9 ธันวาคม 2550 16:04 น.
บนข.
สะพานไม้ทอดยาวเข้าสลัม
ดงน้ำครำลำคลองไหลนองผ่าน
สีคล้ำดำน้ำเน่ามาเนิ่นนาน
แหล่งโดยสารขยะพบปะกัน
ซากหมาเน่าล่องลอยมาอ้อยอิ่ง
แล้วหยุดนิ่งพิงเสาสะพานนั่น
ประดุจเพื่อนห่างไกลได้พบกัน
ได้สังสรรค์พูดกล่าวเรื่องราวตน
สะพานไม้ทอดยาวเข้าสลัม
มีเสาค้ำเคียงคู่สู้แดดฝน
กี่น้ำเน่าเสาสะพานยังทานทน
รองรับคนก้าวผ่านบ้านสลัม
ฟากสะพานบางอันนั้นหลุดบ้าง
เมื่อก้าวย่างประมาทอาจล้มคว่ำ
กลิ่นน้ำเน่าเสาสะพานผ่านน้ำครำ
บันทึกจำทุกเท้าที่ก้าวไป
สะพานไม้ทอดยาวเข้าสลัม
มีเท้าย่ำหมากหมู่ดูขวักไขว่
เขาเข้ามาหาเสียงประชาธิปไตย
เลือกตั้งใหม่หมายมั่นชั้นสภา
เขาเหยียบบนสะพานผ่านน้ำครำ
เหมือนเหยียบย่ำชาวสลัมทั่วหน้า
สองมือไหว้อ่อนน้อมถ่อมกายา
ขอเมตตาชายหญิงอย่างจริงจัง
สะพานไม้ทอดยาวเข้าสลัม
ไม่อยากจำเรื่องราวกล่าวความหลัง
หมาเน่าหนึ่งลอยมาน่าชิงชัง
แล้วติดยังเสาสะพานไม่ผ่านไป
เสาสะพานมิอาจต้านซากสุนัข
ถึงกับหักลงพลันสนั่นไหว
ซากหมาเน่าเสาสะพานตำนานใคร
น้ำเน่าไหลหลากนองท้องสภา....
5 ธันวาคม 2550 15:35 น.
บนข.
-กลอนแปดกระทู้-
ยิ้ม ไว้ก่อนนะสหายทั้งชายหญิง
เสน่ห์ยิ่งจับจิตพิศมัย
แย้ม โอฐเอื้อนทักทายคล้ายมาลัย
หอมละไมผูกจิตพิชิตชน
แจ่ม จรัสเจิดจ้าดังอาทิตย์
ทั่วทุกทิศส่องทางสว่างหน
ใส น้ำจิตไรหมองครองใจตน
ย่อมผ่านพ้นมลทินคนนินทา
- โคลงกระทู้-
ใส นอกเก็บขุ่นนั้น ภายใน
แจ่ม เยี่ยงสุรีอุทัย เบิกฟ้า
แย้ม ยิ้มปริ่มพักตร์ไซร้ เสน่ห์ยิ่ง นาแม่
ยิ้ม แย้มก่อนจักคว้า รักนี้ไปชม
แจ่ม ใสเช่นน้ำค้างท่ามกลางหาว
เช่นดวงดาวพราวพร่างกลางเวหา
ใส แจ่มด้วยท่าทีที่วาจา
เจรจาอ่อนน้อมพร้อมใจกาย
ยิ้ม แย้มย้ำบ่อยบ่อยค่อยค่อยยิ้ม
รอยยิ้มคือของดีไม่มีขาย
แย้ม ยิ้มกันเถิดเราเผ่าหญิงชาย
โลกนี้หมายสดใส ใส่รอยยิ้ม...
4 ธันวาคม 2550 18:02 น.
บนข.
ยิ้มยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้มยิ้ม เธอจิ้มลิ้มพริ้มพักตร์มีลักยิ้ม
ฉันหลงไหลนงลักษณ์ตรงพักตร์พริ้ม แก้มเต็มอิ่มยามเธอเผลอยิ้มมา
ยิ้มเธอเป็นเช่นแสงอาทิตย์ส่อง งามผุดผ่องส่องใจให้เจิดจ้า
ยิ้มเธอเช่นแสงทองของจันทรา ที่ส่องฟ้างดงามยามราตรี
ยิ้มยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้มแย้ม เธอแต่งแต้มเติมใจให้สุขี
แม้บุปผามาลัยอันใดมี ต้องเอนหนีหน้าหลบพบยิ้มเธอ
อันแสงแดดหยุดแผดรัศมี สายนทีหยุดหลั่งด้วยพลั้งเผลอ
สายลมหยุดพัดไกวใจละเมอ แค่เพียงเธอเอียงอายปรายยิ้มมา
ยิ้มยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้ม ยิ้มบ่อยบ่อย รอยยิ้มร้อยใยรักสิเนหา
ฉันยิ้มได้แม้ตรมขมอุรา ยิ้มทุกคราวคราสบพบภัยพาล
เธอสอนฉันให้ยิ้มกับก้อนหิน แหล่งน้ำรินห้วยหนองคลองละหาน
กับสายลมแสงแดดแผดเผานาน ฉันเจือจานยิ้มย่องผุดผ่องใจ
ยิ้มยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้ม ยิ้มกันเถิด ยิ้มก่อเกิดไมตรีที่สดใส
ฉันจึงยิ้มยิ้มได้ไม่อายใคร ยิ้มเรื่อยไปทุกวันไม่หวั่นเลย
ยิ้มยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้ม ยิ้มยิ้มยิ้ม เธอจิ้มลิ้มพริ้มพักตร์รักจริงเหวย
หากฉันรักรักใครที่ไหนเอย ขอเฉลย นามเธอนี้ ศรีธัญญา....
