1 เมษายน 2551 22:32 น.
บนข.
กบเขียดร้องระงมนาหน้าแล้ง
ประดุจร่ายแถลงการณ์ขอฝน
แต่ยามนี้เทพทุกตนก็จนใจ
ด้วยว่าน้ำขาดไปช่วงสงกรานต์
จึงทุกสถานเกาะแก่งแหล่งฟ้า
ไร้กลุ่มก้อนเมฆา
จะกลั่นเป็นหยาดพิรุณธารา
หลั่งจากฟากฟ้า
ประโลมดิน.....
21 มีนาคม 2551 22:12 น.
บนข.
อย่าละเมอเพ้อพกยกความรัก
มาถามทักถึงใจให้ใฝ่ฝัน
ใช่จองหองอวดดีตะบี้ตะบัน
เจ็บครั้งนั้นแน่นซึ้งยังตรึงตรา
เพราะทะลึ่งปล่อยใจไปเตลิด
จึงก่อเกิดรักหวามตามประสา
เธอเห็นรักจากใจทีให้มา
แค่เขฬาถุยถ่มให้ชมเชย
อย่ามาเอ่ยเผยพร่ำรำพันพรอด
ให้ใจคอดคำนึงซึ้งเฉยเฉย
แค่ลมปากอย่ามาเป่าภูเขาเลย
รักเปรียบเปรยเล่ห์ลิ้นมาปลิ้นใจ
รักปั้นน้ำเป็นตัวฉันกลัวนัก
ยิ่งปั้นรักลมลมยิ่งตรมไหม้
เล่ห์ลิ้นลมโบกสะบัดแล้วพัดไกว
จงพัดไปอย่าอวลมาหวนคืน
อย่ามาบีบน้ำตามาเป็นถัง
ให้รินหลั่งท่วมใจไปสุดฝืน
หากรวมหยดน้ำตาช้ำเพราะกล้ำกลืน
คงท่วมผืนแผ่นดินสิ้นโลกา
ฉันเคยเสียน้ำตาก็มามาก
จนแห้งผากผุยผงหลงไขว่คว้า
หากน้ำตาคือบ่อไว้ล่อปลา
เสียเวลาฉันไม่งงไม่หลงชล
อย่ามาทำเซ้าซี้นะที่รัก
เอาแค่ทักถามไถ่แล้วไปพ้น
รักมารยาหลอกหลอนทำซ่อนกล
ฉันไม่จนด้วยเล่ห์เพทุบาย
อย่าละเมอเพ้อพกยกความรัก
มาถามทักถึงใจให้สลาย
เถอะยกโทษกันก่อนให้ผ่อนคลาย
ขอปลดกายใจพักหยุดรักลวง....
19 มีนาคม 2551 18:55 น.
บนข.
เห็นช้างขี้ไม่รอรีขี้ตามช้าง
ขี้รายทางเมียงมองขี้กองใหญ่
เหลือบสายตามองผ่านทวารไทย
ไม่ยิ่งใหญ่แบบอย่างของช้างมัน
แม้จะรวมลมเบ่งจนหน้าแดง
อาจหมดแรงล้มตึงถึงอาสัญ
ขี้แห้งแห้งลมลมให้ดมกัน
ดุจเย้ยหยันหยามหมิ่นถิ่นทวาร
จงฉุกคิดเถิดหนาประดาไทย
ทำอะไรเพ้อพกยกตามท่าน
อาจทุกข์ทมซมเซาแนบเนานาน
หนี้ดักดานโอยโอดจะโทษใคร
หนี้ส่วนตัวแม้นน้อยมันคอยทัก
ให้ตระหนักหมดสิทธิ์คิดเฉไฉ
เหมือนโซ่ตรวนตรึงตราระอาใจ
จะคิดใดอึดอัดขัดอุรา
หากรู้จักหลักการประมาณตน
ย่อมผ่านพ้นหนี้สินถวิลหา
เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชีวา
ได้นำพาพ้นทุกข์พอสุขใจ
แม้ไม่รวยถึงขั้นชั้นเศรษฐี
ไม่เป็นหนี้รุมเร้ามาเผาไหม้
ประเทศชาติอยู่รอดได้ปลอดภัย
เพราะคนไทยไม่มองข้ามความพอดี
ช้างจะขี้อย่างไรชั่งช้างเถิด
อย่าเตลิดขี้ตามข้ามวิถี
จงรู้จักประมารทวารมี
ค่อยค่อยขี้สำราญทวารไทย....
14 มีนาคม 2551 18:59 น.
