26 พฤษภาคม 2547 10:09 น.

ข้อดี 14 ประการที่เลิกกัน

น้ำตา_

ข้อดี 14 ประการที่เลิกกัน
1. ประหยัดค่าโทรศัพท์ ( ช่วยชาติ )
2.ไม่ต้องรีบกลับบ้าน ( เพื่อกลับมารับโทรศัพท์)
3.ไม่ต้องห่วงใคร ( ก็มันไม่มีให้ห่วงแล้วนี่หว่า )
4. ไม่ต้องคิดถึงใคร (มันก็ไม่มีให้คิดถึงอีกแล้ว..นี่หว่า )
5. ไม่ต้องรายงานตัว ( อิสระไม่ต้องจ่ายรายเดือน )
6. ฟังเพลงเศร้า เพร๊าะเพราะ ( ทุกเพลงFOR ME ๆๆๆๆ )
7. ไม่เปลืองหัว..จาย ( ขอจาย..เธอคืน )
8. อาจจะผอม (ว๊า!! แต่ไม่เห็นเบื่ออาหารเลยกินเอ๊า..กินเอา )
9. ทำไมมันเหลือเวลาว่างมากผิดปกติหว่า ( จาทำอารัยดีน๊อ )
10.ไม่ต้องคอยมานั่งนึกว่าวันนี้เราทำ หรือพูดอะไรผิดไปเพราะเวลางอน
อีกผ่ายชอบพูดว่า " น่าาจะรู้ตัวนี่ว่าทำอะไรลงไป "
(อ้าว....ทำไปตั้งหลายอย่าง จำไม่หมดหรอก............)
11.สามารถไปหาแฟนใหม่ได้ รับรองต้องดีกว่าเก่า
โดยไม่ต้องเกรงใจใคร...ไม่ผิดด้วยยยยยยย ก้อเราโสดนี่นาาาาา เนอะ
12.ไม่ต้องคอยลุ้นเวลา check mail ว่าจะมีเมล์เค้ารึปล่าว..อิอิ
13.ได้เป็นตัวเองอีกครั้ง ทำทุกอย่างที่รู้สึกพอใจจริงๆ
14.ได้เปิดตัวคนใหม่สักที หลังจากปกปิดมานาน ....... 
อิ อิ อิ				
26 พฤษภาคม 2547 10:04 น.

สามีของฉัน

น้ำตา_

ฉันแต่งงานมาแล้ว 5 ปี โดยที่ก่อนแต่งงานนั้นก็ได้เป็นแฟนกันมา 11 ปี. 
นับว่าเป็นเวลานานมาก 16 ปีที่รู้จักผู้ชายคนนี้.สามีของฉัน
เรารู้จักกันในชมรมดนตรีไทยที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง 
เขาพยายามจะเข้ามาสมัครเรียนขิม แต่มาสมัครได้ 3 ครั้ง ห้องก็ปิดทั้ง 3 ครั้ง
มีอยู่วันหนึ่ง เขาเดินผ่านห้องชมรม ได้ยินเสียงฉันตีระนาด  
เขาก็เดินเข้ามา

แว่บแรกที่เห็นเขา ฉันรู้สึกเหมือนว่าเคยรู้จักเขาที่ไหนน๊า คิดไม่ออก
สำหรับเขาก็บอกฉันว่าครั้งแรกที่เจอกัน เขารู้สึกรำคาญฉัน คิดแต่ว่า 
เจอ ยัยคนนี้อีกแล้ว แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
เวลาผ่านไป จากเพื่อนร่วมชมรม ก็ได้เป็นแฟนกัน ฉันไม่ได้รักเขาเต็มหัวใจ 
เพราะเคยอกหักแบบร้ายแรงมาก่อน ทำให้ขยาดกับรักแบบไม่ลืมหูลืมตา
ฉันเคยสัญญากับตัวเองว่า จะไม่เสียใจกับความรักอย่างนั้นอีกแล้ว 
รักของฉันครั้งใหม่ ต้องเป็นการรักด้วยสมอง ไม่ใช่หัวใจ 
ผู้ชายรักแบบนี้ได้ 
ทำไมฉันจะทำไม่ได้

