2 พฤศจิกายน 2547 09:50 น.

ข้ามเวลา… เปลี่ยนบันทึกรัก… The Blue Diary Of Love (บทนำ : ธัณ)

น้ำหมึกขาว

ธัณ มกราคม 1964

ผมเดินผ่านรั้วโรงเรียนพร้อมๆกับร่างกายและใบหน้าที่กำลังปะทะกับลมหนาวที่กำลังโชยเอื่อย ด้วยฝีเท้าที่ย่างก้าวไม่เร็วหรือช้ามากนัก ร่างกายที่กำลังเดินผ่านร่างของผู้คนที่เป็นนักเรียนอย่างเชื่องช้าทำให้ผมสังเกตเห็นสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองผมราวกับจะกลืนกินตัวผมไปซะอย่างนั้น สายตาของพวกเธอหลายสิบคู่ที่ผมเดินผ่านนั้นกำลังมองมาที่ผมเพียงผู้เดียว มันเป็นอย่างนี้ตลอดเวลานับแต่แต่ผมเริ่มเข้าเรียนมัธยมต้นในโรงเรียนนี้จนผมจะจบม.ปลายในอีกเร็วๆนี้เอง

แปลกมากที่ผมไม่ยอมยุ่งหรือคบหากับหญิงใดในโรงเรียนเป็นแฟนอย่างจริงๆจังๆสักคน จนครั้งนี้ หญิงคนนั้นเขียนจดหมายมาหาผมพร้อมกับกลอนรักบทเล็กๆ เธอช่างแปลกจากผู้หญิงอื่นในโรงเรียนซะนี่กระไร ผมคิดพลางอมยิ้มหัวเราะเบาๆคนเดียวหลังจากที่ได้เปิดกระดาษสีชมพูอ่อนกลิ่นกุหลาบแดงนั่น

มันเป็นอย่างตลอดนี้เรื่อยมา อันเป็นเวลาที่ยาวนาน ผมเขียนจดหมายโต้ตอบกับหญิงสาวที่ชื่อ ส้มโอ ผมรู้ได้ว่าเธอชื่อนั้นเพราะตรงมุมกระดาษเล็กๆมีชื่อๆนึงซึ่งเขียนอย่างบรรจงติดอยู่ แต่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้เลยว่าหน้าตาของเธอจะเป็นอย่างไร หรือว่าเธอจะเรียนอยู่ห้องไหน แต่สิ่งที่ผมรับรู้และเกิดขึ้นในจิตใจผมในตอนนั้นคือ หญิงสาวที่เขียนจดหมายนี่เป็นผู้หญิงที่ผมต้องการและตามหามาเป็นเวลานานแสนนาน

จนกระทั่งวันนี้ก็มาถึง วันที่ผมนัดกับส้มโอมาเจอ ผมไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย ผมสารภาพรักเธอโดยง่ายดาย แปลกจริงๆ ผมครุ่นคิดในขณะที่มือเริ่มแข็งถื่อและอุณภูมิในตัวเริ่มลดลงจนเย็นเฉียบจากขั้วหัวใจสู่ภายนอก ส้มโอกลับตอบรับมาว่า ฉันก็รักคุณ

ผมคบกับส้มโอโดยที่ผมก็รู้จักกับเพื่อนสนิทกับส้มโอคนหนึ่งที่ชื่อ น้ำหวาน น้ำหวานเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสระสวยได้รูป จะว่าไปเธอก็หน้าตาน่ารักและนิสัยดีกว่า ส้มโอ อยู่หลายขุม แต่ผมไม่สามารถที่จะปันใจจากที่มีให้กับส้มโอไปให้หญิงสาวที่ชื่อน้ำหวานนั่นได้เพียงเพราะคำว่า รู้สึกผิด ที่คั่นกลางอยู่ในใจผมนั่นเอง

ผมมักจะเดินผ่านบ้านของน้ำหวานอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม ตอนเช้าก่อนไปเรียน หรือตอนดึกก่อนเข้านอน เธอไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าผมได้ยืนมองเธออยู่นอกรั้วอลูมิเนียมนั่น บางขณะเธอมักจะนั่งพักพรางฮำเพลงเบาๆที่ใต้ต้นไม้เพียงต้นเดียวกลางสวนที่ติดกับห้องนั่งเล่นของเธอ บางวันเธอก็จะนั่งเล่นกึ่งนอน หลังพิงหมอนรูปสามเหลี่ยมอยู่ตรงห้องรับแขกที่เปิดประตูบ้านทรงญี่ปุ่นนั่นโดยกว้าง พอที่จะทำให้คนภายนอกอย่างผม ที่แอบมองเธออยู่อดมองในความน่ารักของเธอไม่ได้เลย 

ทุกๆเย็น หลังจากที่ผมเดินไปส่งส้มโอที่บ้าน ผมก็มักจะทำทีว่าเดินผ่านบ้านน้ำหวาน แล้วชำเลืองมองเข้าไปในบ้านไม้หลังใหญ่นั่น แม้ว่าในบางครั้งผมไม่เห็นเธอ ผมก็ยังรู้สึกอุ่นใจลึกๆ เหมือนกับรู้จักนิสัยตัวเธอมากกว่าส้มโอซะอีก เอ๊ะ!กล่องใส่จดหมาย ผมอุทานพลางพูดในใจคนเดียวขณะที่ย่างกรายอย่างเชื่องช้าผ่านมาถึงประตูหน้าบ้านและเจอกล่องไม้เก่าๆซึ่งนั่นจะดูว่าเป็นที่เก็บใส่ซองจดหมายเป็นแน่

ใช่แล้วนี่อาจเป็นการดีที่สุด ผมคิดหลังจากที่จะนึกอะไรบางอย่างในหัวออก แม้ว่าสิ่งนั้นที่ผมคิดมันจะเป็นสิ่งที่ รู้สึกผิด ก็ตาม ผมเริ่มเขียนจดหมายสารภาพรักแล้วนำมาหย่อนในกล่องไม้ใบย่อมนั่น เนื้อความทั้งหมดที่มีในกระดาษสีขาวซอดสองเปล่าที่ไม่ได้ปิดแสตมป์หย่อนลงตู้ไม้นั่น

ความรู้สึกต่างๆมากมายเริ่มแล่นเข้ามาในหัวของผมในตอนนั้น ผมรักเพื่อนของคนรักมากกว่าความรักที่ผมจะให้คนรักหรือนี่

แต่วันแล้ววันเล่าที่ผมเขียนจดหมายสารภาพรักนั่น น้ำหวานก็ไม่เคยเขียนตอบกลับผมมาเลย และไม่ว่าเมื่อใดที่พวกเราทั้งสามอยู่ด้วยกัน ผมก็ทำได้แค่เพียงแอบมองผู้หญิงที่ยืนข้างหลังคนรักของผม เธอคงจะได้อ่านแล้วรู้สึกรังเกียจผมแน่ๆ แต่ดูเหมือนกลับว่าสิ่งนั้นมันทำให้ผมพยายามมากขึ้น มันทำให้ผมเขียนจดหมายอีกหลายฉบับไปหย่อนลงในตู้ไม้หน้าบ้านเธอเช่นเคยจนกระทั่งพวกเราทั้งสามจบมหาลัยและได้งานทำ

จนวันนี้ ในคืนนี้ ในบ้านหลังนี้ บ้านของน้ำหวาน ผมได้รับรู้บางสิ่งบางอย่างที่น้ำหวานก็อยากบอกผมเช่นกันจากไดอารี่สีฟ้าของเธอ ในเวลานั้นผมรู้สึกดีใจ รู้สึกผิด รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก

มันคงจะดีนะ ถ้าที่ตรงนั้นไม่มีส้มโออยู่ด้วย ผมคิดหลังจากที่หยิบไดอารี่สีฟ้าขึ้นจากเก้าอี้ของน้ำหวานโดยหญิงสาวที่ชื่อส้มโอก็ยื่นหน้าของเธอมาพร้อมๆกับผมที่กำลังพลิกอ่านไดอารี่สีฟ้าของน้ำหวานทีละหน้าอย่างตั้งใจ

ข้อความจากน้ำหมึกตัวบรรจงเขียนขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นของหน้ากระดาษที่ผมพลิกอ่านนั่น จนถึงกลางเล่มก็ทำให้ผมมั่นใจและแน่ใจได้ว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ หนึ่งเดียวในหัวใจของหญิงสาวที่ชื่อน้ำหวานนั่นมีเพียงผมเพียงคนเดียว และในเวลาเดียวกันตลอดหลายปีมานี่ ผมก็มีใจให้เธอเพียงคนเดียวเช่นเดียวกัน แต่ในขณะนั้น แล้วส้มโอล่ะ?? ส้มโอจะเป็นยังไง?? 

