13 พฤศจิกายน 2547 19:43 น.
น.นิรัติศัย
สายน้ำใหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ...
ใจฉันก็เหมือนกัน
สูงจนร่วงตกลงมา.......
13 พฤศจิกายน 2547 19:40 น.
น.นิรัติศัย
ทำให้ฉันรู้สึกดี...
แต่...ฉันไม่ได้พบเจอเลยในชีวิต
ฉันไม่รู้ว่าทำไม...
...แดดร้อน อบอ้าว .... ใจสั่นไหวระรัว
ไม่นานฉันก็ได้พบกับความอบอุ่น... ของแดดยามเช้า
......... แต่ฉันไม่ได้อยู่ ณ ที่นั่นอีกแล้ว
13 พฤศจิกายน 2547 19:35 น.
น.นิรัติศัย
ณ ดินแดนแห่งฝัน
ล้วนสร้างสรรพสิ่งมากมายให้งดงาม
ณ ที่นั่น
ฉันเหมือนตัวฉัน
ณ ที่นั่น
ฉันเป็นตัวฉัน
ณ ที่นั่น
ฉันต้องการตัวฉัน
ฉันปลดปล่อยกายและใจ
ชั่วขณะเดียว........... ดินแดนแห่งฝันก็หายไป
แล้วดินแดนแห่งฝันของหลายๆคนหละเป็นยังไง?
11 พฤศจิกายน 2547 00:56 น.
น.นิรัติศัย
ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า นาทีแล้วนาทีเล่า ทุกสิ่งเปลี่ยนไปมากมาย ความคิดที่มีแต่เรื่องดีๆ ในส่วนลึกของจิตใจที่แสนหยาบกระด้าง ที่ติดตามตั้งแต่เกิด กลับลดน้อยลงอย่างหน้าใจหาย จากที่ไม่เคยคุยกับใคร กลับเก็บตัวอยู่ในห้องเพียงลำพัง จากที่เคยเที่ยวแตร่กลับนั่งซบเซาบนโซฟาเล็กๆ มุมห้อง
ทุกวันนี้ผมไม่เสียใจเลยที่เป็นแบบนี้ ผมไม่รู้ นอกห้องนี้มีอะไรอีกมากใหม?
และเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน รู้เพียงว่า... ห้องนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผ่านไปทุกๆ นาที ไม่มีวัน ไม่มีเดือน ไม่มีปี ทิ้งไว้เพียงเสี้ยววินาที ผ่านไป ผ่านไป ไม่มีความมืด มีเพียงแสงสว่างเรืองๆ ผมไม่เคยออกไปจากที่นี่..
ไม่มีใครขังผมได้ ไม่มีใครปิดประตูที่อยู่ตรงนั้น?...
และไม่มีใครคอยเปิดประตูบานนั้น?...
ผมเคยรอว่าสักวันจะมีคนมาเปิดประตูและพาผมออกไปด้วยกันจากที่นี่...
แต่ไม่ ผมสามารถเดินออกไปจากนอกห้องนี้ได้ แต่ทำไมผมกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม ...
เพียงชั่วขณะ "กินซะ" เสียงที่ผมคุ้นหู เสียงที่มาพร้อมกับอาหารอร่อยๆ ผมไม่รอช้าที่จะกินอย่าง มูมมาม เพียงแค่ลิ้นสัมผัส รสชาตินั้นพาผมไป ณ สวรรค์ ที่รายล้อมไปด้วยนางฟ้าที่สวยและงดงามดุดน้ำผึ้งยามกระทบแสงไฟ ยาดเยิ้มหยอดย้อยพายใต้แสงจันทร์
เพียงอึดใจเดียว ความคิดนั้นหายไป พร้อมกันนั้นผมหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
... ไม่ผมไม่ได้กระหายน้ำ ผมอยากกิน กิน กิน และมีนางฟ้ารายล้อมรอบกาย
แต่นั้นเป็นเพียงความคิดที่ผุดขึ้นมาเท่านั้นเอง ผมเรียกร้องและตะโกนอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำไมเขาไม่ได้ยินเสียงที่ผมตะโกนออกไป แต่ทำไมเสียงนั้นยังก้องดังกังวาลในใจผม
แต่แล้วผมต้องเคลื่อนตัวไปอยู่อีกมุมหนึ่ง "อบอุ่นจัง" ตรงนี้ นุ่มเหมือนนั่งบนปุยฝ้าย และเย็นสบายดั่งสายลมที่ผัดผ่านเป็นระลอกระลอก เพียงอึดใจเดียว ความเย็นกลับลดน้อยลงอย่างหน้าใจหาย ไม่นานบรรยากาศรอบตัวร้อนขึ้น ร้อนขึ้น ร้อนจนรู้สึกกลัว ไม่... ไม่... ไม่... ผมพร้ำและตะโกนพร้อมพังประตูบานนั้นเพื่อหนีออกไปจากที่นี้ ผมเริ่มหายใจไม่ออก สมองมึนชาไปหมด
ภาพอดีต กลับย้อนคืนมา จากฉากแล้ว ฉากเล่า วนเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด..
และแล้วภาพทุกภาพ ที่ผุดขึ้นมาจากสมองอันหยาบกระด้างก็ได้หยุดลง........
10 พฤศจิกายน 2547 23:50 น.
น.นิรัติศัย
และแล้วการกลับมาของความโศกเศร้าเข้าเข้ามาอีกยังคงวนเวียน
อยู่รอบกายผมตลอดเวลา บางครั้งต้องรอเวลา
ที่แสนจะยาวนานเพียงเพื่อกลับมา
ยังดินแดนแห่งหยดน้ำตา แม้ไม่ได้หลั่งใหล
ดุจสายฝน แต่พอจะทำให้ชุ่มฉ่ำไปด้วยความเหลาหงอย
เวลานี้ก็เช่นกัน
เสียงสะอื้นดังก้องในใจผมเรื่อยไป ครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยไม่มีที่สิ้นสุด ทิ้งไว้เพียงชั่วข้ามคืน ก่อนกลับเป็นปกติ
โอ้... ความเศร้าเอ่ย ใยจึงโฉบเข้ามาในหัวใจของข้าตลอดเวลา
ใยไม่นำพาความปลื้มปิติมาให้ข้าบ้าง
ตอนนี้อาจเป็นสายรุ้งที่ขาดสะบั้น และถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม
ช่างโดดเดี่ยวอะไรเช่นนี้
สายรุ้งเพื่อนที่เหลือหายไปไหน ข้าสูญสิ้นแม้มิตรภาพที่ดีแล้วเหรอ
สายรุ้งสีดำ... ช่างอ้างว้าง... และโดดเดียว