สามีของฉันเป็นผู้ชายเคร่งขรึม ผิดกับฉันที่เป็นคนเฮฮา เขาเป็นคนที่คิด 
คิด แล้วคิด อีกที ก่อนจะลงมือทำอะไรก็ตาม ดังนั้น 
สิ่งที่เขาทำจะได้ผลที่ดีเสมอ
ฉันเป็นคนสะเพร่า ชอบทำของใช้แตกเสียหายประจำ เขาก็จะบ่นเล็กน้อย 
แต่ก็ก้มหน้าก้มตาซ่อมจนใช้งานได้ใหม่ เรียกได้ว่าไม่เคยต้องจ้าง 
ช่างซ่อมไฟฟ้า ประปา เลย

สิ่งที่ติดใจฉันตลอดเวลาก็คือ เขาแต่งงานกับฉันทำไมนะ
ตอนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน ฉันโดนรบเร้าจากญาติพี่น้อง 
ถามกันทุกครั้งที่เจอหน้า เมื่อไหร่จะแต่งงานสักทีเรา
เคยโดนแบบนี้ไหม ถามแล้ว ถามอีก จากแค่คำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ 
กลับกลายเป็นแรงกดดัน พ่อแม่ เริ่มถามอีก 
เมื่อไหร่จะแต่งงาน เป็นแฟนกันมาตั้ง 10 กว่าปี
เอ เอาละซิ เขามีการจำกัดกันด้วยเหรอ ว่าห้ามเป็นแฟนกันเกิน 10 ปี
อายุ 28 แล้วนะ น่าจะแต่งได้แล้ว คำถามนี้ฉันก็แปลกใจว่า
อะไรเป็นตัวกำหนดให้ผู้หญิงต้องรีบแต่งงานก่อนอายุ 30 
คงจะเป็นประเพณีนิยมมั้ง
เอาเถอะ อย่างน้อยคำถามเหล่านี้ ไม่ได้กล้ำกลายเขาแม้แต่น้อย 
จนฉันทนไม่ไหว ถามเขาว่า เราจะแต่งงานกันไหม
เอาซิ เป็นคำตอบของเขา

หลังจากนั้น 8 เดือน เราก็แต่งงานกัน ไม่เหมือนในหนังที่เคยดูๆ มาเลย 
พระเอกต้องหาวิธีขอนางเอกแต่งงาน
แต่สำหรับฉัน เหมือนกับปรึกษากันเรื่องงาน เฮ้อ ฉันเก็บความคิดว่า 
เขาแต่งงานกับฉันทำไมนะ ไว้กับตัวเอง
เขาไม่เคยพูดคำหวานๆ หรือแสดงอะไรให้ฉันประทับใจเลย ฉันได้แต่คิดว่า 
เขาคงแต่งกับฉัน เพราะเราเป็นแฟนกันมานาน
เพราะเขาเกรงใจพ่อแม่ฉัน
เพราะเขาหาคนอื่นไม่ได้แล้ว (หรือขี้เกียจหา แบบ เอาก็เอาวะ)
เพราะเขาคิดว่าฉันเหมาะสม ทั้งทางด้านการศึกษา และครอบครัว
เพราะ . เพราะ. เพราะ . สารพัด
แต่ในสมองฉันไม่มีเหตุผลที่ว่า เพราะเขารักฉัน ทำไมเหรอ
ฉันคิดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเขารักเรา 
แต่ถ้าเขาไม่พูดออกมาก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง (จริงไหม)
ฉันได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้มาตลอด 5 ปี
เมื่อคืนก่อน ระหว่างดูทีวี ฉันถามเขาว่า 
ถ้าจะต้องให้เลือกว่าใครจะตายก่อน

คุณจะเลือกเอาใคร?
สามีฉันนิ่งเงียบสักพัก คิ้วขมวดเล็กน้อย ถามฉันว่า แล้วคุณคิดยังไง
ฉันตอบว่า ขอฉันตายก่อนแล้วกัน ฉันทนเห็นเขาเอาคุณลงโลงไม่ได้หรอก
ฉันคงอยู่คนเดียวไม่ได้ นี่คือคำตอบของฉัน
เขานั่งสักพัก แล้วก็พูดว่า ผมก็คิดเหมือนกัน
ผมว่าคุณตายก่อนแหละดีแล้ว
อ้าว!!! น้ำตาฉันเริ่มปริ่มๆ ด้วยความน้อยใจ 
นี่เขาไม่รักเราจริงๆ นั่นแหละ
หูเริ่มอื้อ แล้วฉันก็ได้ยินเขาพูดว่า 
ผมรู้ว่าผมจะไปตามหาคุณได้ที่ไหน
คุณน่ะ ชอบหลงทางทุกที ถ้าคุณไปแล้ว ผมต้องหาทางตามคุณจนได้แหละน่า
แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกไง
เขาพูดจบด้วยรอยยิ้ม และสายตาที่เขามองฉันนั้นอบอุ่นเหลือเกิน

น้ำตาฉันไหล .
อ้าว ร้องไห้ทำไม ไม่อยากตายก่อนเหรอ
ฉันไม่ตอบ
แต่ฉันได้คำตอบที่ติดใจฉันมานานแล้วว่า เขาแต่งงานกับฉันทำไม
คืนนั้น ฉันร้องไห้เงียบๆ สามีฉันก็เงียบไม่ถามอะไรอีก 
ได้แต่ลูบหัวฉันไปมา 
หัวใจฉันเต็มตื้น
ไม่ต้องมีคำหวานๆ มีแต่ความเข้าใจและความผูกพันของคนสองคน
นี่ไง สามีของฉัน				
26 พฤษภาคม 2547 09:54 น.

หากรู้สักนิด

น้ำตา_

ชายหนุ่มวัย 18 ปีคนหนึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง...
มะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้อีกแล้ว
และก็พร้อมจะจากไปในทุกขณะ

เขาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมาตลอดมีคุณแม่เป็นผู้ดูแล

แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันอันจำเจซ้ำซาก
อยากจะออกไปนอกบ้านสักครั้ง

เมื่อรับรู้ความในใจของบุตรชายเช่นนั้นแล้ว
ไหนเลยผู้เป็นมารดาจะไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
เขาจึงมีโอกาสออกไปเดินเล่นละแวกบ้าน
ผ่านร้านค้ามากมาย...จวบจนพบร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง
เขาก็ต้องหยุดชะงัก

จ้องมองเข้าไปในร้านแห่งนั้น..ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง
และในทันใดชายหนุ่มก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าเธอคือรักแรกพบของเขาที่อุบัติขึ้น ณ บัดนั้น

เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน ขณะสายตาจับจ้องอยู่แต่เธอ
กระทั่งมาหยุดยืนตรงหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
"จะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ" เธอเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้ม
ช่างเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส
มันทำให้เขาอยากประทับริมฝีปากเธอในทันที
เขาตอบตะกุกตะกักออกไปว่า "เอ้อ ผมอยากได้ซีดีสักแผ่นครับ"
จากนั้นก็ทำทีหันไปเลือกซีดีได้แผ่นหนึ่ง
ก่อนจะกลับมาอยู่เบื้องหน้าเธออีกครั้งเพื่อชำระเงิน
"คุณอยากให้ฉันห่อกระดาษด้วยมั้ยคะ"
เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยอีกหน เขาพยักหน้า
เธอจึงหันหลังไปจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
กลับมาถึงบ้านเขาจัดการเก็บแผ่นซีดีไว้ในตู้
เพราะไม่ได้สนใจบทเพลงในแผ่นซีดีแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนขายนั่นต่างหาก

หลังจากวันนั้นแล้ว
ชายหนุ่มก็แวะเวียนไปที่นั่นเป็นประจำทุกวัน
ซื้อซีดีมาวันละแผ่นเสมอ
พร้อมกับอนุญาตให้หญิงสาวห่อกระดาษทุกครั้ง
รวมทั้งเมื่อกลับมาบ้านก็เก็บมันไว้ในตู้เหมือนที่เคยปฏิบัติมา
เขารู้สึกขวยเขินที่จะชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน
ทั้งๆ ที่เบื้องลึกนั้นปรารถนาเหลือเกิน
แต่ก็...ไม่กล้าพอ


เมื่อคนเป็นแม่รับรู้ในเวลาต่อมา 
ท่านก็คะยั้นคะยอให้ลูกชายทำตามใจปรารถนาของตน
รุ่งขึ้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด
ไปยังร้านนั้นอีกครั้ง
ซื้อซีดีหนึ่งแผ่นเหมือนวันก่อนๆ
และระหว่างที่เธอหันหลังให้นั้น
เขาก็ตัดสินใจทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บนโต๊ะก่อนวิ่งออกจากร้านไป

