18 พฤศจิกายน 2547 17:52 น.
น้ำตาหมอก
ณ ลานแก้ว
คนเคยแคล้วความรักมาพักผ่อน
มาพักใจให้หายคลายอาวรณ์
รับลมอ่อนร่อนช้ามาเย็นเย็น
ใจเคยหน่ายเหนื่อยหนักโดนหักอก
ฟูมฟายฟกตกทุกข์เข้าขุกเข็ญ
สะอื้นอั้นตันใจไม่เคยเป็น
ทุกข์มันเร้นซ่อนลายอยู่ภายใน
เหมือนมีศรซอนเสียดเข้าเบียดปัก
ให้กระอักโอดโอยจนโหยไห้
ไม่มีแล้วแก้วตามายาใจ
ที่ไหนไหนมืดมิดไปทั้งนั้น
เขาทั้งเขาก็ขึ้นมากีดขวาง
น้ำทั้งสายไหลวางมากางกั้น
อุปสรรคหนักหนาสารพัน
จะฝ่าฟันเพื่อฝันใฝ่อย่างไรดี
ฝันเพื่อพ่ายตายจากและมากทุกข์
โศกในสุขสิ้นใจจนหน่ายนี
หลับทั้งทุกข์รุกระทมตรมทวี
สิ้นศักดิ์ศรีผู้ชายระบายใจ
เมื่ออยู่ใกล้รักมากสักเท่านี้
ไกลกว่านี่จะรักมากสักเท่าไหน
หวานน้ำคำพร่ำพ้อพลอดพิไร
เดี๋ยวนี้ได้แต่อยู่อย่างเดียวดาย
16 พฤศจิกายน 2547 08:50 น.
น้ำตาหมอก
เพียงแต่ตาปะตาประหม่านัก
สำลักรักล้นปรี่ไม่มีเปรียบ
แววตากล้าแกร่งเหลือเกินเกินใครเทียบ
บางครั้งเยียบเย็นลึกรู้สึกได้
นัยน์ตานี้มีผีเสื้อสีม่วงอ่อน
บินเชยช้อนก้านกลุ่มพุ่มดอกไม้
กลิ่นเกสรอ่อนหวานละมุนละไม
เสาวคนธ์หล่นไหลละอองลอย
นัยน์ตานี้มีดอกไม้สีชมพู
ลอยดอกอยู่อย่างเคว้งคว้างกลางสระสร้อย
มีม่านฝนหล่นแต้มแตะปรอยปรอย
เจ้าดอกน้อยลอยลิบถึงเรือนริม
นัยน์ตานี้มีฟ้าสีฟ้าฟ้า
เมฆชิงช้าเชือกไกวไหวลมพริ้ม
มีตะวันใกล้จะตกสีทับทิม
นกน่ารักลักยิ้มเมื่อยิ้มแย้ม
นัยน์ตานี้มีน้ำค้างกลางกุหลาบ
ย้อนเห็นภาพจุมพิตลงตรงริมแก้ม
กระซิบพลอดสอดสุขไร้โศกแซม
เคยกริ่งแกมกับใจก็ผ่อนคลาย
เราเจอกันวันนี้ที่นัยน์ตา
ให้ประหม่าพาพรั่นหวั่นใจหาย
ดอกรักกล่นเกลื่อนกลาดดาษกระจาย
แต่สุดท้ายแค่ฝันพลันวูบไป
12 พฤศจิกายน 2547 18:25 น.
น้ำตาหมอก
กำดัดดึกดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อย
หอมบุปผามาลอยเตือนความหลัง
เพียงเพลงปี่ฝีปากฝากมาฟัง
จะนอนนั่งยั้งใจไม่ได้เลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยม
ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วค่อยประคองเคย
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
โอ้น้ำคำฉ่ำหูไม่รู้หาย
ที่หวังไว้ไม่วายเลยความหวาน
แม้นล่วงเลยลับลามาช้านาน
ไม่เคยผ่านพ้นพรากจากหัวใจ
เรื่อยเรื่อยเฉื่อยวายุพัดแผ้ว
เหมือนเสียงแก้วกลอยจิตพิสมัย
หอมรวยชวยชื่นรื่นฤทัย
เหมือนใกล้ใกล้เข้ามาแล้วแก้วพี่เอย
ปี่แหบหวนครวญคร่ำว่าค่ำแล้ว
โอ้ดวงแก้วไกลตานิจจาเอ๋ย
หนาวแนวฟ้าป่าร่มลมรำเพย
ใครจะเชยชมชิดสนิทนวล
โอ้ยามสามยามนี้เจ้าพี่เอ๋ย
พี่เคยเกยกอดน้องประครองสงวน
แม่ยอดหญิงมิ่งขวัญจะรัญจวน
เสียดายนวลเนื้ออุ่นละมุนทรวง
ระรื่นรินกลิ่นมะลิเมื่อผลิดอก
โชยกลิ่นออกอ้อมใจให้ห่วงหวง
ถนอมแอบแนบเนื้อสุดาดวง
ยิ่งดึกล่วงยิ่งรักหนักหนาเอย
ถึงยากไร้ไม่มีที่พระแท่น
จะกางกอดทอดแขนแทนเขนย
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย
ใครจะเชยชมโฉมน้องประคองเคียง
เคยอยู่วังฟังนางสุรางค์เห่
มาฟังเรไรเพราะเสนาะเสียง
วิเวกแว่วแจ้วเจื้อยเรื่อยสำเนียง
เสนาะเพียงพิณเพลงบรรเลงลาน
สาวสุรางค์นางในได้ขับเห่
มีเสน่ห์ไม่เท่าเจ้าเคล้าผสาน
น้ำเสียงเพียงการะเวกดังกังวาน
ออดชะอ้อนอ่อนหวานละลานใจ
เอื้อนเพลงปี่ฝีปากฝากคารม
นิ้วประโปรยโรยพรมสมสดใส
ยังไม่อยากจากกลอนถอนฤทัย
ขอลาไกลแก้วตาอย่าอาวรณ์