23 มกราคม 2551 07:31 น.
น้ำ
๛๏บุญคุ้มหัวแต่น้อย เกิดมา
เรื่อยเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชน ชีพช้อย
ยามทะลึ่งสนุกฮา ฤๅเล่า ขำเลย
ผองเพื่อนชมจ้อยจ้อย บอกได้ไม่อาย ฯ
๏ไม่คิดลักทรัพย์ล้วน หาเอง
กู่กล่าวกลอนสุขสบาย บู่บี้
เพราะสุดผุดบรรเลง เพราะยิ่ง เพราะนา
สมเสียดสีซอนี้ แต่เช้า ชื่นใจ ฯ
๏สานเสียงขานขับร้อง ใดปาน
สนั่นเสนาะดุจเหาะไป ป่วนเค้า
ก่อกาพย์แกะกล่องกานท์ กลกล่อม ตัวนา
ถวายบำเรอลูกเต้า ทุกท้าวทุกเธอ ฯ
๏แม้นผองเพื่อนพี้อิ่ม อ้วนเอา
โปรดเบรคน้ำหนักเนอ บอกไว้
ไขค่อเสื่อมแต่เรา ใจเต่ง ตั้งนา
กี่ศอกกี่วาไซร้ บ่ได้กลัวเกรง
18 มิถุนายน 2549 18:31 น.
น้ำ
ฝนพรำพรำ ร่ำเรียก คนเคยพบ
คล้ายวันคบ เคยคุ้น แต่หนไหน
ฝนโปรยปราย ดังหมาย ร้องหาใจ
คล้ายหาใคร สักคน ที่เฝ้ารอ
สวัสดีด้วยกลอนฝนขอรับ
สำหรับวันอาทิตย์ที่มีฝนเย็นๆมาโปรยๆ
รักฉันไหม รักฉันไหม ใบไม้เขียว
ไม่ซีดเซียว ฉ่ำทรวง ไม่ร้องขอ
ต้องสายฝน ใจฝัน เริ่มแตกกอ
เริงดอกล้อ รวงลออ ให้รื่นรมย์
ขอรับทั่นพี่ทั่นน้องทุกทั่น
ขอผมสลับกลอนกล่อมใจสักน้อยนะครับ
หลากสีสัน ดอกชบา บานสดใส
คล้ายรอยยิ้ม จากใคร ให้ลืมขม
พู่เรือหงส์ ตรงรั้ว แดงเชิญชม
สิ้นระบม ทมทุกข์ สุขทรงทรวง
มีความสุขกับวันอาทิตย์ตามความชอบนะขอรับ
ขวัญเอยชื่น ชวนชม หวิวกลมกิ่ง
ไกวดอกอิง งามพริ้ง หยาดจากสรวง
รักกุหลาบ หนามคม อย่ามาลวง
มาถามทวง รักฝน ฝังใจเอย
16 มิถุนายน 2549 08:47 น.
น้ำ
๏พลพยุหชลมารคเยื้อง ยาตรา
ริ้วแล่นกระบวนนาวา ฟ่องน้ำ
สยามสุขทุกประชา ชนชื่น ชมเฮย
เถกิงพระเกียรติเลิศล้ำ โลกล้วนถวายกรฯ
๏ชลาไลยไคลเคลื่อนข้น ระลอกชล
กองทัพไท้แสนพล เห่ร้อง
นาวาวาทชเลงกล กาพย์กล่อม กึกเฮย
ยลตื่นตาจดจ้อง เจิดแจ้งประจักษ์ขวัญฯ
๏ครืนครั่นคละคลื่นเคล้า ฝนคะนอง
เรืองฤทธิ์ระยิบทอง ระยับแก้ว
เห่เรือกล่อมกลอนกรอง ก้องกึก
กระบวนล่องเรือผ่องแผ้ว เพริศพริ้งเสียงเพลงฯ
๏พรายพรายพร่างพร่างพื้น ผิวชล
มูลเห่กองเรือยล หยาดเยิ้ม
หยุดย้ำจ่ำช้าหน โหนจังหวะ กาพย์แล
ช้าลวะเห่ฟังเคลิ้ม คำคลุ้งโคลงหวนฯ
1 มิถุนายน 2549 06:40 น.
น้ำ
สู่สรวงสวรรค์ดอกไม้ นานา
บานเบิกใบพฤกษา ผลิฉ้อ
ดินน้ำธาตุปุ๋ยพา พรายพร่าง
ฝนสาดลาดลออล้อ ร่มล้มลืมเขญ
เปรยเปรียบความรักนั้น ฉันใด
หมายรักหมายสมัครใจ สมัครไว้
อย่าขังอย่าขืนเรียมใน ห้องเจต กรอบนา
ส่งรักมวลดอกไม้ มอบให้มิตรฉันท์
เดินเล่นเชยชื่นเช้า ฉ่ำอรุณ
ตะแบกแบกรักบุญ รักตั้ง
นนทรีย์สัตบรรณสุน- ทรีย์รื่น ลมลออ
ร้อยเจตลืมโลกครั้ง ขุ่นข้นเคี่ยวขันธ์
ก้าวยาวยาวสูดแล้ว คลายลม
คลายระทวยระทม เมื่อยข้อ
สองแขนวาดเวี่ยนกลม ขยายปอด
สองแค่งขยับขยายก้อ เหยียดเส้นเหยียดสาย
ลิลิต มรดกได้ แต่ไหน ไหนนา
ลออ อ่านแล้วสดใส อ่านเอิ้น
รอ กวีบทบรรณใบ บานผลิ
รัก แรกเขินสะเทิ้น ใคร่ทั้งอ่านเขียน
26 พฤษภาคม 2549 06:24 น.
น้ำ
๏ลิลิต งามลึกล้ำ สามกรุง
ลออ ท่านกวีเอกปรุง วัจนไว้
รอ รั้งเปล่ากาลสุน- ทรีย์เหือด แห้งรา
รัก พ่อแล้วบ่ไร้ บทเร้าคำฉันท์๚
๏อกเรียมเกรียมอกไหม้ ฝืนเผา
ดำดั่งเข้าถ้ำเนาว์ มืดตื้อ
อารีจิตรมิตรเรา อารักข์ หน่อยรา
เชิญขัดเขลาดัดดื้อ ดุ่ยด้นกระผม
๏เครียดขึงคลายอกเคล้า สุคนธ์ กลอนนอ
เสียงแว่วแจ้วยินยล หยาดเยิ้ม
เวหาส วาทสวรรค์วน ไยทุกข์ มีนอ
หอมบุปผาผกาเคลิ้ม กลิ่นฟุ้งฟ่องหาว๚
๏ทั่นใดใจกอบเกื้อ การกวี
เชิดทั่นมาสุนทรีย์ ถิ่นนี้
โคลงฉันท์กาพท์วจี ศักดิ์สิทธิ์ ฤิทธิ์แล
นิดหน่อยคอยจู้จี้ พิจารณ์ฯ