14 กุมภาพันธ์ 2551 06:14 น.

*เมื่อครารัก*

บนข.

อินทรวิเชียร  ๑๑

          เมื่อรัก ณ คราใด    	
          มนใสสิเบิกบาน
          สดชื่นระรื่นนาน	
          ดุจหวานลุซ่านทรวง
		
          มองฟ้ารึยิ้มแย้ม	
          รวิแจ่มสิเต็มดวง
          ดาวเคียงระเรียงควง	
          อุระหน่วงปริเปรมปรีดิ์
		
          มองธารถะถั่งสาย	
          ชลหมายก็ยินดี
          รักเห็นจะเช่นนี้ 	
          ดุจมีอุทกทรง
		
          มองนกวิหคร้อง	
          สุระก้อง ณ แดนดง
          เสียงรักประจักษ์ลง	
          ณ หทัยสุปรีดา
		
          มองกลีบผกาบาน	
          ผิวะซ่านสุคนธ์มา
          รักหอม ณ ทุกครา	
          บ่มิจากจะพรากใจ
		
          มองคลื่นกระแทกฝั่ง	
          ถลดั่งสิอ่อนไหว
          รักงามวะหวามใน	
          ดุจหมายกระแทกทรวง
		
          มองแดดสิแผดเผา   	
          บมิเร่ารึร้อนหน่วง
          รักเย็นฤดีดวง		
          รึจะห่วงผิร้อนใด	
		
          เมื่อรักผลิเบ่งบาน	
          มนหวานสิสดใส
          สายตาผิมองใด		
          ก็จะไหวสุโสภา.......				
12 กุมภาพันธ์ 2551 21:16 น.

-รสแห่งกวี-

บนข.

คือรสทิพย์แห่งกวีวจีถ้อย		
มโนร้อยจารึกผลึกอักษร
ผ่านหยดหมึกบันทึกเป็นบทกลอน	
ฟุ้งขจรหอมกลิ่นถิ่นกวี

หอมเอยหอมบุปผาผกากรอง		
ยังเป็นรองกลิ่นหอมอักษรศรี
ที่ร้อยเรียงเคียงรสหมดจดดี		
หอมวจีจารึกสารผ่านกาพย์กลอน

งามเอยงามงามใดได้ประจักษ์		
ว่าน่ารักงามจริงหญิงสมร
แต่ความงามเช่นนั้นยังผันจร		
อาจถ่ายถอนเปลี่ยนลับกับเวลา

ส่วนความงามบันทึกจารึกรส		
วจีพจน์แห่งกวีทั้งนี้หนา
ย่อมงามเด่นเหนือกาลที่ผ่านมา	
งามโสภาหมดจดรสกวี....				
10 กุมภาพันธ์ 2551 19:46 น.

ว่าด้วยหิริ

บนข.

อินทรวิเชียร ๑๑
          ธรรมหมายประจักษ์ขาน 	 
          หิริผ่าน ณ แดนใด
          ทุกข์โศกวิโยคใจ		  
          บมิหมายจะแผ้วพาน

          มีความละอายบาป		
          มละหยาบมิเจือจาน
          เว้นฆ่ามิประหาร		
          ปรปราณละเว้นไป

          เว้นจากอทินนา		
          และจะพามิสนใจ
          ทรัพย์สินสิของใคร		
          บ่มิหมายจะโกงมา

          งดเว้นมุสาวาท 		
           ผรุวาทวาจา
          ส่อเสียดมินำพา 		
           จะละลามิกล่าวพลัน

          กล่าวคำวจีสัตย์		
          ปิยวัจน์จะสร้างสรรค์
          กลมเกลียวและผูกพัน		
          วจนั้นนะหมั่นตรอง

          งดเว้นสุราเม-			
          รยมัชชะยาดอง
          ของเมาและทั้งผอง	
          จะมิปองมิดื่มกิน

          สำรวมระวังตน		
          สิจะพ้นทุราคิน
          อายบาปละมลทิน 		
          สละสิ้นละทุกข์เอย.....				
8 กุมภาพันธ์ 2551 18:11 น.

*กระต่ายกับเต่า*

บนข.

อินทรวิเชียร ๑๑

....เจ้าต่ายซิหมายท้า	       
 ชิชะมาสิเต่าเอ้ย
ช้าใยกระไรเลย	      
บ่มิเคยจะแข่งขัน

สองเรานะสี่ขา		       
 และจะมาพนันกัน
วิ่งไป ณ จุดนั้น	      
 ชนะฉันชะช้าใย

แม้ใครสิแพ้พ่าย	     
 ธนจ่ายละลายไป
หากแน่กะแก่ใจ	      
เถอะจะได้ประลองตน	

ให้เจ้านะไปก่อน	      
ระยะผ่อนมิร้อนรน
ส่วนข้าจะนอนกรน	      
พละล้นจะเป็นไร

เต่ารับมิรอช้า		       
 มนพามุเดินไป
งุ่มง่ามคละคลานไซร้	      
ชนะชัยมิไกลเกิน

ส่วนเจ้ากระต่ายดง                    
มุหะหลงสิเพลิดเพลิน
ตื่นพลันตะวันเดิน	      
ระยะเนิ่นทิวากร

สี่ตีนสิโกยอ้าว		        
กลราวจะบินจร
ถึงพลันตะวันรอน	     
อุระร้อนสิไฟลน

เส้นชัยคะคาดหวัง	      
อุวะชั่งมิเห็นผล
เต่าคว้าเสวยยล	        
ชิชะตนนะปราชัย

เรื่องเล่านิทานนี้	        
วจะชี้จะขานไข
ถ้ามัวประมาทไซร้	       
 ทุสะให้ระยำตัว

ตัวอย่างกระต่ายนั้น	        
มุหะมั่นสิพันพัว
แพ้เต่ามุเมามัว	      
มนชั่วประมาทเอย....				
6 กุมภาพันธ์ 2551 06:52 น.

ต้นรัก/ดอกโศก

บนข.

เมื่อดอกรักบานในหัวใจฉัน		
โลกก็พลันยิ้มย่องผุดผ่องใส
ฟ้าสีครามงามยิ่งกว่าสิ่งใด		
มวลดอกไม้ชูช่อลออตา

เมื่อดอกโศกบานในหัวใจฉัน		
โลกก็พลันเหงาหงอยละห้อยหา
ฟ้าสีครามกลับหม่นปนเมฆา		
มวลมาลาซ่อนกลีบไม่รีบบาน

เพราะรักนั้นสรรสร้างสิ่งสดชื่น	
แต่โศกยื่นยาพิษคิดประหาร
เพราะรักจึงมองโลกงามตระการ	
แต่โศกขานเรียกโลกให้โศกตรม

ปลูกดอกรักค่ำเช้าเฝ้าถนอม		
น้ำปุ๋ยพร้อมบรรจบประคบประหงม
หมั่นดูแลด้วยใจใฝ่ชื่นชม		
รักนิยมผลิดอกออกตามกาล

อนิจจาปลูกรักปักใจหมาย		
แต่ดอกกลายเป็นโศกวิโยคขาน
นักพฤกษาต้องจารึกเป็นตำนาน	
ว่ารักบานเป็นโศก....โลกตะลึง...				
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบนข.
Lovings  บนข. เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบนข.