27 มิถุนายน 2550 18:46 น.
น้ำนมราชสีห์
ฟากฟ้ายังนิ่งไม่ติงไหว
ปล่อยให้เมฆลอยไประบายสี
ให้ทิวเขาเขียวเขียวเข้มขจี
มีรอยขาวปุยสำลีของฟากฟ้า....
อยากนั่งจ้องมองฟ้าหารอยยิ้ม
เอาไปพิมพ์หัวใจให้วันเก่า
วันที่ฉันเสียน้ำตาให้รอยเงา
ที่ติดตามมาเย้าคอยเย้ยใจ
แหงนหน้ามองสองตาไม่กระพริบ
เธอนั่งจิบฟ้าแกล้มกับวันใหม่
พรุ่งนี้หนามิดะจะออกไป
หาทางใหม่มิอยู่ดูโลกย์แล้ว
มิดะมุ่งหาเมฆมาห่มหุ้ม
เอามาคลุมครอบใจให้ใสแผ้ว
ขูดความงามทิ้งไปให้คลาดแคล้ว
ตำแหน่งนางครูแก้วกระบวนกาม
ขูดทิ้งไปให้ไปพร้อมกับวันเก่า
แม้แต่เงาไม่เอามาให้ยุ่งย่าม
ชะล้างแล้วไม่หมดรอยที่พร้อยทราม
แต่ชะใจให้ใสงามไม่คร้ามเงา
ก้าวเข้าโบสถ์บวชเสียเพื่อเกิดใหม่
เอาหัวใจไปแช่ธรรมให้ฉ่ำเหงา
เหงากิเลสให้รู้ทุกข์สุขที่เรา
แต่ไม่เศร้าตามมันอย่างวันนั้น
วันที่ฟ้ามืดมนบนลานสาว-
กอด,มีดาววิบแวมนวลแจ่มฉัน-
ดารกากุดั่นแก้วอันแพร้วพรรณ-
(ณะ)รายหลั่นเรียงดวงห้วงเพดาน
ดาวดวงเก่าที่เนานัยน์ตาสาว
จะกลับกลายเป็นดาวสุริย์ฉาน
เจิดจรัสปัดเป่าเงาวันวาน
ให้เป็นเพียงอังคารธุลีโรย
จะไม่มีมิดะในอดีต
แม้รอยรีตหรือแรงใดจะใคร่โหย
จะแผ่บุญแบ่งไปเป็นฝนโปรย
ฝากลมโชยชโลมหล้าลาฟอนใจ
...................................................
ที่ผิดพลาดขออภัยไว้ที่นี่ด้วยนะครับ
11 มิถุนายน 2550 21:43 น.
น้ำนมราชสีห์
สวัสดีพี่น้องแลผองเพื่อน ฉันกลับมาเยือน
เพื่อเตือนสัมพันธ์มั่นคง
และขอแรงสมองบรรจง ประพันธ์กลอน-โคลง
ความยาวไม่เกินสิบคำ ฯลฯ (สิบคำกลอน)
แลควรวางคำลำนำ ไม่ต่ำหกคำ ฯลฯ
ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป
เนื้อหากล่าวคุณอำไพ กวีลบสมัย
สุนทรภู่ครูกลอนรัตนโกสินทร์
นำไปขับแทนพาทย์พิณ ให้ก้องแผ่นดิน
ประกาศพระคุณครูกลอน
ประชันเสียงแก้วขับรอญ ราญดวงสมร
เพลงกลอนคนขับระดับมัธยม
ฉันขอโอกาสชื่นชม กลอนอันอุดม
กตัญญูก่อนวันที่สิบสอง
เพื่อจัดระเบียบลบอง ประชันทำนอง
สำเร็จก่อนวันประเลง
ชื่อครูจะได้ลือเลวง ฝากไว้กลับเพลง-
กาพย์กลอนและกลภาษา
ขอบคุณผู้ทัศนา มีจิตเมตตา
บรรจงจารกลอนแก่เรา
หลากหลายจักคัดสรรเอา อย่าเคืองข้าพเจ้า
กติกามีมากรอบเกณฑ์
..........................................................................
25 พฤษภาคม 2550 23:30 น.
น้ำนมราชสีห์
ไม่ได้อกหัก...และไม่ได้รักหวานซึ้ง
ฉันตอบสาส์นด้วยใจซื่อมิถือโกรธ
ความพิโรธปั้นปึ่งน้อยหนึ่งไม่ -
มีอยู่ใต้ส่วนลึกของดวงใจ
แค่อยากให้เห็นชัดในหัทยา
เป็นเรื่องราวร้าวฉานเพราะการอ่าน
จึงมีสาส์นแถลงถ้อยร้อยกถา
หลังได้รู้ว่าเราผิดติดอัตตา
จึงโศกาก่ำสร้อยร้อยซากกลอน
จะเก็บคำคืนเข้าปากก็ยากแล้ว
จะขอโทษก็ขัดแนวคนหัวอ่อน
ที่ถือดีมิง้อใครให้บั่นทอน-
ทิฐิร้อนที่ถือราวเป็นดาวยศ
แต่วันนี้เรื่องราวคราวขุ่นข้อง
ก็คลายผ่องแผ้วใสเสียหมดจด
เพราะสัจจ์แจ้งเจตนาประณามพจน์ (ไม่ได้หมายถึงบทไหว้ครู)
ฉันรับรู้ทั้งหมดด้วยสัตย์จริง
ใจฉันยังคงเดิมมิเพิ่มมิลด
แต่คงอดอ่อนมิได้ในความหยิ่ง
แม้มิได้คืนดีอย่าประวิง
จะนั่งอยู่นิ่งนิ่งมิทิ้งเธอ
......................................................................
