ่งใดมัดใจครอง
อาจบกพร่องไร้หัวใจไร้อารมณ์.
18 กุมภาพันธ์ 2552 09:51 น.
บพิตร
เห็นกุหลาบช่อใหญ่ใครทิ้งขว้าง
อยู่ข้างทางไร้ค่าน่าสงสาร
เจ้าเหี่ยวเฉาไม่เหมือนเมื่อวันวาน
ที่เบ่งบานกลางใจใครหลายคน
วาเลนไทน์...คืนฝันวันแห่งรัก
จึงประจักษ์กุหลาบแดงทุกแห่งหน
จากดวงจิตมอบให้แทนใจตน
ปากพร่ำบ่นคำหวานซ่านซึ้งทรวง
ฉันรักเธอ...ความหมายให้แก่กัน
ทุกคืนวันรักเจ้าเฝ้าเป็นห่วง
กี่เดือนปีผ่านไปใจทั้งดวง
กาลเลยล่วงผูกพัน...ฉันรักเธอ
แทนความรักหนักหนา...วาเลนไทน์
มอบใจกายแก่กันกลางฝันเพ้อ
กลิ่นกุหลาบลวงใจคล้ายละเมอ
จนพลั้งเผลอห้วงตัณหากามารมณ์
ความสุขีที่หมายว่ารักมั่น
ชั่วข้ามวันข้ามคืนเป็นขื่นขม
ความหอมหวานแปรเปลี่ยนเป็นตรอมตรม
เพียงคารมเคลิบเคลิ้มเติมเชื้อไฟ
กุหลาบงามเหี่ยวเฉาเช้าวันพรุ่ง
กลิ่นคาวคลุ้งราคีมิสดใส
เจ้ายับเยินชอกช้ำเกินทำใจ
ขว้างทิ้งไปเป็นซากรัก...วาเลนไทน์.