16 เมษายน 2546 23:26 น.
น้ำ
หลงเอยรักเอยพะวงเลย
ใจหลงเอยเคยรักเลยภวังค์
จิตรเอยรักใครเลยเฉยหรือขลัง
รักเป็นพลังพังเพยเฉลยความใน
จันทร์เหลืองนวลชวนมองกลางนภา
ในอุรารักสรวนชวนพิสมัย
หวานหวามไหวไร้ลามโลมหัวใจ
สลักในหทัยดลยลรักนวล
ลมพัดพร่ำพรมพลิ้วใจหนาวสั่น
อกในคลั่นสะทกสะท้านหวน
เย็นเยือกใจไหวลำนำคำครวญ
จิตรปั่นป่วนนวลจันทร์รันจวนจาร
ตัดหลงใหลไรหลงยังตามขลัง
ตัดรักยังมิได้เนินนานกาล
ตัดโลกโกรธหลงคงจักป่วยการ
ตัดรักพานรักพักจักใจให้หวน จำจาร ขานกลอน
16 เมษายน 2546 22:39 น.
น้ำ
รักเอยไกลแสนไกลเลยขอบฟ้า
มิอาจห้ามใจฝ่าสู่รักสอง
หัวใจยินหัวใจตามทำนอง
หทัยร้องเพลงน้องยาหารักครวญ
หากจันทร์ทราคู่ขอบฟ้านภา
ทะเลเห่คลื่นคลาหาหาดนวล
ลมลำเพยเชยชิดหมู่พฤกษาสรวน
ดอกไม้ควรมวลภมรวอนเว้ารอ
แว้วเสียงซึงสล้อซอซึ้งซาบ
ใจระนาบอาบอวลมวลลออ
พ้อเสียงเพลงฝากรักยังมิพอ
ใคร่เคลียคลอพะนอเจ้าเงาจันทร์
ฝากเพลงดอกไม้สายสานมาลัย
ฝากคล้องใจใสสายใยให้กัน
ฝากชีพสองไว้ได้เคียงลำนำกานท์
ฝากฝันนานฝากรักฝากใจไว้ให้น้องคนเดียว
13 เมษายน 2546 20:34 น.
น้ำ
หนังสือพุทธธรรม อ.ประยุตโต สุพรรณบุรี
กรรม วิบาก ผล แว้นแก้ว(แว้นขยาย) แสงแดด มูลโคแห้ง
คือเหตุที่ทำแล้วเกิดผลตามมา
กรรมไม่มีในวิบาก วิบากไม่มีในกรรม อาศัยกรรมจึ่งเกิดวิบาก
กรรมไม่มีในผล ผลไม่มีในกรรม อาศัยกรรมจึ่งเกิดผล
วิบากไม่มีในผล ผลไม่มีในวิบาก สองสิ่งนี้ขาดจากกัน
ประชุมเหตุสามสิ่ง แสงแดดส่องแว้นขยายแว้นขยายรวมแสงเกิดไฟติดขึ้นที่มูลโคแห้ง ฉะนี้สร้างเหตุแลรับผลหวังได้
แสงรวีสาดส่องทั่วนภา
สว่างกระจ่างจ้าจรัสรัศมี
ทั้งพฤกษากาสรกุญชรมี
ได้ผ่องผองรวีอำไพหทัย
แว้นแก้วแววใสใจรับแสง
ความร้อนแรงแดงฉานฉาย
ล้อมรวมร่วมจุดหยุดขยาย
ส่องต้องใจแสงรวีสุมทรวง
มูลโคแห้งแหล่งรากกากกาสร
เป็นเชื้อฟอนฟืนไฟให้ไหลหลง
ร้อนแรงเพลิงเชื้อไฟปะทุหง
หลงเป็นแรงเป็นพลังดันดลใจ
สามสิ่งประชุมพร้อมเป็นเหตุเถิด
เร้ากรรมเกิดนำวิบากหลากผล
แม้รวมกันแล้วไม่แคล้วกลับหลัง
ชีพยังวนเวียนเพียรรู้ธรรมเอย
13 เมษายน 2546 07:11 น.
น้ำ
กลอนเอยเจ้าลอยลมมาหรือไร
หวานหวามหทัยเฉกเช่นเดือนเพ็ญ
เป็นเช่นลมฤดูหนาวเหน็บเย็น
หมอกม่านเร้นใยใจของคนงาม
หรือใจรักใครดลเจ้ากลอนกานท์
สิงสู่นานทำให้มิลืมรักแม้ผ่าน
กลอนดลให้หลงนวลน้องคนงาม
ยลกลอนขานขำไขไรล้วนสวรรค์
เจ้าเข้าฝันแล้วใจพลันสุขล้ำ
ดั่งจันทร์นำทางหว่างสรวนสรร
ครั้นตื่นจากรื่น ครืนใจมิอาจยั้ง
จึ่งหวงจันทร์กลัวลับอับดับลง
ฝากใจไว้ในจินตกวีนำ
ไม่อาจจำจากไปไหนใจเจ้าเอ๋ย
ลองใครเอยเคยรักแล้วต้องใจเลย
ไฉนจะทนเฉยเมอกานท์กลอนฝังใจ
13 เมษายน 2546 06:45 น.
น้ำ
เสียงใครวอนดวงเดือนเพื่อนเคยคล้อง
ซอคลอสีเสียดสายสานใยใจเรียง
สะล้อซอซึงแสนสั่นสายเคียง
รักเพียงมิตรสนิทเนียนเจียมใจ
ใจรักจักอยู่ณ.ขอบฟ้า
ที่ดาราสองคล้องใจใส
ผ่านฟ้าทุกทิวาราตรีไป
ให้ดวงใจดวงดาวพราววิไร
ดวงจันทร์แจ่มเป็นเพื่อนน้อง
ใจพี่เป็นรองเจ้าจันทร์ใส
เด่นนภาพร่างพราวฟ้ากลางใจ
แสงส่องใจส่องทางนำหทัย
งามราตรีนี้งามยามเจ้าชม
หรือนภาฟ้าอุ่มสมภิรมขวัญ
จันทร์เต็มใสเย็นเด่นใจยังอำพัน
ครั้นสางนั้นจำจากจรอ่อนใจลาลางจาง