มาแล้วค่าโทษทีนะทุกคนที่ปล่อยให้รอนาน มาทานขนมกันเร๊ว เสียงใสๆดังขึ้น ร่างนั้นผ่านประตูเข้ามายืนมองผมและส้มโอ หลังจากที่ผมยืนอ่านไดอารี่นั้นตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้โดยที่คนที่ยืนอยู่เคียงข้างตัวผมก็หลั่งน้ำตาออกมาแล้วร้องไห้ฟูมฟายราวกับเธอจะรู้ดีว่ากำลังจะเสียของที่มีค่าสำหรับจิตใจเธอไป

ไม่นานนักเสียงจากถาดขนมได้ตกลงกระทับพื้นไม้ของบ้าน น้ำหวานปล่อยมันลงหลังจากที่เธอมองเห็นไดอารี่สีฟ้าที่อยู่ในมือผมพร้อมกับส้มโอที่ยืนเคียงข้างผมพลางร้องไห้โฮ ผมคิดว่าเธอรู้ได้ดีแน่ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางความเงียบเพียงไม่กี่วินาทีนั้น มันสามารถทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าราวจะแตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกับแก้วที่ร้าวแล้วถูกน้ำร้อนเทใส่ แต่สิ่งที่ไม่อาจคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อส้มโอได้วิ่งออกจากบ้านนั้นไปท่ามกลางความเงียบที่มีแต่เสียงสะอื้นของตัวเธอ ผมตั้งสติได้จึงวิ่งตามเธอไปพร้อมๆกับน้ำหวานที่อยู่ในชุดกันเปื้อนนั่น

หนทางที่เริ่มมืดมิด ผมมองไม่เห็นอะไรเลยในความมืดนั่นจะมีเพียงก็แต่เสียงเหนื่อยหอบของน้ำหวานที่ยืนข้างๆผมในตอนนั้น ปากของเธอพลางเรียกชื่อๆนึงที่เธอและผมคุ้นเคย เธอกล่าวขอโทษพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อนั้นต่อไป แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดแต่แสงไฟข้างทางก็ยังสลัวพอที่จะทำให้ผมเห็นน้ำตาที่กำลังไหลรินมาจากดวงตากลมโตที่สวยงามของเธอนั้นได้อย่างง่ายดาย

ท้องฟ้ามีเสียงคำรามราวกับราชสีห์ในป่าลึกกำลังโกรธจัด ผมรู้ได้ทันทีว่าฝนคงจะตกหนักเป็นแน่ ฝนตกหน้าหนาว แปลกดีนะ ผมคิดอย่างฟุ้งซ่านคนเดียวก่อนที่จะหันไปมองหน้าน้ำหวานเป็นสัญญาณแทนคำพูดว่าเราสองคนควรเร่งหาส้มโอให้เร็วไวที่สุดก่อนที่ฝนจะตก เธอพยักหน้ารับพร้อมๆกับน้ำใสๆที่ปาดเปื้อนแก้มสองข้างของเธอ ในเวลานั้นเม็ดน้ำจากฟากฟ้าก็ได้สาดลงมาทันใด

ผมตามหาส้มโอต่อไปจนเจอร่างๆหนึ่งริมถนนใหญ่ ร่างของหญิงสาวในชุดอยู่บ้านนอนนิ่งข้างถนนท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ผมค่อยๆเดินไปดูร่างนั้นอย่างเชื่อช้าจนมั่นใจว่านั่นคือ ส้มโอ ผมพยูงและอุ้มร่างเธอขึ้นก่อนที่จะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังของผม

ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดนี้มาก มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ผมปลอบตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายมารในร่างกายของผมกลับพูดออกมาว่า นายจะได้อยู่กับน้ำหวานแล้วนะ รักแรกของนายไง ผมรู้สึกดีแบบแปลกๆเมื่อคิดได้อย่างนั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆนั่น ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงของน้ำหวาน

ผมจึงแวะไปที่บ้านของน้ำหวานอีกครั้ง ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหญิงสาวคนนั้นจะทำอะไรอยู่นะ เธอจะร้องเพลงใต้ต้นไม้ หรือว่านั่งเล่นในห้องรับแขกที่เปิดประตูกว้าง ทว่า บ้านหลังนั้นถูกปิดตายพร้อมกับตัวหนังสือสีแดงขนาดใหญ่ ที่บรรจงเขียนบนกระดาษแข็ง 

ประกาศขาย

ติดตามบทที่ 1 ตอนต่อไป				
2 พฤศจิกายน 2547 09:45 น.

ข้ามเวลา… เปลี่ยนบันทึกรัก… The Blue Diary Of Love (บทนำ : น้ำหวาน)

น้ำหมึกขาว

น้ำหวาน มกราคม 1964

ทุกวันก่อนไปโรงเรียน...ฉันจะชอบให้แม่ถักเปียสองข้างให้ฉัน... 

ฉันก้าวเข้าผ่านประตูไม้บานใหญ่ไปในห้องเรียน...ทันทีที่ฉันปรากฏตัวในห้อง... ที่กำลังมีเพื่อนชายหญิงที่คุยกันอย่างเซ็งแซ่นั้นก็ปรากฏร่างของเด็กหญิงผมม้าคนหนึ่ง ส้มโอ หล่อนโผล่พรวดออกมาจากหลังห้องนั่นแล้ววิ่งมาที่ฉันด้วยท่าทางลุกลนและกริยาที่ดีใจอย่างสุขล้น หล่อนเป็นคนที่ฉันเคยพูดคุยในยามฉันเปล่าเปลี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียว คนที่ฉันเคยแอบหนีไปค้างบ้านเธอเวลาแม่ฉันลงโทษ คนที่ฉันไปทานข้าวกลางวันพร้อมกับเธอเป็นประจำทุกวัน คนที่จะคอยหัวเราะหรือร้องไห้ไปพร้อมๆกับฉัน คนที่ฉันเอ่ยปากขอยืมทุกอย่างได้ในตัวของหล่อนเว้นแต่ชีวิต คนที่ฉันเรียกเธอว่า เพื่อนตาย

น้ำหวาน!.น้ำหวาน!ชั้นมีอะไรจะบอกเธอแหละเธอจำผู้ชายที่ชื่อธัณได้มั้ย??เค้ามาสารภาพบอกรักชั้นแล้วชั้นขอบใจเธอจริงๆนะ ส้มโอพูดหลังจากที่เธอวิ่งมาเขย่าตัวของฉันผมม้าของเธอสะบัดพริ้วไหวตามแรงเขย่าตัวเธอที่มีให้ฉัน เธอเล่าพร้อมกับกล่าวถึงชื่อของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันและเธอรู้จักดี  ธัณ เด็กหนุ่มที่ดีทั้งหน้าตาและรูปร่าง พอๆกับฐานะทางการเงินของเขา ธัณอยู่ห้องเรียนถัดไปที่ติดกับห้องเรียนของฉันและส้มโอ 

นายนั่นเป็นคนที่เพื่อนสนิทของฉันตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แต่ส้มโอก็ไม่เคยรับรู้เลยว่าฉันก็แอบชอบเด็กผู้ชายที่ชื่อธัณนั่นไปพร้อมๆกับเธอ .. .

. .. ชื่อเล่นที่ชื่อน้ำหวานนั้น เป็นชื่อที่คุณพ่อคุณแม่ของฉันตั้งให้ ท่านบอกว่าพวกท่านทั้งสองชอบดื่มน้ำหวานมาก โดยตอนตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ของฉันก็ยังชอบดื่มน้ำหวานอยู่อย่างไม่ขาด และนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันชื่อเล่นชื่อนี้

ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวนี้ ฉันเติบโตมากับบ้านทรงญี่ปุ่นที่อาจจะดูใหญ่ไปสักหน่อยสำหรับครอบครัวเล็กๆที่มีเพียงสามคนคือ พ่อ แม่ และลูก ตั้งแต่จำความได้ฉันโตมากับ ปุย ปุยเป็นแมวตัวผู้สีขาวสะอาด เราทั้งคู่มักจะไปนั่งเล่นที่ใต้ต้นไม้ต้นเล็กๆที่มีอยู่เพียงต้นเดียวกลางสนามที่ติดอยู่กับห้องรับแขก จนกระทั่งฉันขึ้นประถม ปุยจากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับมา

ฉันจำได้ดีว่ากลางดึกวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก ฉันนั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้าประตูภายในบ้านกับแม่ของฉัน ที่ยังคงลูบหัวพร้อมคำพูดที่ปลอบฉันอยู่อย่างไม่ขาด ฉันมองดูประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งพ่อของฉันวิ่งออกไปตามหาปุย นานพักใหญ่กว่าพ่อของฉันจะกลับมาด้วยสภาพที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝน 

บางสิ่ง อยู่บนอุ้งแขนของพ่อฉันที่กำลังอุ้มอยู่ ร่างสัตว์สี่เท้าสีขาวที่ฉันรู้จักดีนอนแนบนิ่ง แม้ว่าบนตัวของ บางสิ่ง ที่พ่อฉันอุ้มอยู่จะมีคราบสีแดงสดหยดลงมาพร้อมๆกับน้ำฝนที่ยังคงติดตัวผสมอยู่ แต่ฉันก็มั่นใจว่ามันคือ ปุย พ่อของฉันพูดสั้นๆด้วยสีหน้าเศร้าสลดเพียงว่า ปุยหลับไปแล้วนะ แล้วพ่อก็ส่งปุยมาให้ฉัน ฉันก็ร้องไห้ไม่หยุด ฉันได้แต่เขย่าตัวของมันให้ฟื้นขึ้น ปากก็พลางพูดให้มันตื่น ฉันหอมไปที่ขนเปียกๆบนหัวมัน เพื่อหวังว่ามันจะเงยหน้ามาเลียฉันเหมือนทุกครั้ง แต่ปุยก็ยังคงหลับสนิทเหมือนที่พ่อฉันบอกไว้ ฉันจึงไปฝังปุยไว้ที่ใต้ต้นไม้ที่มีเพียงต้นเดียวของบ้านหลังนี้ .. .

