29 มีนาคม 2547 01:36 น.
น้ำตาซาตาน
สีนวล เป็นสุนัขพันธ์ไทยแท้หลังอาน แต่หลังจากประสบเคราะห์กรรมถูกน้ำร้อนราดบนหลังเพียงเพราะมันไปเก็บกระดูกใต้ถุนบ้านเค้ามาแทะ จากหลังอานสีเทา กลายเป็นหลังเหวอะหวะเน่า กว่าจะเหยียวยาให้หายได้ก็ใช้เวลาหลายเดือน จากที่เคยเป็นสีนวลพันธ์เพศเมียที่สุนัขต่างคลั่งไคล้ทั่วซอย ต้องกลับเดินต่ำต้อยอยู่ตัวเดียว หนำซ้ำเจ้าของสีนวลซึ่งมีบ้านใหญ่โตโก้หรู เคยจูงสีนวลเดินไปในตลาด ต่างมีคนชมไม่ขาดปากว่าน่ารักอย่างโน้น น่ารักอย่างนี้ ถ้ามีลูกขอมาเลี้ยงสักตัว หรือถึงกับขอซื้อมาเลี้ยงก็มี แต่มาบัดนี้ประตูบ้านหลังนั้นถูกปิดแน่นไม่ต้อนรับสีนวลเหมือนอย่างเคย สีนวลเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านอยู่2-3อาทิตย์ แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เจ้าของบ้านใจอ่อนเปิดประตูรับสีนวลได้ ใช่สิ บัดนี้สีนวลไม่สวยเหมือนเดิมแล้วนี่ ขนหายเกือบหมดทั้งตัว หัวก็อัปลักษณ์ ..
สีนวลเดินจากบ้านด้วยความเศร้าใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา บรรยากาศของกทม.ในยามค่ำคืนไม่เหมาะอย่างยิ่งที่สตรีเพศอย่างสีนวลต้องมาเดินอยู่เพียงลำพังอย่างนี้ แต่บัดนี้สีนวลต้องมาเดินลำพังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เคราะห์กรรมยังไม่สิ้น ขณะที่เดินเตร่กลางตลาดอยู่นั้น สุนัขอันธพาล 4-5 ก็ปรากฏขึ้นข้างหน้า เธอตกใจจนขาสั่น แต่ก็ยังมั่นสติไว้ หันกลับหลังอย่างฉับไว ก่อนตั้งใจจะวิ่งสุดชีวิต ..แต่พระเจ้าช่วย !
ด้านหลังมีสุนัขแก็งค์เดียวกันอีก 2-3 ตัว แต่ละตัวไม่ต้องบอกก็รู้ถึงความเหี้ยมโหด แววตาทีบ่งถึงความหื่นกาม และรอยแผลเป็นที่หัวบอกประสบการณ์ในอดีตเป็นอย่างดี พวกมัน มันสุนัขจรจัดอันธพาลขนานแท้..
ค่ำคืนอันโหดร้ายผ่านไปอย่างเจ็บช้ำ พวกสุนัขอันธพาลจากไปโดยทิ้งความโหดร้ายไว้กับสีนวล เธอร้องไห้กระซิกท่ามกลางสายฝนที่หล่นมาในยามค่ำคืน ..ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นในยามเช้า ก่อนที่ผู้คนในตลาดจะจอแจจ๊อกแจ๊ก ก่อนที่ใครต่อใครจะพากันไล่เธออย่างไม่ใยดี ก่อนที่เทศบาลจะไล่จับเอาไป หรือ ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่างจะมาในเวลาเช้า สีนวลจึงรีบพาร่างอันเปลือยเปล่าของเธอวิ่งข้ามถนนโดยไม่ทันสังเกตรถบนถนน ..
