15 มิถุนายน 2552 12:49 น.
บพิตร
เพลงคลื่นดังครืนเครง
ละเลงหาดมิเหือดหาย
เกลือกกลิ้งอยู่พริ้งพราย
ระรอกเล่าละเลงทราย
คืนวันวันคืนผ่าน
ยังสาดซ่านมิขาดสาย
เดือนปีปีเดือนย้าย
ยังหยอกเย้ามิย่อหย่อน
คลื่นครางดั่งครวญคร่ำ
เช้าเย็นค่ำดั่งคำวอน
สัตย์ซื่อคืออาภรณ์
ห้วงมหาชลาชล
คลื่นคลั่งดั่งขุ่นเคือง
ที่ย่างเยื้องโกลาหล
ซัดสาดประกาศตน
บอกศักดามหาสมุทร...ฯ
5 มิถุนายน 2552 11:48 น.
บพิตร
@ แสงเทียนที่ส่องทาง
ผืนดินกว้างสว่างไสว
อวิชชาดั่งบ้าใบ้
ความขลาดเขลาเข้าราญรอน
@ น้ำตาเทียนหยดไหล
แผดเผาไส้ให้ผุกร่อน
ได้แสงแห่งอาทร
ไล่โลกร้อนให้อุ่นเย็น
@ เทียนดับดังหลับตา
ทางเบื้องหน้าคือทุกข์เข็ญ
ก้าวย่างอย่างลำเค็ญ
เกินถึงฝันอันงดงาม
@ ใครดับจับเทียนจบ
ใยบัดซบจิตต่ำทราม
แสงเทียนที่วาววาม
ไล่มืดบอดแห่งปัญญา
@ ดำดิ่ง ณ แดนใต้
เสียงร่ำไห้ดังก้องหล้า
อกช้ำฉ่ำน้ำตา
เทียนล้มพับกับเลือดแดง
@ ฟากฟ้ายังหมองหม่น
เหล่าผู้คนสิ้นเรี่ยวแรง
ขลาดเขลาเข้าผาดแผลง
อวิชชาก็ร่าเริง......ฯฯฯ
ขอเป็นกำลังใจ ให้คุณครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดภาคใต้
4 มิถุนายน 2552 12:37 น.
บพิตร
@ จากบ้านป่าแรมรอนมาร่อนเร่
ใยหักเหชีวิตผิดฝั่งฝา
จากแดนดงเดินดุ่มลุ่มนครา
แสงสาดจ้าคืนค่ำทำวกวน
@ เห็นยวดยานเหยียบย่างอย่างยุ่งเหยิง
ร้อนดั่งเพลิงป่าปูนวุ่นสับสน
ไร้ร่มรื่นเงาไม้ในป่าคน
นี่แห่งหน ใดนี่ ที่เหยียบยืน?
@ หญ้าสักกำน้ำสักหนองมองไม่เห็น
จะหลบเร้นหลีกร้อนเกินผ่อนฝืน
จะหามุมมืดใดในค่ำคืน
ที่ดาษดื่นคือดวงไฟใช่ใบพฤกษ์
@ จากบ้านป่าสู่เมืองแม้เคืองขุ่น
มาแทนคุณเลี้ยงคนวนซอกตึก
คิดถึงบ้านคิดถึงป่าหลับตานึก
ความรู้สึกใครรู้บ้างช้างเลี้ยงคน!!!!
3 มิถุนายน 2552 12:37 น.
บพิตร
เหล่าสัตว์โลกดิ้นรนบนทางเถื่อน
หาบิดเบือนธรรมชาติที่สร้างสรรค์
นิเวศน์นำพึ่งพากันและกัน
บ้างฆ่าฟันเพื่อสมดุลหนุนวงจร
เป็นสัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อยคอยควบคุม
มากเป็นกลุ่มเกินเกณฑ์เป็นทุกข์ร้อน
ธรรมชาติผูกพันเป็นขั้นตอน
ช่วยผันผ่อนความเปลี่ยนแปลงแห่งเวลา
เป็นมนุษย์อ้างเอาเราประเสริฐ
คนเลอเลิศกว่าใดในโลกหล้า
พฤติกรรมต่ำทรามใยนำพา
เพราะตัณหาพาให้ไร้ปรานี
เหล่าสัตว์ป่าฆ่ากันนั้นชอบธรรม
หาชอกช้ำเพราะสมดุลอุ่นวิถี
มนุษย์โลกเหี้ยมหาญผลาญชีวี
ความชั่วดีคนกับสัตว์วัดด้วยใจ.
(จากข่าวนำงูพิษมากัดไก่ให้ตายต่อหน้า
ก่อนนำไปปรุงเป็นอาหาร)
27 พฤษภาคม 2552 15:18 น.
บพิตร
ปีสองห้าห้าสองท้องฟ้าหม่น
ประชาชนบนแผ่นดินสิ้นสุขี
แม่ทัพใหญ่ สามก๊ก วกวนตี
คอยบดบี้ทำศึกคึกคะนอง
อัน ลิ้มก๊ก ใส่เสื้อเหลืองยืนเรียงหน้า
มี มหา เป็นกุนซือเคยชื่อก้อง
มากจอมยุทธบุ๋นบู๊อยู่เป็นกอง
ส่งเสียงร้อง..ออกไป...ไล่พ้นเมือง
ส่วน คูก๊ก สีแดงแรงฤทธา
จอมทัพกล้าอยู่ต่างแคว้นแสนปราดเปรื่อง
มี สามเกลอ กุนซือใหญ่ใช้ทุนเปลือง
มีครบเครื่องเสบียงหนักจักต่อกร
อัน ห้อยก๊ก เปลี่ยนสีได้ไม่แน่นัก
คอยปักหลักที่ราบสูงมุ่งหลอกหลอน
รวมไพร่พลซุ่มมองจ้องบนคอน
คอยยอกย้อนยื้อแย่งแทงข้างหลัง
พลิกตำราพิชัยยุทธเข้ายึดแย่ง
กุนซือแกร่งจอมทัพกล้าหาหยุดยั้ง
เหล่านักรบหลงลมโหมประดัง
ถึงบ้าคลั่งโรมรันประจัญบาน
ประชาชนตาดำดำที่ช้ำหนัก
รุ่มร้อนนักในใจดั่งไฟผลาญ
ทั้ง สามก๊ก ก็คือไทยใยร้าวราน
อกสะท้านอายหนักหนาอายฟ้าดิน!!!