แม้ว่าปุยจะจากฉันไปได้ไม่นานนัก ฉันก็ได้เริ่มเรียนชั้นประถมในทันที ความรู้สึกที่นึกถึงปุยยังคงอยู่ในใจฉันตลอด จนวันหนึ่งจิตใจของฉันก็ถูกแทนที่ด้วยเด็กหญิงที่ชื่อ ส้มโอ

ส้มโอดีกับฉันทุกอย่าง เราเล่นด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน เราทั้งคู่ถือเป็นตัวแทนซึ่งกันและกัน บางวันถ้าฉันถูกทำโทษส้มโอก็จะมาอธิบายจนคุณครูยอมสยบยกโทษให้ ฉันกับส้มโอสนิทกันมากจนกระทั้งเราเรียนถึงชั้นม.ปลาย

วันหนึ่งในขณะที่ฉันกำลังจะกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันคุ้นหูก็ดังขึ้น
น้ำหวานเสร็จรึยัง?? ส้มโอถามคำถามหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตั้งใจ ฉันพยักหน้าอมยิ้มพร้อมกับยื่นกระดาษสีชมพูหวานไปให้เธอ เธอยิ้มกว้างพร้อมกับทำตาโตพลางกอดฉันหนึ่งทีก่อนวิ่งจากฉันไป เธอวิ่งไปห้องเรียนที่ติดข้างๆห้องพวกเราทั้งสอง เพื่อนำกระดาษสีชมพูอ่อนกลิ่นกุหลาบแดงที่ฉันบรรจงเขียนให้เธอไปสอดไว้ใต้โต๊ะไม้ของ ใครคนนั้น

ส้มโอ เธอให้ฉันเขียนจดหมายรักให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อธัณ ฉันรู้ได้เพราะว่าเธอเขียนบทสารภาพรักหวานซึ้งตรึงใจ หรือเข้าใจไปยังเบื้องลึกของผู้ชายไม่ดีเท่าฉัน คงเป็นเพราะว่าเธอคงจะไม่มีอารมณ์โรเมนติกเลยกระมัง เธอถึงมาขอร้องฉัน ฉันเขียนจดหมายให้เธอเพื่อที่จะนำไปให้ผู้ชายที่ชื่อธัณคนนั้น แต่ฉันก็คงจะไม่มีทางเขียนบทรักหวานชื่นนั่น ได้ถ้าฉันไม่ได้รู้สึกอย่างที่ส้มโอรู้สึกกับธัณ .. .

ใช่แล้ว ฉันชอบธัณด้วยเช่นกัน แต่ฉันไม่สามารถทำได้ เพราะส้มโอคือ เพื่อนตาย ของฉัน ฉันเขียนจดหมายรักโต้ตอบกับผู้ชายที่ชื่อธัณนั่นเป็นเวลานานนับเดือน โดยที่ตรงมุมชื่อของจดหมายที่ฉันเขียนนั้นเป็นชื่อของ ส้มโอ

วันใดถ้ามีเวลาว่าง ฉันมักจะเอาไดอารี่สีฟ้าเล่มโปรดของฉันมาเสก็ดภาพเด็กผู้ชายที่ชื่อธัณนั่น แม้ว่าชั่วโมงศิลปะฉันจะทำคะแนนได้ไม่ดีนัก แต่ฉันก็ตั้งใจที่จะวาดผู้ชายคนที่ฉัน รัก 

ส่วนใหญ่ฉันเขียนเรื่องราวที่เป็นเหมือนนิยายของฉันผ่านเส้นหมึกที่บรรจงเขียนทุกตัวอักษรลงในไดอารี่ของฉัน เรื่องราวความรักของฉันที่ไม่สามารถบอกส้มโอหรือธัณได้

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ความรักที่ส้มโอรอคอยก็สมหวัง ฉันจึงทำได้แต่เพียงยืนยิ้มและดีใจไปกับเธอ แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดธัณก็รับรักหญิงที่เขียนจดหมายรักนั่น ภายใต้จิตใจของฉันที่ผ่านออกไปนั่นคือ ส้มโอ 

ตลอดระยะเวลาที่มีนั้น ธัณและส้มโอรักกันมาก ฉันรู้สึกอิ่มไปด้วยความรักของคนทั้งคู่ ทั้งสองนั้นไม่เคยลืมฉันและไม่เคยคิดว่าฉันเป็นส่วนเกินแต่อย่างใด ไม่ว่าทั้งคู่จะไปเที่ยวหรือทานข้าวก็จะชวนฉันไปด้วยเสมอ ฉันรู้สึกว่าธัณเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์พร้อมและเหมาะกับคนที่ดีอย่างส้มโอ โดยที่ความลับของฉันกับส้มโอที่ปิดซ่อนไว้ไม่มีทางที่ธัณจะรู้ได้ แต่ภายในของความรู้สึกนึกคิดนั้น ฉันก็แค่คิดว่าเพียงได้อยู่ใกล้ชิดกับธัณก็เพียงพอแล้ว 

บ้าสิ!น้ำหวาน!เธอคิดอะไรของเธอ!ส้มโอเพื่อนเธอนะ!! ฉันเตือนตัวเองหลังจากเพ้อฝันเป็นเวลานาน

สองคนนั้นดีกับฉันเสียจริงๆ ทั้งคู่ต่างนำเงินที่เก็บไว้ไปซื้อนาฬิกาข้อมือให้ฉันใส่ในวันเกิดของฉัน โดยที่ฉันก็ยังชอบใส่อยู่ไม่เคยถอดออกหรือลืมทิ้งไว้ที่ไหนเลย เว้นแต่ตอนอาบน้ำ

. .. แต่แล้วในที่สุด เรื่องราวความรักของคนสองคนที่ฉันรัก นั้นกำลังจะจบจากงานแต่งงานของพวกเค้าในไม่กี่เดือนข้างหน้าที่จะมาถึงหลังจากที่เราทั้งสามจบมหาลัย เรื่องทั้งหมดอาจจบเพียงเท่านี้และไม่ยืดเยื้อออกไปอีก ถ้าไม่มี ใครคนนั้น เห็น ไดอารี่สีฟ้า ของฉัน 

ไดอารี่ที่เปลี่ยนผันชีวิตของคนทั้งสาม

. .. นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวที่ฉัน ส้มโอ และธัณเพิ่งได้งานทำที่เดียวกัน หลังจากที่พวกเราจบจากมหาลัย และพิธีงานศพครบร้อยวันของพ่อแม่ของฉันซึ่งท่านเสียชีวิตไปอย่างกระทันหันจากอุบัติเหตุ 

พรุ่งนี้พวกเราไปค้างบ้านเธอนะจ๊ะ น้ำหวาน
อืมม์จ่ะไว้ฉันจะไปเตรียมห้องให้นะ ฉันตอบส้มโอหลังจากที่เธอเอ่ยปากขอ เพราะเธออยากให้ฉันช่วยเลือกของที่ละลึกกับการ์ดแต่งงาน

ถึงฉันจะรู้ตั้งแต่แรก ว่ารักแรกของฉันไม่มีทางที่จะสมหวังได้ แต่วันนี้คนที่ฉันรักทั้งคู่จะมาที่บ้านของฉัน ฉันไม่ขอให้ธัณเค้ารักฉัน ฉันขอแค่ฉันมีลมหายใจที่จะรักเค้าต่อไปก็เพียงพอแล้ว

สายลมเย็นๆแผ่วเบาพาดผ่านมายังภายในบ้านที่เปิดหน้าต่างบานใหญ่หลายบานเปิดรับ แสงแดดสีส้มแสดกระทบกับต้นไม้ที่ฉันฝังปุยอยู่ ฤดูหนาวอันใกล้นี้คงจะอีกไม่นานแน่ ฉันคิดขณะที่เพื่อนสนิทของฉันมาพร้อมกับว่าที่สามีของเธอ

พวกเราทั้งสามต่างพูดคุยเล่นกันจนดึก โดยที่ลืมไปเลยว่าฉันต้องเลือกของที่ละลึกให้คนที่สองที่อยู่ตรงหน้าฉัน

เดี๋ยวมานะส้มโอ ขนมที่ฉันทำไว้ใกล้สุกแล้วล่ะ ฉันพูดเมื่อได้กลิ่นหอมกรุ่นๆ ของขนมที่ฉันทำไว้โชยมากลบกลิ่นเลม่อนอ่อนๆในห้องนั่งเล่นนั่น ก่อนที่จะเดินลับตาชายหญิงคู่นั้นไปโดยที่ไม่เอะใจเลยว่า ฉันลืม ไดอารี่สีฟ้า วางอยู่บนเก้าอี้ของฉัน .. .

