30 พฤศจิกายน 2550 17:55 น.
บนข.
พรหมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดิน เหี้ยก็เพลินเดินหลงไม่สงสัย
เหี้ยกับเหี้ยเจอกันก็บรรลัย เหี้ยหนึ่งอยู่เหี้ยหนึ่งตายจึงดูดี
เหี้ยตัวหนึ่งซึ่งเหล่าบรรดาเหี้ย ก้มหัวเหี้ยยำเยงเกรงศักดิ์ศรี
เรียกเฮียเหี้ยท่านเหี้ยว่าเหี้ยดี บริวารมีมากมายเรียงรายมา
จะเยื้องย่างเหยียบไหนห่างไกลรู เหล่าเหี้ยหมู่มากมายอารักษ์ขา
เหี้ยศัตรูหมู่อมิตรคิดบีฑา อย่าหวังมากล้ำกรายถึงกายมัน
บารมีคับรูอยู่โพรงกว้าง เงินทองง้างเหี้ยทั้งหลายก็ผายผัน
ยอมสยบซบหางให้ทางมัน นัมเบอร์วันเหี้ยทั้งนั้นก็เยินยอ
เริ่มรวมกลุ่มชุมพลคนรักเหี้ย ชวนลูกเมียตั้งพรรคสมัครขอ
เหี้ยรักเหี้ยพรรคใหญ่มากมายพอ เดินชูคอหางยาวเข้าสภา
ในสภามากมายตัวลายพร้อย เหี้ยห้าร้อยคราคร่ำทำหวือหวา
กลุ่มน้ำเน่า น้ำเย็น เหม็นสภา ไม่ชักช้าจัดตั้งรัฐบาล
เหี้ยรักเหี้ยวุ่นวายออกลายเหี้ย แลบลิ้นเลียรุมแย่งแบ่งของหวาน
รอมอตอ รอมอชอ รอมานาน ต่างประสานยื้อรุมให้กลุ่มตน
เริ่มโครงการกินบ้านผลาญประเทศ ทุกคามเขต ร้อนรุก ไปทุกหน
งบประมาณผลาญไปไม่กังวล ประชาเหี้ยยากจนไม่สนใจ
ประเทศเหี้ยเข้ายุคเหมือนคุกมืด เงินก็ฝืด เศรษฐกิจแย่ แก้ไม่ไหว
ข้าวของแพง ทุนหาย ไร้กำไร ความปลอดภัยไม่มีทุกที่ทาง
ทหารเหี้ยจึงตบเท้าเข้ากำจัด ความวิบัติทั้งผองต้องสะสาง
ปฏิวัติมันออกไปไม่ละวาง สิ้นหนทางเหี้ยรักเหี้ยละเหี่ยใจ
กรรมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดิน หากเหี้ยเพลินเดินหลงไม่สงสัย
สุดเส้นทางสายนั้นคือบรรลัย เหี้ยรักเหี้ยนั่นไง สอนใจเอย...
24 พฤศจิกายน 2550 16:49 น.
บนข.
ยิ่งตึงยิ่งกระชับขยับยาก ผ่อนตึงจึงหากขยับง่าย
ยิ่งหลวมยิ่งสวมลำบากกาย ผ่อนหลวมสวมกายได้พอดี
ยิ่งใหญ่ยิ่งคับไม่พอตัว โลกเล็กกว่าตัวไม่พอที่
เป็นนกน้อยสร้างรังแต่พอดี ก็ย่อมมีสุขได้สบายครัน
ยิ่งสูงยิ่งเสียวด้วยลมบน สายฝนลมฟ้าหุนหัน
โมโหโกรธาโลภาพัน ฟาดฟันล้มทับพสุธา
หากใฝ่สูงเกินไปให้ประจักษ์ อาจจมปลักตมหนองต้องผวา
จงอยู่ดีพอดีคุมชีวา ไร้ภัยมาเบียนเบียดเสนียดตน
ยิ่งต่ำยิ่งตกลงหุบเหว เป็นคนเลวคนชังช่างสับสน
มีแต่คนเยียบย่ำระยำตน ให้หมองหม่นอุราพาทุกข์ใจ
ยี่งดียิ่งเด่นเป็นลำบาก หลบลมปากผู้คนพ้นไฉน
จงทำดีอย่าให้เด่นจะเป็นภัย อยู่ที่ไหนอย่าให้เด่นจะเป็นดี
ยิ่งรักยิ่งทุกข์ให้ช้ำชอก เหมือนหนามยอกกลางใจให้ช้ำฝี
ริจะรักรักใครให้พอดี จะไม่มีช้ำนักเมื่อรักลวง
ยิ่งโลภยิ่งหมายยิ่งไขว่คว้า ดุจหมาคาบเนื้อห่วงหวง
กลัวเงาตนเองหลอกลวง ปล่อยเนื้อหลุดร่วง..อดกินเอย...