ร่างของสีนวลลอยละล่องอยู่บนอากาศ โดยไร้จากสติรับรุ้เวทนา ก่อนที่จะร่วงลงมากระทบบนพื้นถนนคอนกรีตอย่างแรง เลือดสด ๆ ไหลออกจากปาก และหูทั้งสองข้าง
เจ้าของรถคันโก้ จอดรถกระทันรีบลงจากรถอย่างเร่งรีบ .."แย่แน่เลยๆ ๆ " เขาเดินตรงมายังสีนวล แล้วใช้ขาเขี่ยสีนวลออกไปให้พ้นทางรถ ก่อนจะใช้มือสองข้างลูบคำรถ และบ่นพึมพำว่า " ..ยังไม่ถึงเดือนแท้ๆ เลย ดูสิ เป็นรอยเลย เพราะหมาจรจัดข้างถนนแท้ๆ "
รุ่งเช้า ..
ผู้คนวอแวจอแจจ๊อกแจ๊ก เต็มตลาดสด ชายกับหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งวิ่งมาด้วยความตื่นเต้น แวกผู้คนที่กำลังมุงดูศพสีนวลอย่างสมเพช
"ใช่ไหม ๆ ใช่สีนวลไหม?" หญิงคนนั้นถามด้วยเสียงสั่น
"ใช่สีนวลจริง ๆ ด้วย ทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้นะ สีนวล"
"กลับบ้านที่ตจว.2-3 อาทิตย์ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับสีนวลขนาดนี้" ฝ่ายชายกล่าวบ้าง
ถ้าวิญญาณสีนวลยังวนเวียนอยู่แถวนั้น เธอคงยิ้มได้บ้าง เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งอย่างที่คิด
เธอยังมีเจ้าของที่ยังห่วงใย เธอไม่โดดเดี่ยวเดียวดาย
25 มีนาคม 2547 13:47 น.
น้ำตาซาตาน
นานเท่าไรแล้วที่ผมไม่ได้เจอหน้าผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง ญาติพี่น้อง และผองเพื่อน นับตั้งแต่จำความได้ท่ามกลางความซิวิไลซ์ของเมืองหลวง พ่อแม่ และพี่ ๆ ต่างต้องการความมั่งมีไม่รู้จักพอ ทุกคนต่างหวังที่จะมีให้ได้มากที่สุด ขณะที่ผมหวังเพียงแค่วันนี้มีก็พอ ..
ผมถูกมองว่าเป็นตัวทำให้ตระกูลต้องพินาศ เพียงเพราะผมรู้จักพอ ผมไม่เข้าใจ ทำไมสิ่งที่ผมพอคนอื่นถึงบอกว่ายังไม่พอ พี่แต่ละคนมักทำสีหน้าดั่งตัวอิจฉาในละครหลังข่าว บางทีก็ทำหน้าเศร้าเหมือนละครน้ำเน่าในสภา พอออกมาก็เฮฮากันเหมือนเดิม ..
เมื่อถึงเวลาแบ่งสมบัติ แน่นอน ความยุติธรรมอาจจะมีอยู่ในโลก อาจจะมีอยู่ในประเทศเรานี้ แต่ไม่ใช่ในครอบครัวผม ผมไม่อยากให้สมบัติซึ่งเป็นของนอกกายต้องเป็นเหตุชนวนร้ายให้พี่น้องต้องตายไปจากกัน เมื่อให้อะไร เท่าไร ก็ก้มรับไปอย่างไม่ใยดี ถือคติที่ว่า ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ..พี่ ๆ ทุกคนได้สมบัติกันเท่า ๆกัน ส่วนผมนั้นได้เพียงสิ่งเดียว ที่แม้นั่งคิดนอนคิด พินิจพิจารณาอย่างไรก็ยังไม่เห็นว่ามันมีราคาค่างวดอะไรมากไปกว่า ..ห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่ง ..!!