และนั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้พูดกับ ส้มโอ

 บางสิ่ง อยู่บนอุ้งแขนของธัณที่กำลังอุ้มอยู่ ร่างหญิงสาวในชุดอยู่บ้านที่ฉันรู้จักดีนอนแนบนิ่ง แม้ว่าบนร่างของ บางสิ่ง ที่ธัณอุ้มอยู่จะมีคราบสีแดงสดหยดลงมาพร้อมๆกับน้ำฝนที่ยังคงติดตัวผสมอยู่ แต่ฉันก็มั่นใจว่าเธอนั้นคือ ส้มโอฉันรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ขึ้นมาทันทีแม้ว่าฉันจะลืมเลือนมันไปนานแล้วก็ตาม

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นมันกัดกินใจฉันเรื่อยมาจนทุกวันนี้ ฉันไม่อาจทำให้ใจของฉันรักธัณได้แม้ว่าฉันอยากจะอยู่ใกล้เค้ามากเพียงใด เพราะสิ่งๆหนึ่งที่คั่นกลางระหว่างจิตใจของฉันที่มีให้กับธัณ นั่นคือ ส้มโอ ฉันจึงตัดสินใจ จากเค้าไป จากไปให้ไกล 

ให้ไกลจาก  .. รักครั้งแรกซึ่งจะเป็นรักครั้งสุดท้าย ของฉัน

ติดตามบทนำตอนต่อไป				
26 ตุลาคม 2547 06:26 น.

ปริศนา… ผีถ้วยแก้ว Part 6 (จบ)

น้ำหมึกขาว

22.00 น. ที่วัด หลังป่าช้า

เอาล่ะ โยมสองคนนอนหันศรีษะไปทางปล่องเมรุนะอัตมาจะนั่งอยู่ปลายเท้าของพวกโยมทั้งสองเอง แล้วพอจบพิธี อัตมาจะมาเดินเรียกโยมทั้งสอง พระรูปนั้นตอบในขณะที่เต้ยกับแป้งใส่ชุดขาวนั่งอยู่ในโลงของผีตายโหงกันคนละโลง หลังจากนั้นไม่นานเต้ยและแป้งก็เอียงหัวล้มลงนอน แล้วพระรูปนั้นก็ทำพิธีจนเสร็จ และปล่อยให้ชายหนุ่มและหญิงสาวนอนในโลงกันเพียงตามลำพังท่ามกลางความเงียบและความมืดของหลังป่าช้านั่น

ตเต้ยยย เสียงเบาๆของแป้งดังออกมาจากโลงข้างๆเต้ยกลางป่าช้า
หืออ?อะไร?? เต้ยตอบกลับ
ชชั้นกลัว. แป้งบอก
เฮ้ยยจะกลัวอะไรนี่ในวัดนะหลวงตาเค้าไม่ให้ปิดฝาโลงก็บุญเท่าไหร่แล้วหลับตาแล้วพยายามหลับจนถึงพรุ่งนี้เถอะ เต้ยตอบในขณะที่ในใจเค้าก็กลัวไม่แพ้กันกับแป้ง
ถึงจะในวัด.แต่นี่มันป่าช้านะแกกกก. แป้งตอบเสียงสั่น
เออๆๆๆ เอาเหอะน่าแกก็นึกว่า มานอนพักตากอากาศที่ต่างจังหวัดก็แล้วกัน. เต้ยพูด
หือออ??แกกกก.ต่างจังหวัดเค้ามีที่นอนเหม็นสาปศพอย่างนี้ด้วยหรอออ?? แป้งตอบกลับ
โอยยบ่นจริง.เอาเหอะน่า หลับๆๆ เต้ยพูดพร้อมกับข่มตาหลับแล้วพยายามไม่พูดกับเพื่อนสนิทตน

กึกกึก.กึก. เสียงๆหนึ่งดังขึ้น
จิ๊!!อะไรวะยัยแป้งอีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะเสร็จพิธีแล้ว มาเคาะโลงอยู่ได้ เต้ยบ่นพึมพำคนเดียว
ฮาววว.อาาารายยยกันย๊ะ.ชั้นหลับอยู่นะ. แป้งพูดขึ้นเสียงงัวเงีย ทำให้ชายหนุ่มถึงกับนิ่งไปในทันทีเมื่อเสียงที่ตนได้ยินเมื่อครู่นี้ก็เริ่มดังขึ้นอีก

กึกกึกกึก
ปเปล่าไม่มีอะไรหรอกแป้ง ขข้าละเมอน่ะ เต้ยตอบในขณะที่จิตใจของเค้าก็ยังกังวลอยู่อย่างไม่ขาด
หรออก็แล้ววปายยยฮาวววว หลับต่อดีก่าาา แป้งพูดพร้อมกับหลับในทันที

กึกกึกกึก.  
เสียงอะไรวะ เต้ยพูดกับคนเดียวเบาๆ แต่ไม่กล้าที่จะลุกออกจากโลงเพราะยังไม่เสร็จพิธีแต่เสียงนั่นก็ได้ดังมากขึ้นเหมือนกับว่าเป็นเสียงคนเคาะโลงของเต้ยเองนั้นที่นอนอยู่
กึก กึก.กึก.กึก เสียงประหลาดที่ดังอยู่นอกโลงนั่นยังดังขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆดังไปรอบๆโลงจนเต้ยสังเกตได้จากที่ดังจากด้านขวาก็ค่อยๆดังไปถึงปลายเท้าและดังอ้อมผ่านมายังด้านซ้ายมือและตอนนี้เสียงนั่นมาดังอยู่ที่เหนือศรีษะของเค้าเอง
กึกกึกกึ   ..

เออเงียบสักที เต้ยพูดคนเดียวเมื่อเสียงนั่นเริ่มเงียบไป แต่สิ่งที่เค้าสังเกตได้หลังจากเสียงนั้นเงียบ คือเสียงลมหายใจที่แรงมากดังอยู่ทางด้านเหนือศรีษะเค้าข้างนอกโลงนั่น
ป.แป้ง.กแก กรนหรอ?? ชายหนุ่มถามเบาๆ เมื่อเค้าเข้าข้างตัวเองว่านั้นคือเสียงเพื่อนทั้งๆที่ได้ยินว่าเสียงนั้นเป็นเสียงลมหายใจของผู้ชาย

ไม่นานนักปลายนิ้วมือสองมือค่อยๆโผล่ขึ้นจากขอบโลง จนเต้ยสังเกตได้เพราะสิ่งนั้นอยู่เหนือศรีษะเค้าเอง ชายหนุ่มแหงนหน้าไปมองสองมือนั่นที่ทำท่าว่าเหมือนกับจะปีนป่ายเข้ามาในโลงของเค้าเอง ร่างของผู้ชายที่ใหญ่โตกว่าเต้ยเกือบค่อนนึงโผล่มาหลังใบหน้าที่เละเทะ พร้อมกับมองมาที่ชายหนุ่ม

ป.ป  . เต้ยพยามดิ้นรนเพื่อที่จะเรียกเพื่อนสนิทตนแต่เธอกลับไม่ได้ยิน ร่างสูงใหญ่ของชายที่เอามือค้ำขอบโลงแล้วมองมายังเต้ยค่อยๆก้มตัวลงมามองหน้าชายหนุ่มอย่างช้าๆพร้อมกับแสยะยิ้ม ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีพร้อมกับหลับตา แต่ร่างนั้นกับล้มตัวลงมาทับเต้ยเต็มแรงจนเค้ารู้สึกจุกและชาไปทั่วทั้งร่างกาย