สองสามวันต่อมาคุณแม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์
จึงรับสายและพูดว่า "สวัสดีค่ะ"
หญิงสาวในร้านขายซีดีนั่นเองที่เป็นผู้โทรมา
เมื่อสาวน้อยถามหาคนเป็นลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็เริ่มร่ำไห้
แล้วบอกว่า
"หนูคงไม่รู้หรอกว่า...เขาเพิ่งจากไปเมื่อวานนี้เอง"

ถัดจากนั้นเสียงจากคนถามก็คล้ายจะถูกปลิด
คงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆของผู้เป็นแม่

ในวันนั้นเอง
ผู้เป็นแม่ก็เข้าไปในห้องของลูกชายเพื่อหวนระลึกถึงเขาอีกครั้ง...
เริ่มด้วยการสัมผัสเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมใส่

และทันทีที่เปิดประตูตู้ ก็ต้องประหลาดใจ
เมื่อพบซีดีที่ยังห่อกระดาษไว้
กองอยู่เต็มไปหมด คุณแม่เลือกหยิบมาแผ่นหนึ่ง
นั่งลงบนเตียงและเริ่มแกะออกดู
ทันใดนั้นก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมา
คุณแม่หยิบมันขึ้นมาอ่าน
"สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย คิดอยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า"
กระทั่งเธอแกะซีดีแผ่นถัดๆมา ก็ยังพบกระดาษแผ่นเล็กๆ
มีข้อความเช่นเดิม...				
26 พฤษภาคม 2547 09:48 น.

ภรรยาที่แสนดี

น้ำตา_

ชายผู้หนึ่งถูกรถชนขณะกำลังข้ามถนน 
สลบไป 2 วันเต็ม ๆ จึงได้ฟื้นขึ้นมา
เมื่อลืมตาตื่น ภรรยาเขาอยู่ข้างๆ นั่นเอง เขากุมมือเธอไว้
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเต็มตื้น
" ที่รักผมมีอะไรจะบอกคุณ คุณอยู่ข้างกายผมเสมอเลย
ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย
ผมสอบตกแล้วตกอีก
ก็มีคุณอยู่เคียงข้างให้กำลังใจผมสู้ใหม่" เธอบีบมือเขาแน่นขึ้น
ขณะเขาพูดต่อ "เมื่อผมตระเวนสมัครงานตามบริษัทใหญ่ๆ
แล้วก็ไม่เคยถูกเรียกตัว
ก็ยังมีคุณอยู่ข้างกาย คอยตัดโฆษณาสมัครงานให้ผม..."
เขาพูดต่อ " กระทั่งผมเริ่มงานในบริษัทเล็กๆ
จนได้รับผิดชอบงานใหญ่ชิ้นนึง
แต่ที่สุดผมทำมันพังเพราะความเลินเล่อ
คุณก็ยังอยู่เคียงคู่ผมตรงนั้น


แม้เมื่อผมได้งานใหม่หลังจากโดนไล่ออกมาพักใหญ่ๆ
แต่ผมก็ไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่ง


ความขยันผมไม่เคยมีใครเห็น ผมอยู่ในตำแหน่งเดิมตั้งแต่วันเริ่มงาน 
จนถึงวันนี้ก็ยังมีคุณเคียงข้างผมตลอดมา"
น้ำตาเธอเอ่อเต็มนัยน์ตาฟังสามีเธอพูดต่อ
"แล้วตอนนี้ผมประสบอุบัติเหตุ
ตื่นฟื้นขึ้นมา ก็มีคุณอยู่เคียงข้างผมตรงนี้....ที่รัก
ผมมีบางอย่างที่อยากจะบอกคุณเหลือเกิน..."
เธอโถมตัวลงบนเตียงกอดเขาไว้
สะอื้นฮักด้วยความตื้นตัน แล้วเขาก็พูด........



"ผมคิดดูแล้ว...คุณมันตัวซวยจริงๆ"

หมายเหตุ: นี่เป็นเพียงเรื่องราวสนุก ๆ คลายเครียด 
อย่าจริงจังกะชีวิตมากเกินไปนะครับ				
25 พฤษภาคม 2547 10:44 น.