บนข.
ยอม- เป็นกระโถนทิ้ง เศษอา- รมณ์แฮ
เป็น- สื่อธารธารา ดับร้อน
เย็น- ก่อนจึ่งจักหา สันติ นั้นเนอ
ได้- สบสุขสงบย้อน เย็นได้เพราะยอม ฯ
ยอม- เป็นเช่นกระโถนไว้โยนทิ้ง
ซึ่งเศษสิ่งหมักหมมอารมณ์เสีย
ยอมให้ใครระบายจนหายเพลีย
แม้ละเหี่ยเพียงใดใจอดทน
ยอมเป็นก้อนหินเรียบให้เหยียบย่ำ
เป็นทรายต่ำติดดินถิ่นถนน
ยอมเป็นบาทวิถีที่ฝูงชน
ได้นำตนก้าวย่างวางบาทา
เป็น- สายธารผ่านเขาลำเนาไพร
แล้วหลั่งไหลดับใจที่ร้อนฉ่า
เป็นสายฝนหล่นพรำฉ่ำนภา
ปลอบอุราคนโศกวิโยคตรม
เป็นสายลมพัดผ่านม่านความเศร้า
เพื่อบรรเทาทุกข์ทนคนขื่นขม
เป็นแสงแดดอุ่นไอในสายลม
ให้ชื่นชมสุขสันต์ทุกวันไป
เย็น- น้ำใจอดทนคนโทสะ
จึงอาจละกลุ้มรุมร้อนรุ่มได้
เย็นน้ำคำฉ่ำชื่นระรื่นใจ
ร้อนใดใดก็อาจดับระงับพลัน
เย็นสายตาสื่อสารผ่านดวงจิต
ไม่จับผิดผูกโกรธโทษหุนหัน
เย็นไว้รับดับไฟประลัยกัลป์
เย็นจึงสรรสร้างสุขได้ทุกทาง
ได้- บ่มเพาะความรักสมัครสมาน
ได้พ้นผ่านอุปสัคสิ่งขัดขวาง
ได้เรียนรู้อัตตามาอำพราง
ได้ละวางเว้นไปไม่อาทร
ได้เรียนรู้ดูคนค้นชายหญิง
ได้ความจริงจำจดบทเรียนสอน
ได้ฝึกจิตอดทนพ้นนิวรณ์
ทุกสิ่งย้อนให้เห็นเย็นเพราะยอม....
ยอม- โอนเอนผ่อนให้ บางครา
เป็น- เสาหลักศิลา แกร่งแท้
เย็น- ร้อนอ่อนแข็งมา รู้เท่า ทันแฮ
ได้- หมู่มิตรอริแพ้ เย็นได้เพราะยอม ฯ
10 มีนาคม 2551 20:35 น.
บนข.
อันร้อยรสเรื่องราวที่พราวลิ้น
ร้อยคนกินร้อยคำพร่ำเฉลย
เพราะร้อยลิ้นร้อยใจกระไรเลย
จะลงเอยออกคำร่ำรสเดียว
แม้กำหนดรสหนึ่งดึงคนชิม
หลากคนลิ้มลิ้นหลายหมายข้องเกี่ยว
หลากคำติริคำชมไม่กลมเกลียว
หลากลิ้นเชียวจึงต่างวางติชม
อันอาหารออกกฎที่รสชาด
ว่าเด็ดขาดเด่นดีที่ผสม
ส่วนชิวหาออกฎจดอารมณ์
ให้ชื่นชมหรือผลักไสใจสั่งมา
อันรูปรสปรุงแต่ง ณ แหล่งใด
ทั้งใกล้ไกลเชิญชวนล้วนชิวหา
คือเล่ห์ลิ้นหลอกลวงหน่วงนำพา
เพื่อเสาะหามาชิมลิ้มกันไป
จะผูกลิ้นใครไว้หมายกำหนด
หมั่นปรุงรสเถิดหนาอย่าเฉไฉ
ทั้งรสมือรสคำทำเรื่อยไป
ถึงผูกใจให้เพลินไปเนิ่นนาน
อันโลกนี้มีดีที่มีรส
ลิ้นกำหนดเรื่องราวทั้งคาวหวาน
แม้ฤาษีอยู่ป่าหิมพานต์
หลงลืมฌานลิ้มรสหมดฤทธี
อันอาหารผ่านลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ยังฝากฝังรสไม่หดหนี
ให้อยากชิมลิ้มรสกำหนดมี
ทุกทุกที่ชิวหาหวนมาชวนชิม...