30 พฤศจิกายน 2550 17:55 น.
บนข.
พรหมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดิน เหี้ยก็เพลินเดินหลงไม่สงสัย
เหี้ยกับเหี้ยเจอกันก็บรรลัย เหี้ยหนึ่งอยู่เหี้ยหนึ่งตายจึงดูดี
เหี้ยตัวหนึ่งซึ่งเหล่าบรรดาเหี้ย ก้มหัวเหี้ยยำเยงเกรงศักดิ์ศรี
เรียกเฮียเหี้ยท่านเหี้ยว่าเหี้ยดี บริวารมีมากมายเรียงรายมา
จะเยื้องย่างเหยียบไหนห่างไกลรู เหล่าเหี้ยหมู่มากมายอารักษ์ขา
เหี้ยศัตรูหมู่อมิตรคิดบีฑา อย่าหวังมากล้ำกรายถึงกายมัน
บารมีคับรูอยู่โพรงกว้าง เงินทองง้างเหี้ยทั้งหลายก็ผายผัน
ยอมสยบซบหางให้ทางมัน นัมเบอร์วันเหี้ยทั้งนั้นก็เยินยอ
เริ่มรวมกลุ่มชุมพลคนรักเหี้ย ชวนลูกเมียตั้งพรรคสมัครขอ
เหี้ยรักเหี้ยพรรคใหญ่มากมายพอ เดินชูคอหางยาวเข้าสภา
ในสภามากมายตัวลายพร้อย เหี้ยห้าร้อยคราคร่ำทำหวือหวา
กลุ่มน้ำเน่า น้ำเย็น เหม็นสภา ไม่ชักช้าจัดตั้งรัฐบาล
เหี้ยรักเหี้ยวุ่นวายออกลายเหี้ย แลบลิ้นเลียรุมแย่งแบ่งของหวาน
รอมอตอ รอมอชอ รอมานาน ต่างประสานยื้อรุมให้กลุ่มตน
เริ่มโครงการกินบ้านผลาญประเทศ ทุกคามเขต ร้อนรุก ไปทุกหน
งบประมาณผลาญไปไม่กังวล ประชาเหี้ยยากจนไม่สนใจ
ประเทศเหี้ยเข้ายุคเหมือนคุกมืด เงินก็ฝืด เศรษฐกิจแย่ แก้ไม่ไหว
ข้าวของแพง ทุนหาย ไร้กำไร ความปลอดภัยไม่มีทุกที่ทาง
ทหารเหี้ยจึงตบเท้าเข้ากำจัด ความวิบัติทั้งผองต้องสะสาง
ปฏิวัติมันออกไปไม่ละวาง สิ้นหนทางเหี้ยรักเหี้ยละเหี่ยใจ
กรรมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดิน หากเหี้ยเพลินเดินหลงไม่สงสัย
สุดเส้นทางสายนั้นคือบรรลัย เหี้ยรักเหี้ยนั่นไง สอนใจเอย...
24 พฤศจิกายน 2550 16:49 น.
บนข.
ยิ่งตึงยิ่งกระชับขยับยาก ผ่อนตึงจึงหากขยับง่าย
ยิ่งหลวมยิ่งสวมลำบากกาย ผ่อนหลวมสวมกายได้พอดี
ยิ่งใหญ่ยิ่งคับไม่พอตัว โลกเล็กกว่าตัวไม่พอที่
เป็นนกน้อยสร้างรังแต่พอดี ก็ย่อมมีสุขได้สบายครัน
ยิ่งสูงยิ่งเสียวด้วยลมบน สายฝนลมฟ้าหุนหัน
โมโหโกรธาโลภาพัน ฟาดฟันล้มทับพสุธา
หากใฝ่สูงเกินไปให้ประจักษ์ อาจจมปลักตมหนองต้องผวา
จงอยู่ดีพอดีคุมชีวา ไร้ภัยมาเบียนเบียดเสนียดตน
ยิ่งต่ำยิ่งตกลงหุบเหว เป็นคนเลวคนชังช่างสับสน
มีแต่คนเยียบย่ำระยำตน ให้หมองหม่นอุราพาทุกข์ใจ
ยี่งดียิ่งเด่นเป็นลำบาก หลบลมปากผู้คนพ้นไฉน
จงทำดีอย่าให้เด่นจะเป็นภัย อยู่ที่ไหนอย่าให้เด่นจะเป็นดี
ยิ่งรักยิ่งทุกข์ให้ช้ำชอก เหมือนหนามยอกกลางใจให้ช้ำฝี
ริจะรักรักใครให้พอดี จะไม่มีช้ำนักเมื่อรักลวง
ยิ่งโลภยิ่งหมายยิ่งไขว่คว้า ดุจหมาคาบเนื้อห่วงหวง
กลัวเงาตนเองหลอกลวง ปล่อยเนื้อหลุดร่วง..อดกินเอย...