10 กรกฎาคม 2551 23:56 น.
น.นิรัติศัย
สายลมพัด
ต้นไม้ไหวเอน
แสงจันทร์นวลจับจิต
คิดถึงคนไกล
เส้นทางที่เดิน
หลายก้าวกว่าความฝัน
ร้อยเป็นเพลงนั้น
ไร้ซึ้งจุดหมาย
วนเวียนสิ่งต่างๆ
เยียบความเหงาเกาะความห่าง
ช่วงเวลาพ้นผ่าน
ฤดูกาลเปลี่ยนไป
ไร้เส้นทางที่จะก้าว
มันปวดร้ายสั่นไหว
เจ็บถึงทรวงใน(นัย)
เราเป็นใครเล่นเออ<
ไร้เส้นทาง
ไร้ความคิด
ไม่ยิดติด
กับความฝัน
ลมๆแล้งๆ
เปลวเทียนริบหรี่
นทีหวานช้ำ
ฝันนั้นไม่อยากจำ
เธอทำฉันเดียวดาย/font>
5 กรกฎาคม 2551 22:50 น.
น.นิรัติศัย
ถึงคนไกล
เหตุใดหนอที่เกิดความรู้สึกแบบนี้
ความห่างไกล ความห่วงใย ความเหงา
ทำไม... ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ในตัวเอง
เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมากมาย
เรื่องดีๆมีให้จดจำอย่างล้ำค่า
ล้นออกมาจากใจดวงนี้
แต่... ทำไมกลับทำให้ไม่มั่นใจ
ตอนนี้คำว่ารักมันก้าวข้ามไปมากจนไม่สามารถเอ่ย
เอ่ยคำที่ล้ำค่ามากกว่านั้น คำว่า......
หวงหรือ ห่วงใย ปรารถนาดี กลัว หรือ ไม่กล้ายอมรับความจริง
เพราะเหตุใดทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา
ผมอยากเป็นเหมือนคนทั่วไป
ที่เขามีชีวิตโดยลำพังและสู้...แม้ไม่มีผู้ใดข้างกาย
แต่ทำไมผมทำไม่ได้
ความอ่อนแอ ความอ่อนแรง หรือความ......
ทำไมแค่การถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองให้ผู้อื่น
รับรู้...
และเขาเข้าใจ...
มันยากแสนเข็ญ
ผมควรจะหยุดคิด
และเดินต่อไปด้วยแรงที่มีอยู่
โดยมีความกังวลและอุปสรรค์เกิดขึ้นระหว่างทาง
หรือ
ผมจะหยุดพักและก้าวเดินอย่างโดดเดียว
อย่างคนท้อแท้ และรอวันจะเข้มแข็งขึ้นมา
ด้วยใจที่เหงา เศร้า ไร้จุดหมายหรือจมอยู่กับอดีตที่จับต้องไม่ได้
หากเปรียบเสมือนท้องทะเล
ยามนี่...
คงเป็นเวลาน้ำนิ่งสนิท เย็นเยือก และไร้แสงจันทร์
ไร้เสียงกระซิบของลม ไร้เสียงคลื่นสัดกระทบหิน...
ความกลัวเข้ากัดกินห้วงลึกที่ไร้ซึ่งความมั่นใจ ทั้งในตนเองและ....
ทางหนึ่งปวดร้าว ทางหนึ่งผิดหวัง ทางหนึ่งโดดเดี่ยว
ถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้วหรือ
ระหว่าง เลือกที่จะหยุด เลือกที่จะจบ เลือกที่จะยอมเสียใจและปล่อยให้มันเป็นไปตามห้วงเวลา
หรือพร้อมที่จะรับกับความผิดหวัง ไม่มั่นใจ ไม่เหมือนเดิม จนกว่าความรู้สึกนั้นมันจะหมด และสิ่งดีๆ มันเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย
28 มิถุนายน 2551 19:39 น.
น.นิรัติศัย
หากฉันใช้สมองจดจำเรื่องราวก็ยังพอจะลืมเธอได้
แต่ฉันใช้หัวใจเก็บความทรงจำเรื่องของเรา...
การจะลืมใครสักคนมันช่างทรมานดั่งคำที่เขียนตอนต้น
ความทรงจำ การใช้ชีวิต ความผูกพัน สิ่งต่างๆที่มอบให้กันและกัน
ความรู้สึกดีๆ มันทำให้เรายากจะลืมคนๆนั้น
ถึงแม้ ใจหนึ่งรับรู้เสมอว่า มันกลับไปเป็นอย่างเหมือนเดิมไม่ได้
แต่... สิ่งต่างๆ ที่ผ่านมายังคงเวียนว่ายตามหลอกหลอนให้ติดอยู่กับภาพเหล่านั้น
หนีเหรอ หนีไปจากที่ตรงนี้ การหลีกหนีไปในที่ไกลแสนไกล เพื่อจะลบภาพเธอออกจากส่วนลึกของใจที่ พร่ำถึง..