เอาล่ะเสร็จพิธีแล้ว เสียงๆหนึ่งดังขึ้น
อ้าาาา เสร็จแล้วหรอค่ะหลวงตาค่อยยังชั่ว แป้งพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของหลวงตาที่กำลังเดินมาแต่ไกล เธอถามพร้อมกับดีดตัวขึ้นมานั่งหลังจากนอนในโลงนั่นเป็นเวลานานพอสมควร หญิงสาวมองไปที่โลงข้างๆตนทันทีเมื่อเธอตื่นพร้อมกับเรียกชื่อเพื่อนสนิท

เต้ยยเต้ยยไอ้เต้ยยยนี่แก ตื่นได้แล้วนะ!! แป้งตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา หญิงสาวคิดว่าผิดสังเกตเธอจึงลุกขึ้นไปดูทันที แต่สิ่งที่เธอพบคือโลงที่ว่างเปล่าปราศจากเพื่อนสนิทตน

มไม่ไม่มีลหลวงตาคะ หลวงตา. เต้ยไม่ได้อยู่ในโลงคะ แป้งบ่นพึมพำคนเดียวก่อนที่จะวิ่งไปหาหลวงตา
เอาล่ะสิ.บอกแล้วใช่มั้ยไม่ให้ไปไหน เอาล่ะเดี๋ยวอัตมาจะไปตามเด็กวัดมาช่วยกันตามหาแล้วกันนะ นี่ก็ใกล้เช้าแล้วคงหาได้ไม่ยากหรอก หลวงตาตอบ
ค่ะค่ะ แป้งตอบรับพร้อมกับวิ่งเข้าไปในป่าช้าเพื่อตามหาเพื่อนรักอีกครั้ง

เต้ยยยย.เต้ยยยย. แกอยู่ไหนนน. แป้งตะโกนเรียกเพื่อนตนเสียงสั่น ในขณะที่เด็กวัดเริ่มทยอยกันออกแยกตามหา
ฮ.เฮ้ยย.นั่นใครวะ!! เสียงเด็กวัดคนหนึ่งตะโกนขึ้น
น.ไหน ไหน! แป้งรีบกระโดดข้ามหลุมศพของป่าช้านั่นมาหาเด็กวัดคนนั้นทันที
นั่นไงครับพี่คนนั้นใช่พี่เต้ยเปล่าครับ เด็กวัดคนนั้นตอบพร้อมกับส่องไฟฉายไปยังร่างๆหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่กับพื้นดินหันหลังอยู่

ใช่!!นั่นแหละ!! เต้ยยยย แป้งอุทานก่อนที่เธอจะวิ่งไปหาร่างที่เธอเห็นนั่นทันทีโดยที่พวกเด็กวัดก็วิ่งตามมาด้วยเช่นกัน
พพ.พี่สาวครับ?? เด็กวัดคนหนึ่งเรียกแป้งพร้อมกับจับชายเสื้อเธอเบาๆก่อนที่เธอจะถึงตัวเต้ย
อะไรหรอ? แป้งหันไปถามอย่างสงสัย
พี่คนที่ชื่อเต้ยค.เค้า.เค้าาา. เด็กวัดพูดตะกุกตะกักพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของแป้งซึ่งเต้ยนั่งอยู่

ทำไมหรอ แป้งถามพร้อมกับหันไปมองตามนิ้วที่เด็กวัดคนนั้นชี้ ภาพที่เห็นคือเพื่อนสนิทตนนั่งกับพื้นด้วยสายตาเหม่อลอยมือนึงมีเศษกระจกที่แตกแถวนั้นกำลังนั่งปาดข้อเท้าตัวเองอยู่ เลือดออกมามากมายจนกลิ่นคาวคละคุ้งไปทั้วบริเวณป่าช้านั่น แป้งและเด็กวัดต่างรีบวิ่งเข้าไปจับมือเต้ยไม่ให้กรีดข้อเท้าตัวเองแล้วนำส่งโรงพยาบาลในที่สุด 

2 อาทิตย์ต่อมา ที่โรงพยาบาล

เฮ้ยแป้งหมอบอกว่าจะกลับบ้านได้ตอนไหนเนี่ย ข้านอนพักมาหลายวันแล้วนะ เต้ยพูดขึ้นโดยที่ตนนอนอยู่บนเตียงห้องพิเศษของโรงพยาบาล ในขณะที่หญิงสาวกำลังยืนอยู่ในห้องน้ำหน้าอ่างล้างมือแล้วล้างผลไม้ต่างๆจากคนที่มาเยี่ยมเต้ย
แหมมมมแก แผลลึกขนาดนั้น พักวันเดียวแล้วเดินได้ก็ปาติหารแล้วย๊ะ แป้งชะโงกหน้าออกมาตอบก่อนที่จะหันหน้าไปล้างผลไม้ต่อ
เออว่ะ 55 5 เฮ้ออออแต่ในที่สุดเราก็ผ่านเรื่องร้ายๆกันมาได้นะเว่ยแป้ง อืมมม แล้วนี่แกไม่หิวหรอไงวะ นี่ก็จะ2 ทุ่มแล้วนะ เต้ยพูดก่อนที่จะป้อนคำถามคำถามนึงไปยังเพื่อนสนิทตน แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาจากห้องน้ำนั่น จะมีก็แต่เสียงน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกแล้วกระทบกับน้ำที่ยังเอ่อล้นอยู่ในอ่างล้างมือที่เต็มไปด้วยผลไม้นั่น

ปแป้ง!.เฮ้ยยยแป้งง!!เป็นอะไรรึเปล่าวะ.เงียบเชียว. เต้ยตะโกนเรียกหญิงสาวในขณะที่ตัวเองก็เอามือทั้งสองดันที่นอนเพื่อลุกขึ้นมานั่งเพราะขาข้างนึงของเค้ายังไม่สามารถใช้การได้ 

เฮ้ยยยยัยแป้งงง เป็นอะไรรึเปล่าาา เต้ยตะโกนถามอยู่ครั้งด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เป็นกังวล แต่ชายหนุ่มก็ถึงกับตะลึงในสิ่งที่ตนเห็นเมื่อมือของหญิงสาวค่อยๆโผล่ออกมาจากขอบประตูพื้นห้องน้ำแล้วทำท่าจะคลานออกมา
แป้งงงง!!แกเป็นอะไรวะเฮ้ยย ใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆ ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก เค้าพยายามหยิบไม่เท้าค้ำแขนแต่ไม่สำเร็จจนทำให้ร่างของเค้าต้องล้มลงตกลงมาจากเตียงทั้งๆที่ขายังเจ็บและยังเดินไม่ได้

บึก!!โอยยป..แป้งงงใจเย็นๆนะเว่ยย ข้าจะไปช่วยแกเดี๋ยวเนี้ย แกอย่าเป็นอะไรนะ เสียงกระทบจากร่างของเค้ากับพื้นดังขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มตอบเสียงสั่นเพราะเค้ากำลังใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดของแขนทั้งสองข้างของเค้า ลากตัวเองไปหาเพื่อนสนิทที่อยู่ในห้องน้ำและโผล่แขนทั้งสองข้างวางอยู่กับพื้น แต่ชายหนุ่มที่กำลังทุรนทุรายและดิ้นรนไปหาเพื่อนก็ต้องหยุดทันทีเมื่อแขนของเพื่อนตนเริ่มขยับ แล้วค่อยๆคลานออกมาจากห้องน้ำ

ร่างของเพื่อนสนิทเต้ยนั้นเนื้อตัวเสื้อผ้าเปียกโชกค่อยๆคลานมาหาเต้ย โดยที่ร่างนั้นไม่ก้มหน้าขึ้นมามองเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มพยายามตั้งสติแล้วคิดลากตัวของเค้าเองไปเปิดประตูที่อยู่ไม่ห่างเพื่อที่จะเรียกให้คนช่วยเพราะเค้าเริ่งสังเกตได้แล้วว่าร่างนั้นไม่ใช่เพื่อนตน
ปแป้งง.แกเป็นอะไรวะ. เต้ยถามเสียงสั่นทั้งๆที่น้ำตาคลออยู่เต็มเบ้าตาโดยที่เค้าก็ไม่ลืมว่าจะต้องลากตัวเองออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด แต่ร่างของหญิงสาวนั้นก็คลานตามมาอยู่ตลอด
หึหึหึ เสียงหัวเราะที่เหมือนกับว่าเสแสร้งได้ดังขึ้นจากปากของแป้ง. เสียงหวานๆใสๆของเธอหายไปไหน นั่นคือสิ่งที่เต้ยคิดเป็นสิ่งแรก เพราะเสียงที่ชายหนุ่มได้ยินคือเสียงที่ใหญ่และดุดันของผู้ชาย

ชายหนุ่มคลานมาจับลูกบิดประตูทางออกของห้องได้ในขณะที่ ร่างของหญิงสาวนั่นก็คลานมาจับขาเต้ยข้างทั้งสองข้างได้ทันพอดี พร้อมๆกับลากโดยแรงเข้าหาตนเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเปิดประตูได้ แรงจากการลากของหญิงสาวนั่นทำให้เต้ยต้องปล่อยมือจากลูกบิดทันทีแล้วร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เพราะสองมือนั้นได้บีบรัดไปตรงข้อขาที่เป็นแผลพอดี เลือดจากบาดแผลค่อยๆไหลออกมาจากแรงบีบของมือนั่น

อ๊าคคคค..ป.แป้งงง.. ไม่ใช่สิแกไม่ใช่แป้งง.ก.แก.แกต้องการอะไร. ชายหนุ่มถามทั้งน้ำตาหลังจากที่ตะโกนร้องอย่างทรมาน
ชีวิต!!! ร่างที่อยู่ปลายเท้าเต้ยแล้วกำลังจับข้อเท้าเค้าอยู่ได้พูดตะคอกขึ้นพร้อมกับมองขึ้นมาที่หน้าของชายหนุ่ม แต่สิ่งที่เต้ยตกใจนอกจากคำพูดว่ามันต้องการอะไรแล้วนั่นคือใบหน้าของเพื่อนสนิทตน เป็นใบหน้าของสิ่งที่เค้าเจอที่ป้าช้าตอนทำพิธีนั้นนั่นเอง				
26 ตุลาคม 2547 06:23 น.