แล้วผมก็ได้รู้ว่า ห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่งของผมนี้แม้ไม่มีราคาค่างวดที่แพงมากมายถ้าเทียบกับของพี่ ๆ แต่ผมก็ค้นพบความสุนทรีย์ในตัวของมัน เมื่อวันหนึ่ง ขณะที่ผมนอนนิ่งในมุมห้อง มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่บอกว่าผมยังมีชีวิตอยู่ ..พลันแสงจากภายนอกก็สาดส่องเข้ามา ก่อนจะมีเงาของสิ่งมีชีวิตเยื้องกรายบุกรุกเข้ามาภายใน ผมยังคงไม่ขยับตัว คอยสังเกตการณ์ต่อไปอย่างเงียบ ๆ และแล้วประตูก็ถูกปิดลง ..ความมืดมาเยือนอีกครั้ง ..แต่ไม่นานความสว่างจากแสงไฟก็ฉายขึ้น .. ไฟบนเพดานถูกเปิดขึ้นโดยผู้บุกรุกผู้นั้น ..!!
ผมเห็นเธออย่างชัดเจน ..แต่เธอหาได้มองเห็นผมไม่ คงเป็นเพราะผมอยู่มุมห้องที่ยากต่อการสังเกต เธอจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยอยู่ทีเดียว ผิวขาว ผมยาว ตาโต แก้มสีชมพูซึ่งถูกพอกให้ขาวด้วยครีมยี่ห้อดัง เธอหยิบหยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากตะกร้า แล้วป้ายยาสีขาวลงบนแปรงอันนั้น ก่อนที่จะยัดเข้าปากเพื่อถูฟัน ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็อดตกใจไม่ได้ เมื่อเห็นมีฟองออกจากปากเธอ ..แต่เธอก็หาได้ร้องทุรนทุรายดั่งคนที่ทำร้ายตัวเองด้วยการกินยาพิษไม่ แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ..
เธอค่อย ๆ แกะผ้าถุงซึ่งนุ่งกระโจมอก เผยให้เห็นสัดส่วนบนเรือนร่างได้อย่างถนัดตา น้ำในตุ่มถูกเธอตักขึ้นมาแล้วราดบนเรือนร่างเบา ๆ จากขันแรกเป็นขันที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ตามลำดับ จนร่างเธอเปียกโชก ผมอดหนาวแทนเธอไม่ได้จนขนลุกซู่ ..แล้วเธอก็ค่อย ๆ บีบอะไรบางอย่างซึ่งบรรจุอยู่ในขวดพลาสติกแบน ๆ มันเป็นของเหลวสีขาว เธอใช้มันไล้ทาทั่วเรือนร่างอันขาวจนมันเกิดฟอง ทุกซอก ทุกมุมที่เธอลูบไล้ มันรันจวนใจของผมยิ่งนัก .. เมื่อเธอลูบไล้จนทั่วตัวจนหนำใจแล้ว เธอก็จ้วงน้ำตักราดตัวเองอีกครั้ง ..ก่อนที่จะใช้ผ้าเช็ดตัวให้แห้ง แล้วปิดไฟก้าวออกไปจากห้องแคบ ๆ นี้ ..
ความมืดเข้ามาเยือนอีกครั้ง แต่ในใจผมเป็นดุจดั่งเปิดไฟไสวแสงจ้า ..ในเมื่อภาพเมื่อสักครู่ยังคงติดตาติดใจผมไปอีกนาน ..ผมยังนึกดีใจไม่หายเลยที่พ่อแม่ยกห้องนี้ให้ผม ถ้าพี่ ๆ รู้ว่าห้องนี้มีดีอย่างนี้เค้าจะยังอยากมีอยากได้อะไรแพงๆ อีกไม๊น๊า ..?!?
พรุ่งนี้หรือวันต่อๆ ไป ผมก็คงจะยังได้ดูเธอต่อโดยไม่รู้จักเบื่อ บางวันก็มีคนอื่นเข้ามาบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นผลพลอยได้ แต่ที่ไม่เข้าใจถึงทุกวันนี้ก็คือ ..ทำไม เวลาผมร้องทักทายเพื่อหวังให้เธอได้เห็นผมบ้าง มักได้คำตอบว่า
เฮ้อ ..วันนี้ดวงซวยแน่ ๆ เลย โดนจิ้งจกในห้องน้ำทัก ..