การหยุดที่จะพบเห็นบรรยากาศเดิมๆ ต้นไม้ต้นเดิม เส้นทางที่เคยเดินผ่าน หรือแม้แต่ทางเข้าบ้านที่เคยเดินด้วยกัน สิ่งเหล่านี้เป็นภาพถ่ายที่แสดงออกมาตามลำดับจากจุดกำเนิดของเรื่องราวจนถึงที่สิ้นสุด ณ ไม้หินอ่อนในสวนสาธารณะ ถึงแม้คนเดินพลุกพล่าน แต่ดูเหมือนจะนั่งอยู่อย่างโดดเดียว เดียวดาย ไร้เสียงกระซิบของสายลม และแล้วเสียงโน๊ตสูงตำเจี้ยวแจ้วของนกยามตะวันร่วงสู่พื้นดินก็แว้วออกมาไกลโพ้น ท้องฟ้าค่อยๆ มือมิดแสงไฟเริ่มสว่างไล้ติดเรียงรายจากซ้ายไปขวา เป็นภาพที่สวยงาม
การอยู่กับตนเองมันอาจมีเพียงเวลานี้เท่านั้น เวลาที่เหงา เหว่ว้า โดดเดี่ยว หรือแม้กระทั้งถูกเธอทอดทิ้ง แต่กลับรับรู้เสียงเรียกร้องจากส่วนลึกที่ตะโกนก้องมาถึงประสาทชั้นใน มันสะท้อนออกจากด้วยตา เพียงไมนานสายน้ำก็รินไหล ฝนตกชุ่มฉ่ำ รถวิ่งอย่างรวดเร็วรีดน้ำกระเด็นลงข้างทาง
ฝนเริ่มซาเม็ด ความชุ่มชื่นคืนสู่สภาวะ อายกรุ่นแผ่นซ่านขึ้นจากพื้นถนนอีกครั้ง การจะลืมใครสักคนหนึ่งมันอาจยากเย็นแสนเข็ญ แต่... เราต้องลืมให้ได้ มันคือส่วนที่จะตอบได้ว่าจะเดินไปในทิศทางใด
ชีวิตที่โดดเดียว แต่กลับได้อายแห่งความผูกพันจากเพื่อนฝูง การร่วมเดินทางแห่งการแสวงหาในหน้าที่การงานเช่นเดิม หาใช้คอยตอกย้ำความเจ็บช้ำของตนเอง
ภาพเก่าๆ ย้อนร้อยกลับสู่ถิ่นเดิม ถึงแม้จะหนีจาก ณ ที่นี่ไปนานแสนนาน แล้ววันหนึ่ง ก็ย่อมกลับคืนสู่มาตุภูมิ บ้านเกิดเมืองนอนที่ให้กำเนิด การเดินทางที่ไร้ที่สิ้นสุด ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ กลับมีคู่ชีวิตขึ้นมาอีกหนึ่ง นั้นคือตัวตนที่แท้จริง
เราต้องอยู่ได้ถึงแม้จะขาดเธอไปก็ตาม นั้นคือเสียงคอยย้ำเตือนจากเพื่อนคู่กายที่ไม่เคยหนีหายหรือทิ้งให้เราเดียวดาย ขอบคุณใจที่กล้าแกร่ง ขอบคุณกำลังใจที่เข้มแข็ง และรอยยิ้มที่คอยประดับในห้วงสำนึก
อนาคตต่อไปจากนี้ ไม่สามารถรู้แน่ชัดว่าจะเจอกับอะไร ที่หนักหนาสาหัสอีกหรือไม่ แต่กำลังใจที่กล้าแกร่งได้สร้างเกราะให้กับใจดวงนี้ สู้.. จนถึงที่สุด
นกไร้คู่ยังบินสู่ท้องนภากว้าง
แล้วใยฉันจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้
การเดินทางสู่ดวงชะตาที่เรากำหนด
คือสิ่งที่ปรากฏในวันข้างหน้า
ดั่งดวงตะวันที่ขึ้นในด้านเดิมเสมอ
ถึงแม้จะแปรเปลี่ยนตามวันเวลาและฤดูกาล
แต่ดวงตะวันกลับส่องสว่าง
และยังรักษาความกล้าแกร่งของตนเช่นเดิม
ฉันก็เหมือนกัน...
8 มิถุนายน 2551 15:59 น.
น.นิรัติศัย
เสียงกระซิบบอก
ตอกย้ำว่ารัก
แต่ใจกลับพัก
เพราะรักลวงหลอก
หลอกฉันหรือฉันหลอก
ใครเล่าเคยบอก
ให้ใจเราออก
จากที่หวัง
ความฝันความจริง
เป็นสิ่งมีพลัง
ล้วนเกิดแก่แล้วฝัง
เมื่อพลังหมดลง
ความรักที่มอบ
ฉันขอตอบตรง
รักที่ไม่มั่นคง
กลับลงตรงหน้า
24 พฤษภาคม 2551 16:32 น.
น.นิรัติศัย
วานวันเป็นดั่งแสง
คอยแยงตามร่องใบไผ่
เล็ดลอดสูงยวงใย
ร่มเงาบรรพกาล
เกิดแก่เจ็บล้วนตายสิ้น
ไร้ชีวิตดิ้นด้าน
เกิดเพื่อกราบกราน
จะไม่ขอสาบานสิ่งลวงตา
ชาติหนึ่งเกิดเป็นนักรบ
ต่อกรล้วนสยบบาทา
ไร้ผู้แกร่งกล้า
ไร้ข้าสิ้นวางวาย
บ่นไปๆๆๆ