24 ตุลาคม 2548 19:51 น.
น.นิรัติศัย
โอบกอดน้องนางกลางบุบผา
ห่มกายาอาบแสงแห่งบุหลัน
รจนาคำกลอนตอนสุขสัน
สารพันสำราญซ่านฤดี
หิ่งห้อยนับร้อยคอยส่องแสง
พร้อมแมลงตัวน้อยนั้นส่งเสียง
ร่ำร้องขับกล่อมเพลงอยู่ข้างเคียง
สวรรค์เพียงพยานสานสัมพันธ์
1 ทิวาราตรีที่ว่าหวาน
หากนงคราญไม่อยู่คู่แห่งหน
คงเป็นเพียงเรื่องทุกข์ที่ต้องทน
หากฟ้าฝนเป็นใจย่อมเปิดทาง
1 หยาดหยดอย่าเพิ่งตกตอนนี้
รักยังมีที่ต้องเอ่ยเผยคำหวาน
ดั่งน้ำเชื่อมสะกัดจากน้ำตาล
สร้างวิมานอย่างยืนยาวอย่าร้าวราน
24 ตุลาคม 2548 19:45 น.
น.นิรัติศัย
เสียงสะท้อนไหวหวั่นพันนา
แห่งเมฆาเหลือน้อยค่อยห่างหาย
เหงาใจเฝ้าโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวกาย
สุดปลายการเดินทางต้องก้าวไป
ร่ำลาพานทีที่บอกช้ำ
ใจแสนฉ่ำน้ำตาอาวรณ์นาง
ร่วงโรงดั่งโปรยฝนยามฟ้าสาง
ไม่จืดจางรักมั่นนิรันดร
21 ตุลาคม 2548 18:46 น.
น.นิรัติศัย
เวิ้งว้างว่างเปล่าเหงาจิต
เวิ้งฟ้าติดเมฆาน่าฉงน
เว้าๆ แหว่งๆ คล้ายตัวคน
เวียนวนว่ายดั่งสายธาร
โว้เว้โวยวายไว้ชีวิต
มืดมิดแวววับแวววาว
ไวไฟกึกก้องตึกร้าว
ถึงเช้ามอดไหม้ไว้อาลัย
เวทนามหาวิปโยค
แว่วประโยควิปลาสบาดแก้วหู
ไร้ชีวิตดวงลิขิตด้วยคนดู
ตายเหมือนหมูเหมือนหมาน่าเห็นใจ
21 ตุลาคม 2548 18:42 น.
น.นิรัติศัย
1 นาทีวารีหลั่งดั่งสายฝน
1 ตัวตนคนขอฝันนั้นยิ่งใหญ่
1ชั่วโมงผ่านพ้นอย่างเร็วไว
1 ดวงใจใต้นภาหาแต่นาง
2 วันผ่านไปไร้แม้เงา
บวกความเหงาแหว่ว้าน่าใจหาย
1 ค้ำคืนร้อนรุ่มไฟสุมกาย
ช่างใจร้ายทิ้งได้ไม่ชายตา
3 วันจากนารีหนีมีอื่น
ลบรอยรื่นใต้ฟ้านภาฝัน
ตื่นขึ้นมาเห็นนางข้างกายพลัน
ฝันร้ายนั้นมะลายหายข้องใจ
9 ตุลาคม 2548 14:46 น.
น.นิรัติศัย
วันคืนผ่านพ้นโดยไร้จุดหมาย
โดดเดี่ยวเปลี่ยวกาย ห่างหายผู้คน
สันสนวุ่นวาย ไม่มีตัวตน
ความมืดมนครอบงำไร้ซึ่งความดี
ก่อกบฏฆาตรกรรมความรู้เก่า
คาดคั้นวัยเยาว์ด้วยของมึนเมา
สร้างจินตนาการอันร้อนเร้า
ขับไล่ด้วยเถ้าธุลีดิน
ไฟโชติช่วงดั่งดวงอาทิตย์
ราตรีมืดมิดสิ้นแสงแห่งจิต
ปล่อยกายคลายตัวไร้ความคิด
ใส่จริตส่ายท่าทางร้างเรื่องเศร้า
เหงื่อแต่ละเม็ดรุกขึ้นเกาะเต็มร่าง
ไหลย้อยเป็นทางช่างซ่านเสียว
สองเนื้อสองกายรวมเป็นหนึ่งเดียว
สร้างจินตนาการถึงจุดเสี้ยวแห่งวิญญาณ