หากรู้สักนิด

น้ำตา_

ชายหนุ่มวัย 18 ปีคนหนึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง...
มะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้อีกแล้ว
และก็พร้อมจะจากไปในทุกขณะ

เขาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมาตลอดมีคุณแม่เป็นผู้ดูแล

แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันอันจำเจซ้ำซาก
อยากจะออกไปนอกบ้านสักครั้ง

เมื่อรับรู้ความในใจของบุตรชายเช่นนั้นแล้ว
ไหนเลยผู้เป็นมารดาจะไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
เขาจึงมีโอกาสออกไปเดินเล่นละแวกบ้าน
ผ่านร้านค้ามากมาย...จวบจนพบร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง
เขาก็ต้องหยุดชะงัก

จ้องมองเข้าไปในร้านแห่งนั้น..ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง
และในทันใดชายหนุ่มก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าเธอคือรักแรกพบของเขาที่อุบัติขึ้น ณ บัดนั้น

เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน ขณะสายตาจับจ้องอยู่แต่เธอ
กระทั่งมาหยุดยืนตรงหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
"จะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ" เธอเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้ม
ช่างเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส
มันทำให้เขาอยากประทับริมฝีปากเธอในทันที
เขาตอบตะกุกตะกักออกไปว่า "เอ้อ ผมอยากได้ซีดีสักแผ่นครับ"
จากนั้นก็ทำทีหันไปเลือกซีดีได้แผ่นหนึ่ง
ก่อนจะกลับมาอยู่เบื้องหน้าเธออีกครั้งเพื่อชำระเงิน
"คุณอยากให้ฉันห่อกระดาษด้วยมั้ยคะ"
เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยอีกหน เขาพยักหน้า
เธอจึงหันหลังไปจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
กลับมาถึงบ้านเขาจัดการเก็บแผ่นซีดีไว้ในตู้
เพราะไม่ได้สนใจบทเพลงในแผ่นซีดีแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนขายนั่นต่างหาก

หลังจากวันนั้นแล้ว
ชายหนุ่มก็แวะเวียนไปที่นั่นเป็นประจำทุกวัน
ซื้อซีดีมาวันละแผ่นเสมอ
พร้อมกับอนุญาตให้หญิงสาวห่อกระดาษทุกครั้ง
รวมทั้งเมื่อกลับมาบ้านก็เก็บมันไว้ในตู้เหมือนที่เคยปฏิบัติมา
เขารู้สึกขวยเขินที่จะชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน
ทั้งๆ ที่เบื้องลึกนั้นปรารถนาเหลือเกิน
แต่ก็...ไม่กล้าพอ


เมื่อคนเป็นแม่รับรู้ในเวลาต่อมา 
ท่านก็คะยั้นคะยอให้ลูกชายทำตามใจปรารถนาของตน
รุ่งขึ้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด
ไปยังร้านนั้นอีกครั้ง
ซื้อซีดีหนึ่งแผ่นเหมือนวันก่อนๆ
และระหว่างที่เธอหันหลังให้นั้น
เขาก็ตัดสินใจทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บนโต๊ะก่อนวิ่งออกจากร้านไป

สองสามวันต่อมาคุณแม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์
จึงรับสายและพูดว่า "สวัสดีค่ะ"
หญิงสาวในร้านขายซีดีนั่นเองที่เป็นผู้โทรมา
เมื่อสาวน้อยถามหาคนเป็นลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็เริ่มร่ำไห้
แล้วบอกว่า
"หนูคงไม่รู้หรอกว่า...เขาเพิ่งจากไปเมื่อวานนี้เอง"

ถัดจากนั้นเสียงจากคนถามก็คล้ายจะถูกปลิด
คงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆของผู้เป็นแม่

ในวันนั้นเอง
ผู้เป็นแม่ก็เข้าไปในห้องของลูกชายเพื่อหวนระลึกถึงเขาอีกครั้ง...
เริ่มด้วยการสัมผัสเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมใส่

และทันทีที่เปิดประตูตู้ ก็ต้องประหลาดใจ
เมื่อพบซีดีที่ยังห่อกระดาษไว้
กองอยู่เต็มไปหมด คุณแม่เลือกหยิบมาแผ่นหนึ่ง
นั่งลงบนเตียงและเริ่มแกะออกดู
ทันใดนั้นก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมา
คุณแม่หยิบมันขึ้นมาอ่าน
"สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย คิดอยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า"
กระทั่งเธอแกะซีดีแผ่นถัดๆมา ก็ยังพบกระดาษแผ่นเล็กๆ
มีข้อความเช่นเดิม...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำตา_
Lovings  น้ำตา_ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำตา_
Lovings  น้ำตา_ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำตา_
Lovings  น้ำตา_ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงน้ำตา_