8 มีนาคม 2551 15:49 น.
บนข.
จะกล่าวนามยักษ์หนึ่งซึ่งโตใหญ่
แห่งยักษ์ไทยยักษ์เทศทุกเขตขันธ์
แนบสถิตทุกภพจบอนันต์
น่าหวาดหวั่นยักษ์นี้ทุกที่ไป
มิใช่ยักษ์วัดโพธิ์โมโหเกรี้ยว
ยืนแยกเขี้ยวยิงฟันน่าหวั่นไหว
มิใช่ยักษ์วัดแจ้งแสยงใจ
ตาเป็นไฟร้อนเร่าเฝ้าอาราม
มิใช่ยักษ์ยกกระบองเฝ้าจ้องดู
ที่รู้รู้ยักษ์นี้น่าเกรงขาม
มันสนใจผู้คนค้นติดตาม
ทุกโมงยามคอยเหลือบเขมือบคน
อันยักษ์นี้มีตาอันวิเศษ
มากฤทธิ์เดชเห็นแจ้งทุกแห่งหน
ข้างหนึ่งจ้าสองทางสว่างดล
ข้างหนึ่งล้นมืดมิดเหมือนนิทรา
แม้ว่าใครมีฤทธิ์ถึงคิดหลบ
ไปนอกภพซบนอนซ่อนสังขาร์
ก็มิอาจซ่อนตนพ้นสายตา
แห่งยักษาตาทิพย์กระพริบมอง
อันปากยักษ์ตนนี้เท่าที่เห็น
ไม่ซ่อนเร้นเรียงรายได้สิบสอง
ยักษ์ประหลาดปากโหลโชว์ลำพอง
เข้าครอบครองภิภพมิหลบใคร
อนึ่งฟันนั้นเล่าเท่าที่ถาม
ปากละสามสิบซี่พอดีไซร้
มันจับสัตว์ฟัดกินทุกถิ่นไป
อนาถใจหญิงชายต้องวายปราณ
ยักษ์ตนนี้เป็นใครไม่เฉลย
โปรดรู้เหวยมันตามติดคิดประหาร
ทุกขณะหายใจไหวคืบคลาน
สู่เรือนชานหญิงชายหมายจู่โจม....
5 มีนาคม 2551 20:06 น.
บนข.
เสียงลือเสียงเล่าอ้างระหว่างเขา
ระหว่างเรามีเรื่องราวมากล่าวขาน
เขากะหูคู่กันมาเนิ่นนาน
ระยะกาลก่อนหลังมานั่งตรอง
ใครเกิดก่อนเขากับหูดูดูแล้ว
คงไม่แคล้วความจริงสิ่งทั้งสอง
หูเกิดก่อนมาก่อนให้ย้อนมอง
เขาทั้งสองเกิดหลังโปรดชั่งดู
แต่บางครั้งนึกหนอก็น่าขำ
เขากลับทำลิ้นลมมาข่มหู
เขาสวมเขาให้ใครให้พรั่งพรู
ทำอดสูสวมกัณณ์ตะบันไป
ฟังเขาว่าอย่าเพิ่งบ้าไปตามเขา
หากหูเบาเชื่อเขาที่ขานไข
อาจเสียทีให้เขาจะเศร้าใจ
เขาหลอกให้เจ็บช้ำระกำนาน
หูมีรูไว้รับสรรพเสียง
ที่เขาเพียงเพียรพร่ำรำพันหวาน
หรือสรรเสริญนินทาด่าประจาน
ก่อรำคาญคันหูอดสูจริง
โบราณท่านจึงบอกเพื่อกรอกหู
ให้เรียนรู้กันไว้ทั้งชายหญิง
ทุกสำเนียงผ่านโสตโปรดประวิง
หูจงนิ่งฟังหูให้รู้ความ
ให้ฟังหูไว้หูรู้ให้แน่
ว่าจริงแท้แค่ไหนไม่ผลีผลาม
คำเขากล่าวกรอกหูอย่าวู่วาม
หูจงตามครวญใคร่ใช้ปัญญา
เห็นกันอยู่มากมายทั้งชายหญิง
หูไม่นิ่งเชื่อเขาเอาละหวา
โลกจึงถูกสวมเขาเศร้าโศกา
เสียน้ำตาเห็นอยู่เพราะหูเบา
ใครจะเกิดก่อนใครไม่สำคัญ
โลกจัดสรรสิ่งคู่หูกับเขา
เขาจะว่าอย่างไรใส่หูเรา
ไม่เชื่อเขาง่ายง่ายสบาย...พลัน...
