22 พฤศจิกายน 2547 18:13 น.
น้ำตาหมอก
ความรักไม่ต้องการการพิสูจน์
ความรักไม่ต้องพูดด้วยเหตุผล
ความรักไม่ใช่การเล่นกล
ความรักไม่ใช่มนต์ดลบันดาล
ความรักคือทุกอย่างที่จะให้
ความรักคือหัวใจที่ไหวหวาน
ความรักคือเที่ยงธรรมและทนทาน
ความรักคืองานของหัวใจ
ความรักคือดอกไม้ใกล้จะผลิ
ความรักคือวินาทีที่อ่อนไหว
ความรักคือหนึ่งผนึกอยู่ในใจ
ความรักคือความใกล้ไกลในดวงตา
ความรักคือเรื่องราวคนสองคน
ความรักไม่ต้องด้นและค้นหา
ความรักไม่มีกาลเวลา
ความรักจักมีค่ากว่าทองคำ
ความรักคือฟ้าอ่าอำไพ
ความรักคือธารใสไหลเย็นฉ่ำ
ความรักคือนกน้อยลอยเริงรำ
ความรักคือถ้อยคำย้ำโลกยิน
ความรักคือแผ่นผาอันแน่นหนัก
ความรักคือห่วงหาอาวรณ์ถวิล
ความรักคือเพชราค่าแผ่นดิน
ความรักคือเพลงพิณประทินชีวิต
ความรักคือความเสียสละ
ความรักมีสัจจะไร้ถูกผิด
ความรักคือสิ่งไร้รูปไร้นิมิต
ความรักทีละนิดติดกลางทรวง
ความรักคือสิ่งที่ไร้แก่นสาร
ความรักคือพยานของความห่วง
ความรักคือการหลอมใจไว้สองดวง
ความรักคือแดนสรวงอันพรายทิพย์
ความรักไม่ต้องการการตอบแทน
ความรักไม่มีแผนให้คิดหยิบ
ความรักไม่ใช่อยู่ไกลลิบ
ความรักเพียงจิบก็ชื่นใจ
ความรักคือความห่วงหาและอาทร
ความรักความแน่นอนทั้งเหนือใต้
ความรักคือการฉายประกายไฟ
ความรักคือเส้นไหมใยสีทอง
ความรักคือเธอและคือฉัน
ความรักไม่มีวันจะมัวหมอง
ความรักคือความใฝ่และความปอง
ความรักจะเรียกร้องรักสุดหัวใจ
22 พฤศจิกายน 2547 08:57 น.
น้ำตาหมอก
น้ำตาพรากจากแก้มแต้มกระดาษ
ถ้อยคำขาดใจความไม่กล้าไข
ฝืนปากกามาร่ายระบายไป
เป็นกลอนไทยใจความถึงทรามเชย
นึกอนาถนอนหนาวทรวงหวามวาบ
ซดกำซาบโศกซ้ำระกำเอ๋ย
น่าน้อยใจไหนรักกระไรเลย
คนที่เคยเคียงข้างมาห่างตา
ไม่เคยพูดคำรักด้วยคำพูด
ซ้ำพิสูจน์ไม่ได้ด้วยภาษา
มีแต่ใจใสสัตย์ด้วยสัจจา
ทอศรัทธาทอดยาวอยู่ยั่งยืน
บางครั้งคราวความรักก็มักหลง
ไม่เที่ยงตรงบอดตามต้องฝ่าฝืน
ต้องไขว่คว้าหาคลำต้องกล้ำกลืน
ไม่เคยตื่นตลอดเพราะบอดแล้ว
แต่ก็พร้อมยอมตนทนเพื่อรัก
เพื่อรู้จักใจจริงเป็นมิ่งแก้ว
ใจไม่เคยต้องความรักมักสิ้นแวว
และคลาดแคล้วความเป็นคนทุกคนไป
น้ำตาพรากจากแก้มแต้มกระดาษ
ที่เคยขาดถ้อยคำไม่คิดไข
รักมาจ้ากระจ่างสว่างใจ
เขียนกลอนไทยเทิดรักนักเลงกลอน
19 พฤศจิกายน 2547 17:39 น.