ปริศนา… ผีถ้วยแก้ว Part 5

น้ำหมึกขาว

แป้ง.พ.พวกพวกเราหนีกันก่อนเถอะ... เต้ยพูด
บ้าหรอ!!นั่นเอ็มเพื่อนเรานะ แป้งตอบตะคอกใส่เต้ยเสียงสั่นทั้งน้ำตา
แต่ตอนนี้มันดูเหมือนเอ็มเพื่อนเรารึไง!!มันกำลังจะฆ่าเราสองคนนะ!! เต้ยตอบพร้อมกับพยายามลากแขนของเพื่อนสนิทตนให้ออกไปจากที่ตรงนั้นท่ามกลางความมืด
ไม่!!.ปล่อยชั้นนน!!.เอ็มมันไม่รู้เรื่องชั้นจะไปช่วยเอ็ม!!! แป้งพูดพร้อมกับสะบัดแขนให้ออกจากมือของเต้ยที่จับเธอไว้แน่นพร้อมกับวิ่งไปกอดร่างของชายที่ถือขวานเล่มโตที่อยู่ตรงหน้าเธอ

เฮ้ยย!!แป้งง!! เต้ยอุทานพร้อมกับวิ่งตามไปเช่นกัน แต่ช้าไปเมื่อร่างที่แป้งได้กอดอยู่พลักหญิงสาวออกจากอ้อมแขนเธอจนตัวของแป้งเองต้องล้มลงไปนอนไม่เป็นท่ากับพื้น
อโอยยยอ..เอ็มมม.เธอต้องการอะไร แป้งพูดเมื่อร่างนั้นหันมาที่เธอด้วยสายตาที่ไม่อาจบอกได้เลยว่ามันต้องการอะไร

ชีวิต เสียงเยือกเย็นตอบกลับมาพร้อมกับง้างขวานนั่นขึ้นเหนือหัวพร้อมกับพาดลงมาพอดีกับกับร่างที่นอนมองอยู่ แต่เต้ยได้ลากแป้งออกมาไว้ทันอย่างหวุดหวิด
เห็นรึยังล่ะ!.ว่ามันไม่ใช่เอ็ม เต้ยหันไปพูดกับแป้งก่อนที่จะพยูงหญิงสาวขึ้นพร้อมกับจูงมือกันวิ่งหนี

ต.เต้ยยเต้ยยดเดี๋ยวเดี๋ยวก่อนโอยยยเหนื่อยย แป้งพูดขึ้นพร้อมกับกระตุกมือที่เต้ยจับเธออยู่
อะไร?? เต้ยถามน้ำเสียงหอบเมื่อทั้งคู่ได้วิ่งมาไกลจากที่นั่นแล้ว
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่.จะบอกชั้นได้รึยัง?? แป้งพูดน้ำเสียงเหนื่อยไม่แพ้กัน
ฟังให้ดีดีนะแกจำวันนั้นได้มั้ยวันที่พวกเราไปเล่นผีถ้วยแก้วกัน เต้ยพูดเสียงเครียด
ออื้มมมจำได้สิย๊ะ.บรรยากาศหน้ากลัวจะตายไป แป้งตอบ
แกจำปริศนาพยัญชนะของผีถ้วยแก้วบอกก่อนที่พวกเราจะลากมันออกไปที่คำว่าทางออกได้มั้ย?? เต้ยพูด

อ๋อออ.ที่พวกเราถามกันว่าเค้าต้องการอะไรถึงจะยอมไปใช่มั้ย? แป้งพูดขึ้นทันทีเมื่อเธอคิดได้
ใช่!หชวต.แกรู้มั้ย! ว่ามันต้องการอะไร!? เต้ยถามต่อ
ไม่รู้สิ มมัน คืออะไรหรอ?? แป้งถามหน้าตาทั้งหวาดกลัวและสงสัย
ห้าชีวิต!!มันต้องการห้าชีวิตของพวกเรา!! เต้ยตอบเสียงแน่น

อ.อ..อะอะไรนะ. หญิงสาวยืนตะลึงกับคำตอบที่ได้พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆเอ่ออยู่เต็มสองข้าง
ใช่!แกได้ยินถูกแล้วแหละ เต้ยพูด
ลแล้วแล้วชั้นจะทำยังไงดีล่ะ..ตกลงแกกับชั้นแล้วก็เอ็มต้องตายเหมือนกับหยกแล้วก็โบว์ด้วยใช่มั้ยย!!! หญิงสาวตอบพร้อมกับจับแขนของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขย่าไปมา
.. อเอาเป็นว่า.คืนนี้แกมานอนที่บ้านข้าก่อนก็ได้ แล้วพรุ่งนี้จะว่าไงก็ค่อยอีกเรื่องนึง เต้ยพูดในขณะที่แขนทั้งสองข้างโอบกอดเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไปต่างอะไรกับคนที่เสียสติก่อนที่ทั้งคู่จะกลับบ้านเต้ยเพื่อไปพักผ่อน

วันเสาร์ 10.17 น. ที่บ้านของเต้ย

คุณยายครับแป้งตื่นยังครับ? ชายหนุ่มถามหญิงชราเมื่อตนตื่นขึ้นมา
อ่อตื่นตั้งนานแล้วนี่ยายเห็นเดินไปดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นโน่นแนะ หญิงชราตอบ
ครับ เต้ยขานรับพร้อมกับเดินไปยังสถานที่ที่เพื่อนสนิทตนอยู่

อ่าว.เต้ย เพิ่งตื่นหรอ?? แป้งพูดในขณะที่เธอนั่งอยู่บนโซฟาเบาะยาวแล้วนั่งดูทีวี
อืมมยังเพลียนิดหน่อยอยู่เลยว่ะ เต้ยตอบพร้อมกับเอามือจับต้นคอส่ายไปมาแล้วค่อยๆนั่งบนโซฟาข้างๆหญิงสาว
เฮ้อออเราจะทำยังไงต่อไปกันดีล่ะ? แป้งพูดไม่ทันขาดคำก็มีข่าวด่วนจากโทรทัศน์แทรกเข้ามา

วันนี้เมื่อเวลา 03.00 นาฬิกา เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายสยอง ในบริเวณที่เกิดเหตุพบวัยรุ่นชาย ทราบชื่อภายหลังว่านาย อภิพล แซ่คิ้ม นักศึกษาภาควิชาดนตรีของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อแห่งหนึ่ง สภาพศพโดนขวานของตนเองผ่าเข้ากลางใบหน้า ทางตำรวจคาดว่าคงเกิดจากผู้ตายเสพยาเสพติดแล้วคลุ้งคลั่งนำขวานมาฟันใบหน้าตนเองจนเสียชีวิตคาที่. ขณะนี้ทางบ้านได้มารับตัวผู้ตายไปทำพิธี. เสียงจากข่าวยังไม่ทันจบเต้ยก็ขว้ารีโมทรีบปิดทันทีเมื่อตนเห็นว่าหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนของตนยั่งนิ่งมองข่าวนั้นตาไม่กระพริบพร้อมกับใบหน้าที่ซูบซีด

แป้งงงแป้งงแป้ง!! เต้ยพูดเมื่อเพื่อนสนิทตนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว
หห๊า!??อะไร! แป้งขานตอบพร้อมกับหันไปมองหน้าชายหนุ่มทั้งน้ำตา
แป้งใจเย็นๆนะ เต้ยพูดพร้อมกับจับบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ
ตเต้ย แต่ว่า.หยกโบว์เอ็มตายไปแล้วนะฮืออๆๆรรายรายต่อไปคือชั้นใช่มั้ยรายต่อไปคือชั้นใช่มั้ย!!! แป้งพูดเบาๆก่อนที่จะตะโกนใส่หน้าชายหนุ่ม