1 มีนาคม 2551 17:06 น.
บนข.
จะกล่าวนามนครหนึ่งซึ่งงามหรู
แหล่งที่อยู่แห่งคนชนชายหญิง
เป็นนครย้อนย้ำนำความจริง
วิจิตรยิ่งนามหมาย กายนคร
รวมพื้นที่ยาววาหนาแค่คืบ
แต่ว่าสืบเรื่องราวพราวสลอน
อีกโลกหนึ่งซึ่งหลากมากบทตอน
ผ่านสะท้อนนครกายหลายอารมณ์
การปกครองเมืองนี้เท่าที่เห็น
นั่นแบ่งเป็นภาคส่วนล้วนเหมาะสม
คือดินน้ำลมไฟใฝ่นิยม
จตุสดมภ์จัดสรรปันปกครอง
ทั้งสี่กรมทำงานประสานร่วม
เป็นหนึ่งรวมไม่แตกไม่แยกผอง
ดุจเครื่องจักรที่เห็นเป็นทำนอง
ประสานคล้องร่วมรักสามัคคี
อันกรมดินดูแลแผ่ระบบ
ไปจนจบเนื้อหนังทั้งอัฐี
ผมขนเล็บตับไตไส้พุงมี
กรมดินชี้ดูแลแผ่เจือจาน
ส่วนกรมน้ำจัดสรรน้ำในนคร
คือเลือดย้อนลำเลียงเลี้ยงสังขาร
รวมแหล่งน้ำทั้งหลายเป็นสายธาร
แล้วไหลผ่านกายนครสะท้อนมา
ส่วนน้ำเสียทั้งหลายระบายผ่าน
โดยทวารทั้งเก้าเหล่าสาขา
คือช่องเล็กช่องใหญ่ในกายา
เป็นมรรคาระบายถ่ายออกไป
อีกหนึ่งกรมลมสั่งบังคับการ
ให้พัดผ่านดินน้ำตามเคลื่อนไหว
คือกองลมในกายลมหายใจ
สืบสายใยยืนยงให้คงทน
หากลมหยุดหล่อเลี้ยงแม้เพียงครู่
นครหรูวุ่นวายหมายสับสน
อาจต้องเสียชีวิตปลิดผู้คน
ค่ามากล้นลมปราณผ่านนคร
อีกหนึ่งกรมสำคัญนั้นคือไฟ
ดูแลให้อบอุ่นกรุ่นไอร้อน
อุณหภูมิในกายหมายอาทร
ไม่ยอกย้อนดูแลเผื่อแผ่มา
หากไฟหมดกำหนดหมดทุกสิ่ง
กายหยุดนิ่งดุจขอนนอนแผ่หรา
ทั้งนครอ้างว้างร้างโรยรา
ทั้งพาราเน่าสลายทำลายตน
กายนครอำเภอหนึ่งซึ่งเป็นใหญ่
อำเภอใจเด็ดขาดอำนาจล้น
เผด็จการปกครองผองผู้คน
ให้สุขล้นอย่างไรใจสั่งมา
สั่งให้ทุกข์โศกเศร้าหรือเร่าร้อน
ทุกขั้นตอนล้วนใจเป็นใหญ่หนา
ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวทุกคราวครา
เป็นราชาแห่งนครให้ย้อนดู
กายนครที่เห็นเป็นสมมุติ
กายมนุษย์นิยามว่างามหรู
เพราะดินน้ำลมไฟหมายเชิดชู
เกาะกลุ่มอยู่เหนียวแน่นเป็นแกนกลาง
เมื่อดินน้ำลมไฟในกายแตก
มันก็แยกกันไปไร้ใครขวาง
กายนครถึงคราลาอับปาง
เป็นเมืองร้างเรียงรายไร้คนแล....
18 กุมภาพันธ์ 2551 20:20 น.
บนข.