น้ำตาหมอก
โอ้ดึกดื่นคืนนี้ไม่มีหลับ
จะรำงับหัวใจไม่ให้หลง
ดาวทุกดวงร่วงแสงแห่งฟ้าลง
นั่งบรรจงเพลงกลอนกล่อมกานดา
กระแจะจุณเจิมจันทน์ทุกหนั่นเนื้อ
ยากจะเชื่อฉุดใจให้ห่วงหา
เคลิ้มถวิลกลิ่นปรางกัลยา
ชื่นหนักหนาชื่นใจไปทุกที
เคยประจงจูบทีไรใจกระเจิด
หลงเตลิดหลงพ้อไม่พอที่
ร้องเพลงแก้เกี้ยวกันทุกวันปี
ไม่เคยคลายหน่ายหนีนึกรำพึง
จะหักห้ามความรักได้อย่างไรเล่า
จะห้ามหักหนักเบาบ่นคิดถึง
หรือหักแม้แต่ความคิดคนึง
หักแค่ครึ่งก็จะครวญหวนใจลอย
ดาวจะดับมืดไปในความมืด
ทางยาวยืดไร้แสงแห่งหิ่งห้อย
ชวาลาหรี่แสงลงเหลือเล็กน้อย
แสงเพชรพลอยพร้อยใจยังไหววาม
สิ้นเสียงกลอนกล่อมมาเมื่อฟ้าสาง
เก็จน้ำค้างเคยค้างก็ครวญหวาม
ฟ้าเชื่อมฟ้ามาสว่างรวิราม
เชื่อมความงามความรักนี้เป็นหนึ่งเดียว
18 พฤศจิกายน 2547 17:52 น.
น้ำตาหมอก
ณ ลานแก้ว
คนเคยแคล้วความรักมาพักผ่อน
มาพักใจให้หายคลายอาวรณ์
รับลมอ่อนร่อนช้ามาเย็นเย็น
ใจเคยหน่ายเหนื่อยหนักโดนหักอก
ฟูมฟายฟกตกทุกข์เข้าขุกเข็ญ
สะอื้นอั้นตันใจไม่เคยเป็น
ทุกข์มันเร้นซ่อนลายอยู่ภายใน
เหมือนมีศรซอนเสียดเข้าเบียดปัก
ให้กระอักโอดโอยจนโหยไห้
ไม่มีแล้วแก้วตามายาใจ
ที่ไหนไหนมืดมิดไปทั้งนั้น
เขาทั้งเขาก็ขึ้นมากีดขวาง
น้ำทั้งสายไหลวางมากางกั้น
อุปสรรคหนักหนาสารพัน
จะฝ่าฟันเพื่อฝันใฝ่อย่างไรดี
ฝันเพื่อพ่ายตายจากและมากทุกข์
โศกในสุขสิ้นใจจนหน่ายนี
หลับทั้งทุกข์รุกระทมตรมทวี
สิ้นศักดิ์ศรีผู้ชายระบายใจ
เมื่ออยู่ใกล้รักมากสักเท่านี้
ไกลกว่านี่จะรักมากสักเท่าไหน
หวานน้ำคำพร่ำพ้อพลอดพิไร
เดี๋ยวนี้ได้แต่อยู่อย่างเดียวดาย
16 พฤศจิกายน 2547 08:50 น.
น้ำตาหมอก
เพียงแต่ตาปะตาประหม่านัก
สำลักรักล้นปรี่ไม่มีเปรียบ
แววตากล้าแกร่งเหลือเกินเกินใครเทียบ
บางครั้งเยียบเย็นลึกรู้สึกได้
นัยน์ตานี้มีผีเสื้อสีม่วงอ่อน
บินเชยช้อนก้านกลุ่มพุ่มดอกไม้
กลิ่นเกสรอ่อนหวานละมุนละไม
เสาวคนธ์หล่นไหลละอองลอย
นัยน์ตานี้มีดอกไม้สีชมพู
ลอยดอกอยู่อย่างเคว้งคว้างกลางสระสร้อย
มีม่านฝนหล่นแต้มแตะปรอยปรอย
เจ้าดอกน้อยลอยลิบถึงเรือนริม
นัยน์ตานี้มีฟ้าสีฟ้าฟ้า
เมฆชิงช้าเชือกไกวไหวลมพริ้ม
มีตะวันใกล้จะตกสีทับทิม
นกน่ารักลักยิ้มเมื่อยิ้มแย้ม
นัยน์ตานี้มีน้ำค้างกลางกุหลาบ
ย้อนเห็นภาพจุมพิตลงตรงริมแก้ม
กระซิบพลอดสอดสุขไร้โศกแซม
เคยกริ่งแกมกับใจก็ผ่อนคลาย
เราเจอกันวันนี้ที่นัยน์ตา
ให้ประหม่าพาพรั่นหวั่นใจหาย
ดอกรักกล่นเกลื่อนกลาดดาษกระจาย
แต่สุดท้ายแค่ฝันพลันวูบไป