ไม่ใช่หรอกแป้ง!ไม่ใช่นะ!!เราสองคนจะต้องรอดได้ยินมั้ยว่าเราสองคนจะต้องรอด!!.. เต้ยปลอบ
ย.ยังไง?? หญิงสาวถามกลับด้วยสายตาเหม่อลอยในขณะที่น้ำตาก็ยังคงคลออยู่เต็มสองเบ้าตา
ว..วัด ใช่.วัด เราจะต้องไปวัด เต้ยพูดพร้อมกับยิ้มเมื่อนึกถึงทางออกสุดท้ายโดยที่ชายหนุ่มและหญิงสาวไม่รอช้า รีบออกจากบ้านแล้วขับรถไปวันที่ใกล้ที่สุดทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่พวกโยมทำให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้น. เสียงสงบนิ่งดังขึ้นเมื่อเต้ยและแป้งไปถึงวัดและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้าอาวาสฟัง
แล้วมีทางแก้มั้ยล่ะคะหลวงตา. แป้งถามเสียงแห้ง
จะว่าไปแล้วนั้น.สิ่งที่เกิดขึ้นได้ มันก็ย่อมดับลงได้ พระรูปนั้นตอบ
แล้วพวกเราสองคนจะทำยังไงกันดีล่ะครับหลวงตา? เต้ยรีบถามกลับทันที

พวกโยมสองคนเห็นมั้ย?ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจนทำให้เพื่อนๆของพวกโยมตายนั้น ล้วนเป็นตอนกลางคืนทั้งสิ้น? พระรูปนั้นตอบอย่างสุภาพเสียงเรียบ
มหมายความว่ายังไงหรอค่ะ? แป้งถาม
ก็หมายความว่าถ้าพวกโยมไม่อยากทำตามที่วิญญาณตนนั้นขอ คือมันขอห้าชีวิตตอนนี้มันได้ไปสามแล้วเหลืออีกสองเท่านั้น โยมสองคนก็ต้องแก้เคล็ด โดยการถือว่าโยมสองคนได้ตายในตอนกลางคืน แล้วให้ชีวิตกับมันไปแล้วยังไงล่ะ คำตอบที่แป้งอยากได้หลุดออกมาจากพระรูปนั้นอีกครั้ง

แล้วจะให้พวกเรา ตายยังไงล่ะครับ? โดยที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ เต้ยถามขมวดคิ้วอย่างสงสัย
พวกโยมสองคนก็ต้องไปนอนในโลงศพผีตายโหงหลังป่าช้าเป็นเวลา 1 คืนแล้วอัตมาจะทำพิธีเสมือนกับว่าโยมสองคนได้ตายไปแล้วถือว่าเป็นการบังพิธี พระรูปนั้นตอบกลับมา
นนอนในโลง เต้ยตะกุกตะกักพูดเบาๆ
นหนึ่ง คืนด้วยหรอ? แป้งตะกุกตะกักไม่แพ้กัยพร้อมกับค่อยๆหันมามองหน้าชายหนุ่มเป็นสัญญาณว่าเป็นไงเป็นกัน



ติดตามตอนต่อไป .. .				
23 ตุลาคม 2547 07:49 น.

ปริศนา… ผีถ้วยแก้ว Part 4

น้ำหมึกขาว

ตามฆ่าอย่างนั้นหรอ. เต้ยบ่นพึมพำคนเดียวเมื่อตนอยู่ที่หน้าคอมฯระหว่างพิมพ์งานในห้องนอน
เป็นอะไรลูก.?? บ่นอยู่คนเดียว เสียงแก่ๆของหญิงวัยชราวัยแปดสิบกว่าคนหนึ่งพูดกับชายหนุ่ม
อ่าว คุณยายยังไม่นอนหรอครับ? เต้ยพูดกับหญิงที่อยู่ตรงหน้าตน
อืมมมยายเห็นไฟห้องเราเปิดน่ะเลยมาดู.คิดอะไรคนเดียวหรอลูก? หญิงชราถามกลับ
กก็มมีเรื่องไม่ดีนิดหน่อยน่ะครับ เต้ยตอบเสียงสั่น

เกี่ยวกับเพื่อนๆเต้ยรึเปล่าลูก หญิงชราตอบเหมือนอ่านใจเด็กหนุ่มได้
คครับ??.ค..คุณยายทราบ?? เต้ยตะกุกตะกักถามพร้อมมองหน้าไปที่ผู้เป็นยายของตน
ยายเห็นเค้ามายืนที่หน้าบ้านเราทุกวัน ยังไงแล้วเต้ยต้องไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เค้าด้วยนะลูก เพราะสิ่งที่เค้าอยากได้ จะได้ลบล้างไป  หญิงชราตอบน้ำเสียงจริงจัง
คใคร??ใครครับ!คุณยาย ใครมายืนหน้าบ้านเรา!!?? เต้ยถามอย่างตกใจ
เต้ยทำอะไร ก็รู้อยู่แก่ใจนะลูก ยายเป็นห่วงนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญนะลูกเข้าใจมั้ย หญิงชราตอบไม่ตรงคำถาม แต่กลับลูบหัวเด็กหนุ่มแล้วพูดน้ำเสียงเบาๆ

คครับคุณยายยยตแต่เต้ยกลัวครับกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นกับเต้ย.ในอีกไม่นานนี้ เต้ยพูด
อะไรจะเกิดลูก?? หญิงชราถามกลับ
หยก โบว์ ตเต้ยเต้ยกลัวครับคุณยาย.เต้ยกลัววว ชายหนุ่มพูดทั้งน้ำตาที่เริ่มไหลพราก
เล่าให้ยายฟังสิลูกเล่าให้ยายฟัง หญิงชราพูดกับหลานชายในขณะที่เต้ยกอดอยู่แนบอกผู้เป็นยายแล้วร้องไห้
เมื่อเดือนก่อนเต้ยกับเพื่อนๆไปเล่นผีถ้วยแก้วกันที่วัดร้างจนเราจะเลิกเล่นกัน แต่วิญญาณตนนั้นไม่ยอมออก พวกเราเลยพยายามลากแก้วไปที่ทางออกครับ จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์แย่ๆขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตของหยกในคืนนั้น สายเอ็ดกีต้าดีดใส่หน้าเอ็มจนเกือบตาบอด วิญญาณผู้ชายในห้องน้ำหญิงที่แป้งเจอจนทำให้เธอแทบเสียสติ แล้วก็โบว์ที่เอาคัดเตอร์กรีดข้อมือตัวเองจนตายอย่างไม่มีเหตุผล. ตเต้ยกลัวว่ารายต่อไปจะเป็นเต้ยครับคุณยายย ชายหนุ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้หญิงชราฟังก็ถึงกับนิ่งเงียบเพราะตกใจในสิ่งที่หลานชายตนได้ทำไป

เค้าบอกเต้ยมั้ยลูกว่าเค้าต้องการอะไรน่ะ หญิงชราถามทันที
ไม่นะครับ เอ่อ!ใช่ๆ เค้าเดินไปตรงคำว่า ห.หีบช.ช้างว.แหวนต.เต่าครับ เต้ยไม่ทราบความหมายครับ เค้าเดินแต่คำนี้ตลอดเลย จนเต้ยกับเพื่อนๆต้องลากไปทางออกน่ะครับ ชายหนุ่มตอบเมื่อนึกได้
ห.หีบช.ช้างว.แหวนต.เต่าหรอ?? เค้าบอกว่าต้องการแบบนี้หรอลูก?? หญิงชราถามซ้ำ
ครับคุณยาย เต้ยพูด
หยกโบว์เอ็มแป้งเต้ย1 2 3 4 5ห.หีบเท่ากับ ห้า หญิงชราบ่นเบาๆคนเดียวแต่นั่นก็ทำให้เต้ยได้ยินว่าผู้เป็นยายของตนบ่นอะไร
ห้าอืมมใช่แล้วครับ ห้าคนพอดีเลย แล้ว ชอ.วอตอ คืออะไรล่ะครับ?? เต้ยถามหญิงชราที่อยู่ตรงหน้า

..ช..ช.ชีวิต ห้าชีวิต..เค้าต้องการห้าชีวิต. หญิงชราพูดเบาๆหน้าเสีย
ต้องการ.ห้าชีวิต!!?? เต้ยย้ำคำพูดของผู้เป็นยายทั้งน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นอยู่เต็มสองข้าง
ตเต้ยเต้ยลูก!!รีบไปบอกเพื่อนๆของเต้ยที่เหลือนะลูกให้ระวังตัวนะเข้าใจมั้ยลูก หญิงชราเน้นย้ำ
คครับ! ครับ!! เต้ยสะดุ้งก่อนที่จะวิ่งตาลีตาเหลือกไปหยิบโทรศัพท์แล้วโทรหาเอ็มเป็นคนแรก