ป.ล.
วันนี้มุสาว่าจะนอน กลับมาแต่งกลอน ( ไม่ได้ตั้งใจนะครับ^^)
เพราะด้วยเร่งด่วนเต็มที
แต่เสร็จจะเร่งจรลี ทอดองค์อินทีย์
บนบรรจถรณ์เร็วพลัน
24 พฤษภาคม 2550 22:36 น.
น้ำนมราชสีห์
เมื่อเขากลายเป็นคนอื่นยืนต่อหน้า
ฉันจะกล้าเอาน้ำตาอวดเขาหรือ
เธอเย็นชาเหยียบย่ำฉันไม่ยั้งมือ
สายตาคือคมนำแข็งเชือดแทงทรวง
เคยออดอ้อนเอียงอายชม้ายชะม้อย
ประดิดประดอยดัดจริตลวงติดบ่วง
เจ้าน่ารักกิริยาสุดาดวง
ใจจึงล่วงไปหลงรักหัวปักหัวปำ
ทั้งป้อนปรนคารมและโลมรัก
ชมดวงพักตร์เชยดาวทั้งเช้าค่ำ
ใครจะรู้ว่าหล่อนซ่อนใจดำ
กับรอยยิ้มหวานฉ่ำซึ่งล้ำลึก
ผีเสื้อหนุ่มชุ่มฉ่ำกับน้ำหวาน
เอมดวงมานไหนเล่าจะเฝ้าตรึก
ว่าดอกสดแซมพุ่มชอุ่มพฤกษ์
จะมีพิษให้สะอึกกระอักรัก
เพลินกับรสหวานล้ำเมื่อแรกเกิด
จิตเตลิดหลงใหลให้จมปลัก
สิ่งนี้หนอหวานละมุนกรุ่นหอมนัก
จึงสมัครมอบกายเผื่อปรายใจ
เมื่อเขากลายเป็นคนอื่นยืนต่อหน้า
ฉันมิกล้าเอาน้ำตาอวดคนใหม่
คมน้ำแข็งที่คมกริบกรีดฤทัย
คนปรายใจมีเพียงฉันเท่านั้นเอง
......................................................
ลองแต่งดู
อ่าน ๆ ก็รู้สึกขัด ๆ
ชื่อก็ไม่รู้จะตั้งว่าอะไร
คนปรายใจ มั่ว ๆ ไปก็แล้วกันครับ
23 พฤษภาคม 2550 22:07 น.
น้ำนมราชสีห์
........ไม่ได้อกหัก หรือรักหวานซึ้ง......................
จะแต่งกลอนสอนคนก็จนศัพท์
แสนอาภัพนิพนธ์โคลงก็โฉ่งฉ่าง
ฉบังหรือก็ร่อแร่แต่งแก้พลาง
ได้แต่วางความคิดตามจิตใจ
จะจับเรื่องอย่างเขาเราก็เหลว
พรรณนาภาษาเลวไม่เอาไหน
ก็เลยพ่นคำพูดปูดเปื้อนไป
ตามหทัยจะคิดเห็นประเด็นทอล์ค
เห็นตรงข้ามพูดตามใจไม่งำอด
บ้างประชดบ้างสะท้อนอ้อนเข่าศอก
หวังสหายจะเสพซาบกาพย์นอกคอก
แค่นัยบอกจากเบื้องลึก...ไม่นึกระอา
ที่ชี้แจงใช้แกล้งกล่อมตะล่อมรัก
แค่หวังจักจกใจไร้เดียงสา
มิได้คิดสกปรกรกหัทยา
ริษยาในใจนั้นไม่มี
แค่มองเห็นมุมมืดอยู่ต่อหน้า
ก็เลยยกขึ้นมาประเทียบที่-
มันใสใสให้เห็นขุ่นบ้างก็ดี
โลกย์ไม่มีที่ใด...ไร้คาวคน
แค่มองเห็นมุมมืดอยู่ต่อหน้า
พร่ำสะท้อนแววตาน่าฉงน
คนหนึ่งอ่านแววอักษราของอีกคน
ก็กลายว่าฉ้อฉลไปเสียแล้ว
เสียไปแล้ว...คงต้องรับว่าขอโทษ
หากไม่โปรดก็จะไปไม่ใกล้แก้ว
เจตนา...สาธุให้คลาดแคล้ว
จะยึดแนวปากหมากมลทอง
กลอนบทนี้มิได้กล่าวตำหนิโทษ
และก็มิได้โกรษหรือจองหอง
แต่ชี้แจงว่าตัวฉันใช่ลำพอง
อยู่บนกองกักขฬะหวังตระโบม
ป.ล.......ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
กลอนไม่อุดม
ประดิษฐ์การวรรณศิลป์ ...โปรดอภัย
การสรรค์คำไม่ซี๊ดกระแทกใจ ไม่ตรงตามนัย
ก็ขอโทษเหล่าโกวิทกวี
น้ำตาราชสีห์...
21.45