แนะเธอมองซิแดดเช้า
อาทิตย์ยั่วเย้า
โปรยยิ้มอิ่มอุ่นละไม
แสงทองสาดส่องอำไพ
ปลุกปลอบชโลมใจ
รับขวัญวันใหม่อีกครา
ผ่อนทุกข์รุกร้อนอ่อนล้า
เย็นลมโชยมา
สดชื่นหยิบยื่นโดยพลัน
มองซิหยดน้ำค้างนั้น
กอดรัดกระสัน
ลูบไล้หยอดหญ้าอาภรณ์
เจ้าหยดน้ำค้างอรชร
ออเซาะออดอ้อน
ซบหญ้าลดาปฐวี
ก่อนแสงเจิดจ้าสุรีย์
หมดสิ้นไมตรี
สาดแสงแรงร้ายปรายตา
แผดเผาหยาดทิพย์อุษา
ในสายทิวา
ระเหิดระเหยลับกาล
มองซิโน่นดอกไม้บาน
อวดกลีบเยาวมาลย์ สุคนธ์พะยอมบุปผา
มวลหมู่ภู่ผึ้งโหยหา
ซบกลีบผกา
คลุกเคล้าเกสรว่อนบิน
ดูซิน้ำใสไหลริน
เซาะแก่งแหล่งหิน
ซัดซ่าธาราบรรเลง
ฟังซิสายธารบทเพลง
ขับกล่อมเธอเอง
ด้วยเสียงแห่งเพลงพงไพร
มอบแด่ผู้อ่อนเยาว์วัย
ยามโลกสิ้นไร้
ผู้ปลุกปลอบจิตวิญญาณ์
ยามเธอทุกข์ร้อนอ่อนล้า
ซบอกแห่งข้า
รอรับอรุณอุ่นไอ....
หากต่อมาอย่ารอรีวิ่งหนีต่อ
ขืนรีรอต่อต่อยปล่อยพิษร้าย
อาจเจ็บแสบแปลบปวดรวดร้าวกาย
เจ็บเจียนตายพิษต่อเพราะรอรี
ต่อตัวน้อยต่อยทีไม่มีหมัด
แต่ถนัดการต่อยไม่ถอยหนี
ใครรานรุกบุกรังไม่หวังดี
เหล็กในมีจู่โจมเข้าโรมรัน
สร้างรังน้อยค่อยๆต่อก่อรังใหญ่
สามัคคีต่อใช้ใครรังสรรค์
สังคมต่อก่อสังคมอุดมครัน
ต่อแข็งขันเยี่ยงต่อก่อการดี
ต่อมีปากไม่มากแค่ปากต่อ
ไม่ด่าทอต่อปากสำรากยี้
แต่ปากต่อก่อการรักสามัคคี
ต่อปากมีชี้ทางเพื่อสร้างรัง
หากคนมาอย่ารอรีวิ่งหนีคน
ไปให้พ้นจริงเชียวอย่าเหลียวหลัง
เพราะคนจึงไม่พ้นยุ่งอีนุงนัง
คนจึงพังยับเยินจนเกินคน
มันมีตีนมีหมัดซัดกันแหลก
ร้าวเกินแยกแตกเกินร้าวเกินเกินกล่าวผล
ตีนต่อตีน หมัดต่อหมัด อัดกันจน
รังของตนแหลกเห็นไม่เป็นรัง
เพราะปากคนพาจนคนมีปาก
ทว่าหากปากดีมีมนต์ขลัง
แต่ปากพล่อยคอยหาแต่บาทัง
ไม่สร้างรังแล้วยังหมายทำลายกัน
สังคมคนเคืองขุ่นวุ่นวายนัก
เพราะปากมักเห่าหอนห่อนสร้างสรรค์
หอกคือปากถากถาสารพัน
ตะบี้ตะบันปากพล่อยชวนต่อยตี
เหอะ...ต่อมาต่อไปใครมีปาก
แล้วพูดมากปากบอนตะกอนขี้
มีแต่ปากสักแต่คำทำวาที
อย่ารอรีต่อมา...ต่อยหน้ามัน....