ตื๊ดดด.ตื๊ดดด. ตื๊ดดด. รับเซ่ะรับเซ่ะวะะะะ ไอ้เอ็มม รับสิวะะ เต้ยบ่นพึมพำคนเดียวเมื่อเพื่อนตนไม่ยอมรับโทรศัพท์
ฮัลโหล เสียงปลายทางดังขึ้น
ฮัลโหล!!เอ็มมมเอ็มหรอ?? เต้ยพูดน้ำเสียงดีใจ
มไม่ใช่จ๊ะ ไม่ใช่ นี่แม่ของเอ็มจ๊ะหนูเป็นเพื่อนเอ็มหรอลูก ?? เอ็มออกไปทานข้าวข้างนอกน่ะจ่ะ ยังไม่กลับมาเลยย เสียงหญิงสาวผู้เป็นแม่ของเอ็มตอบกลับ

ทานข้าว!!??นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้วนะครับคุณแม่เอ็มไปทานข้าวเวลานี้หรอครับ!!?? เต้ยถามน้ำเสียงตกใจ
ออ๋ออเต้ยใช่มั้ยลูก??อื้มมม เห็นเอ็มบ่นว่าหิว แล้วก็เดินออกไปเลยน่ะจ่ะ แม่เอ็มตอบ
แย่แล้ววว!! เต้ยอุทานก่อนที่จะวางโทรศัพท์แล้ววิ่งออกจากบ้านตนแล้วขับรถไปบ้านเอ็มทันที

ตื๊ดด.ตื๊ดดด .ฮัลโหลลลล เสียงงัวเงียของแป้งดังขึ้นเมื่อเต้ยโทรไปหา
ฮัลโหล!แป้ง!นอนแล้วหรอว่ะ เต้ยถาม
อืมมมก็เออออสิย๊ะ.นี่มันดึกแล้วไม่ใช่หรออออ แป้งตอบ
เฮ้ยยแป้ง! แกออกมาเจอข้าหน้าบ้านนะเว่ย แล้วข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอ็งฟัง
โอยยยย ชั้นง่วงงงไว้เล่าพรุ่งนี้ไม่ได้รึไงย๊ะะะะ ช้านนนไม่อยากรู้ แป้งบ่นตามประสาคนง่วง
ไม่ได้!!เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของพวกเราทั้งสาม!!แกยังไม่อยากรู้อีกมั้ยวะ? เต้ยพูดประชดเสียงดังลั่นใส่โทรศัพท์

ห๊า!!!อะไรนะ..เออๆๆ ได้ๆๆ เดี๋ยวชั้นไปยืนรอหน้าบ้านเลยนะ แกมารับชั้นเร็วๆนะ แป้งตอบเสียงตื่นทันทีเมื่อตนได้ยินอย่างนั้น ไม่นานนักเต้ยจึงขับรถมาแล้วรับเพื่อนสนิทตนที่กำลังยืนรออยู่หน้าบ้านขึ้นรถ.

นี่เต้ยจะพาชั้นไปไหนย๊ะ เออแล้วทีนี้แกจะเล่าให้ชั้นฟังได้รึยังว่าเรื่องอะไรกันย๊ะ แป้งทวงคำตอบจากเพื่อนสนิทตนทันที
ฟังให้ดีดีนะแป้งตอนนี้เอ็มมันออกไปกินข้าวว่ะ เต้ยพูด
นี่!แกอย่าบอกนะว่าจะพาชั้นไปตามหาไอ้เอ็มที่ร้านอาหารแถวบ้านมัน แป้งพูดหน้าเครียด
อืมมมก็ทำนองนั้นแหละแก เต้ยพูด
งั้นจอดเลยยยจอดดดไร้สาระจริงๆ ไปตามหาไอ้เอ็มเพราะมันออกจากบ้านตอนกลางคืนไปกินข้าวเนี่ยนะ แป้งพูดเมื่อเต้ยหยุดรถลงข้างทาง

แป้ง แกเคยเห็นเอ็มไปกินข้าวเวลานี้หรอ?? เต้ยพูดเสียงเรียบ
อเออว่ะ แต่แหมมม เพื่อนๆมันที่เป็นนักดนตรีอาจจะชวนกันไปกรึ๊บเบียร์ก็ได้นี่ย๊ะ แป้งพูดต่อ
แม่มันบอกว่ามันออกไปคนเดียว ข้าโทรไปหามันถึงได้รู้ เต้ยท้วงทันที
อ่าววงั้นหรอ??นี่!!งั้นก็รีบไปสิย๊ะ.เร็วๆๆๆ แป้งพูดพร้อมบอกให้เต้ยขับรถไปตามหาเพื่อนตนทันที

ชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งรถมาด้วยกันต่างถึงบริเวณใกล้ๆบ้านของเอ็ม

เฮ้ยยเต้ยแถวนี้ทำไมมันเงียบอย่างนี้วะ แป้งพูดขึ้นหลังจากที่เต้ยจอดรถแล้วทั้งคู่ออกมายืนอยู่ริมถนน
ก็นี่มันกี่โมงแล้วล่ะ?แกดูนาฬิกาสิวะแป้ง เต้ยพูดขึ้นในขณะที่สายตาก็ยังสาดส่องมองหาเอ็ม
แฮ่ๆๆ ลืมมมอุ้ย!!!เต้ยไอ้เอ็มอยู่นู่นน แป้งพูดไม่รอช้าพร้อมกับวิ่งไปหาร่างที่เธออุทานว่าเป็นเพื่อนของเธอทันที
ออ่าววเดี๋ยวสิแป้ง รอด้วย เต้ยพูดพร้อมกับวิ่งตามหญิงสาวไปในความมืด

เฮ้ย! หายไปไหนแล้ววะ แป้งบ่นพึมพำคนเดียวในขณะที่เต้ยก็วิ่งตามมาติดๆ
แฮกแฮกก.แฮกก.โอยยย เหนื่อยย.ไหนล่ะวะ ไอ้เอ็มน่ะ?? เต้ยถามขึ้นทันทีเมื่อวิ่งมาถึงเพื่อนสนิทตน
ก็นั่นน่ะสิย๊ะชั้นว่าชั้นตาไม่ฝาดนะ.ผู้ชายตาตี่ๆตัวใหญ่ๆผมยาวๆแบบนั้นมีไอ้เอ็มคนเดียวแหละแก แป้งพูดตอบ
เออออออ แล้วไหนล่ะวะ?. เต้ยบ่นพร้อมกับมองหน้าเพื่อนสนิทตนที่กำลังยืนนิ่งมองบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างไม่กระพริบตา

ต.ตเต้ยนนั่นนั่นใช่เอ็ม รึเปล่าา?? หญิงสาวถามตะกุกตะกักเพื่อนชายตนน้ำเสียงสั่น
ห๊าา??.ไหนวะ ไหน ชายหนุ่มถามพร้อมกับมองตามไปยังที่เพื่อนตนมองบางสิ่งอยู่แต่สิ่งที่ปรากฏท่ามกลางความมืดคือร่างจางๆสูงใหญ่ของผู้ที่เค้าคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทกำลังเดินก้มหน้ามาหาพวกเค้าทั้งสอง โดยที่มือนึงกำขวานเล่มโตพร้อมกับลากมาหาชายหญิงทั้งคู่ 

อเอ็ม!!?? แป้งพูดเบาๆ ก่อนที่จะทำท่าวิ่งไปหา แต่ชายหนุ่มที่ขับรถมาด้วยกันกับเธอจับแขนไม่ให้ไป
เดี๋ยวก่อนแป้ง!! นั่น.นั่นมันไม่ใช่เอ็ม.  เต้ยพูดน้ำเสียงตกใจในขณะที่สายตาก็กำลังมองร่างที่ถือขวานนั่นค่อยๆเดินมาหาตนกับเพื่อน
เต้ย!!แกจะบ้ารึไงนั่นแหละเอ็มปล่อยชั้น!! แป้งพูดพร้อมกับทำท่าสะบัดแขนแต่ไม่หลุดออกจากมือของเต้ย
 ปแป้งงง.กแกดูหน้ามันชัดๆสิวะ.  เต้ยพูดตะโกนเตือนสติเพื่อนพร้อมกับชี้ไปที่ดวงตาของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เค้าทั้งคู่ทุกขณะ
กรี๊ดดดดด!!!.. แป้งร้องสุดเสียงเมื่อสิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าเพื่อนสนิทของเธอดวงตาโตขาวโพลนไม่มีตาดำ 

ติดตามตอนต่อไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำหมึกขาว
Lovings  น้ำหมึกขาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำหมึกขาว
Lovings  น้ำหมึกขาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำหมึกขาว
Lovings  น้ำหมึกขาว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงน้ำหมึกขาว