ยืนยิ้มร่าหน้าบานผ่านกระทะ
เห็นไหมละผู้นำย้ำแถลง
ทั้งต้มยำผัดทอดล้วนพลิกแพลง
อีกทั้งแกงหลากรสกำหนดมา
ยกโขยงหกโมงเช้าไม่เซ้าซี้
ผ่านทีวีผ่านกล้องให้มองหา
ท่านผู้นำยุคใหม่ไม่รอรา
เปิดสภาตลาดสดออกกฎแกง
จ่ายตลาดมาดยุ่งทำพุงใหญ่
หมูเป็ดไก่กั้งกุ้งมุ่งแถลง
ท่านชี้ไปบ่นไปไหงของแพง
หรือท่านแกล้งไม่รู้ทำดูดาย
คว้าตะหลิวปลิวว่อนร่อนกระทะ
ไม่เงอะงะงุ่มง่ามย้ำจุดขาย
อันพ่อครัวตัวจริงทั้งหญิงชาย
ต้องเอียงอายแอบหลบไม่พบพาน
ท่านจะทอดจะพล่าว่าไปเถอะ
อย่าเลอะเทอะต้มยำทำชาวบ้าน
ให้เดือดร้อนซ้อนซ้ำทรมาน
รัฐบาลพ่อครัวมัวทำกิน
อันสภามิใช่ตลาดสด
เพื่อออกกฎอาหารประทานลิ้น
อย่าปล่อยให้สภามามลทิน
เพระเรื่องกินผ่านท้องฟ้องสภา
เรื่องปากท้องประชาชนสนใจบ้าง
เขาอ้างว้างโหยหิวอนาถา
แค่หาเช้ากินค่ำทำเรื่อยมา
พอเยียวยาท้องไส้ไปวันวัน
ประชาชนใช่ปูปลาหน้าตลาด
ให้ท่านกวาดเก็บชิมลิ้มหฤหรรษ์
สภาไทยมิใช่ครัวอย่ามั่วกัน
อย่าดึงดันกิน(แ-ก)ด่วนจนอ้วนพี
ยืนยิ้มร่าหน้าบานผ่านกระทะ
เห็นไหมนะประชาชนล้นทุกขี
เมนูด่วนชวนลิ้มชิมดูซี
ผ่านทีวีผ่านกล้องมันฟ้องใคร.....
15 กุมภาพันธ์ 2551 20:34 น.
บนข.
พลั้ง พลาดพลอยเพลี่ยงพล้ำ เสียที
ปาก พล่อยถ่อยอัปรีย์ ก่อร้าว
เสีย ชีพบ่ยอมพลี สัตย์ซื่อ
ศีล ด่างเป็นรอยพร้าว ด่างพร้อยดุจโค ฯ
ใส่ สีเติมแต่งให้ สับสน
ถ้อย ถ่อยส่อบุคคล เปล่งนั้น
ร้อย พันหมื่นจิตคน แตกต่าง กันเนอ
ความ สัตย์มิอาจคั้น แต่ผู้รวนเรฯ
ร่ม เงาเย็นยิ่งแล้ว พฤกษา
ไม้ อ่อนผิดัดพา ง่ายแท้
ชาย ชาญส่อชัดครา ศึกแห่ประจัญ
คา ห่อของเน่าแม้ กลิ่นนั้น ติดคาฯ
ศา- ฏกผ้าห่มให้ หายหนาว
ลา ลับล่องลอยดาว หล่นฟ้า
ท่า เรือส่งจอดครา เรือสู่ ท่าเนอ
น้ำ บ่อน้อยฤาท้า ดับร้อนไฟกัลป์ ฯ
ลับ ลาลอยล่องแล้ว ห่างไกล
ลม ปากฝากกรีดให้ เจ็บช้ำ
คม นักบิ่นเร็วไว ปะแกร่ง ดุจกัน
ใน นอกบอกบ่งย้ำ ว่าร้ายฤาดี ฯ
เสีย คนตอนแก่ให้ อับอาย
กำ พืดสืบเชื้อสาย เช่นนั้น
ได้ ดีเด่นดังหมาย สูงเยี่ยม
กอบ โกยเก็บลุชั้น หมื่นล้าน เงินทอง ฯ