23 พฤศจิกายน 2550 17:28 น.
บนข.
ข้าวมันไก่ขวางหน้าข้าไม่หวั่น หมูสามชั้นประจันหน้าข้าไม่หนี
อีกทุเรียนหมอนทองผองชะนี ข้ายอมพลีชีวาตม์ฟาดกะมัน
ข้าวขาหมูอยู่ไหนข้าไม่หลบ ขอท้ารบข้าวหมูแดงมาแกล้งหยัน
ข้าวหน้าเป็ดราดหน้ากล้าประจัญ ต้องรบกันพุงป่องท้องแตกตาย
ก๊วยเตี๋ยวเป็ดผัดไทยที่ไหนแน่ หากมาแส่ลองของต้องสลาย
หมูพะโล้มันย่องต้องกระจาย ขอไว้ลายฟาดฟันจนบรรลัย
ข้าวหมกไก่ใส่มากะหมูกรอบ คือของชอบชื่นจิตพิศมัย
คอหมูย่างยกมาช้าอยู่ไย มิสนใจรีรอเข้าต่อกร
หมูกะทะข้าไม่ละให้ลอยนวน กลิ่นหอมหวลไก่ย่างวางสลอน
เป็ดปักกิ่งหมูหันไม่หวั่นคลอน ข้าราญรอนรบมาไม่ปราณี
อันต้มยำไก่บ้านซ่านรสเด็ด ทั้งแกงเผ็ดปลาไหลไม่หลีกหนี
หากต้มเปรตกิ่งก่ามาราวี ข้าโจมตีทุกทัพสำหรับไป
ต้มยำกุ้งผักบุ้งพุ่งลอยฟ้า ทั้งแก่งเผ็ดแกงป่าอย่าเฉไฉ
อีกไส้กรอกส้มตำทั้งลาวไทย เขียวหวานไก่แกงส้มต้องล้มมัน
อันหมูย่างเมืองตรังสั่งเป็นตัว ข้าไม่กลัวอยู่แล้วแม่แก้วขวัญ
วางบนเขียงมีดสับเข้าฉับพลัน อาวุธสั้นช้อนคู่กรูเข้าตี
.....ไม่ว่าไรขวางหน้าข้าไม่หวั่น กล้าประจัญทุกศึกไม่นึกหนี
กินทุกอย่างขวางหน้าบรรดามี เฒ่าอัปรีย์ชูชกซูฮกเอย.....
21 พฤศจิกายน 2550 16:17 น.
บนข.
ไร้ดอกดินต่ำต้อยฝอยดอกหญ้า เหล่าดอกฟ้าเบื้องบนก็หม่นหมอง
ไร้หมู่ผึ้งภมรร่อนจับจอง ผกากรอง ดอกไม้ ไม่ยินดี
ไร้หยดใส น้ำค้าง ที่พร่างพราว ไร้ธารวาว หลั่งไหล ไร้สุขี
ไร้ห้วยคลองเกาะแก่งแหล่งนที ก็ไร้วี่สมุทรสุดเขียวคราม
ไร้ซึ่งทรายมากมายอันรายร้อย หาดก็พลอย ถูกฉิน ดูหมิ่นหยาม
ไร้แมกไม้นานาพันธ์บรรพตงาม ก็ไร้นาม กล่าวขาน ผ่านพงไพร
ไร้ซึ่งหยาดอุทกตกจากฟ้า โลกโลกาทั้งผอง ก็หมองไหม้
ไร้แสงทองแห่งธรรมส่องนำใจ โลกบรรลัยวอดวายฉิบหายเอย...
20 พฤศจิกายน 2550 19:02 น.
บนข.
ใต้ร่มเย็นเป็นไฉน ไร้ร่มเงาน่าฉงน
ด้านขวานรึทานทน กี่แผนคนกิเลสใคร
ใครคือผู้ก่อการณ์ ผู้อาจหาญมาจุดไฟ
สุมเชื้ออยู่ภายใน กระพือไฟให้ลุกลาม
ด้ามปืนเข้าแทนที่ ด้ามขวานนี้ก็ถูกหยาม
ทุกข์ประชาทุกเขตคาม คือไฟลามที่รอวัน
กว่าไฟจะมอดดับ กี่ศพนับทับถมกัน
กี่กระสุนที่โรมรัน เลือดใครกันที่หลั่งริน
หรือไทยจะล้างไทย ให้หมดไปจากแผ่นดิน
เลือดไทยที่ไหลริน ชะโลมถิ่นแผ่นดินใคร
ใต้ร่มเย็มจะร่มเงา หยุดเราเขาก่อนอื่นใด
เปิดใจประสานใจ ดับไฟใต้หมายร่มเย็น....