20 กันยายน 2548 06:46 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
ร้อยอักษรเป็นคำกลอนวอนไปถึง
ใครคนหนึ่ง...อยู่บ่อพลอย...ฉันคอยหา
ด้วยคารมคมคายนักปักอุรา
ด้วยภาษา...วิจิตร...ประดิษฐ์ความ
ทั้งสำนวนชวนให้ซึ้งตรึงดวงจิตร
อยากเป็นมิตรกับคนไกลใจวาบหวาม
อยากรู้จักทักทายได้ทุกยาม
นิรนาม...เพื่อนนักกลอน...วอนถึงเธอ.
20 กันยายน 2548 06:43 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
ฉันไม่ใช่คนกลอกกลิ้งหญิงคนนั้น
ฟังรำพันเธอว่าพาหวั่นไหว
เธออย่าพึ่งตัดรอนอ่อนหทัย
ขอโปรดได้ฟังถ้อยร้อยกลอนมา
เธอถูกหญิงคนหนึ่งซึ่งรักมาก
เขาตีจากไม่คะนึงพึงหวนหา
ปล่อยเธอให้นั่งเศร้าเหงาอุรา
เขาไม่มาปล่อยเธอเดี่ยวอยู่เดียวดาย
พิษของความผิดหวังฝังดวงจิต
เธอจึงคิดเกลียดชังหญิงทั้งหลาย
ด้วยพิษรักหนาวเหน็บเจ็บทั่วกาย
ใจสลายด้วยพิษรักปักเกาะกิน
ฟังทางนี้หน่อยนะฉันจะเฉลย
ฉันก็เคยรักสลายมลายสิ้น
ทั้งเจ็บแสบแปบกมลจนชาชิน
น้ำตารินหลายหนจนชิงชัง
ฉันก็ยังยิ้มรื่นอย่างชื่นจิต
เพราะฉันคิดโลกนี้ยังมีหวัง
เธออย่าพึ่งท้อแท้แพ้พลัง
เจ็บเพียงครั้งเธออย่าหลบอย่าซบเซา
ฉันนี้แหละคือคนจริงหญิงคนนี้
จะช่วยชี้ไม่หนีห่างเหมือนอย่างเขา
จะรักษาแผลใจให้บรรเทา
แล้วสองเราช่วยกันสร้างทางสุขเอย .
20 กันยายน 2548 06:37 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
ฉันพึ่งรู้...ความในใจ...ในวันนี้
ดวงฤดีฉันคิดถึงคะนึงหา
ฉันพึ่งรู้ว่าฉันรักปักชีวา
กว่าจะซึ้งถึงคุณค่าน้ำตาริน
ด้วยเธอจากโลกไปไม่คืนกลับ
ร่างเธอลับดับไปใจถวิล
ทิ้งความเหงาเศร้าหทัยในชีวิน
ฉันต้องกินน้ำตาทุกนาที
ด้วยฉันเคยเอ่ยวจีที่เย้ยหยัน
คราพบกันฉันหยิ่งเกินเมินหน้าหนี
ทั้งพูดจาปราศรัยไม่ใยดี
แม้นเธอมีความจริงใจฉันไม่มอง
เด็ดดอกรักวางลงตรงหลุมศพ
พื้นดินกลบไม่พบหน้าพาเศร้าหมอง
ถ้าชาติหน้ามีจริงสิ่งหมายปอง
ขอเราสองได้ครองคู่อยู่นิจรันดร์
ฉันพึ่งรู้...ความจริงใจ...ในวันนี้
ก็วันที่เธอจากโลกวันโศกศัลย์
ฉันพึ่งรู้ว่าฉันรักปักชีวัน
แต่ว่ามันสายเกินซึ้งฉันจึงตรม
9 กันยายน 2548 18:30 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
สนเพลิดเพลินเดินชมป่าพนากว้าง
สองฝั่งทางสวยสดงดงามยิ่ง
ทั้งพืชพรรณธัญญางามตาจริง
ล้วนแต่สิ่งชวนชมที่สมใจ
มวลดอกไม้มากมายหลายหลากสี
เขียวขจีกลางพนาพาสดใส
ดอกพุฒซ้อนหอมระรื่นแสนชื่นใจ
แย้มดอกใหม่บริสุทธิ์บุษบา
แดงระเรื่อเจือขาวพราวสะพรั่ง
ประดุจดังเมืองสวรรค์ชั้นเวหา
เหลืองอร่ามงามระยับจับนัยน์ตา
โน้มระย้าห้อยระย้อยสร้อยราตรี
ภูมรินทร์บินดอมดมผสมเคล้า
ดูดดื่มเอาน้ำหวานพาลบินหนี
จากดอกหนึ่งสู่ดอกหนึ่งซึ้งฤดี
อิ่มเต็มที่บินเริงร่าถลาลม
ยิ่งล้ำลึกเดินมาในป่ากว้าง
มองข้างทางช่างสดใสไร้ขื่นขม
ทั้งขุนเขาลำเนาป่าล้วนน่าชม
เสียงระงมวิหคซ้องร้องเรียกกัน
แสนเพลิดเพลินเดินหลงทางกลางป่าใหญ่
ฉันตกใจ...ตื่นภวังค์...นั่งใจหวั่น
ความสว่างของดาวเดือนและแสงจันทร์
ปรากฏฉัน...ฝันกับเขา...เท่านั้นเอง
9 กันยายน 2548 18:16 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
จดหมายน้อยใบนี้ที่พี่อ่าน
คงไม่หวานเหมือนครั้งเก่าเศร้านักหนา
เป็นจดหมายใบสุดท้ายได้ส่งมา
ขอพี่อย่าเข้าใจผิดคิดหวาดกลัว
น้องยังรักพี่อยู่รู้ไว้เถิด
แต่โลกเกิดสับสนจนเวียนหัว
ใช่ว่าน้องมีจิตคิดเมามัว
ใช่ว่าชั่วมีสองใจนี้ไม่เคย
ด้วยเขามาสู่ขอกับพ่อแม่
ใช่พูดแก้เบือนความผิดจิตเฉลย
แต่บุญคุณพ่อแม่มากยากเอื้อนเอ่ย
น้องก็เลยจำต้องครองคู่กัน
ขอพี่อย่าขึ้งเครียดหรือเหยียดหยาม
ใช่เลวทรามอย่างที่พี่เย้ยหยัน
พูดไม่ออกบอกไม่ได้อยู่ไปวัน
ขอพี่นั้นเข้าใจด้วยช่วยเมตตา
ขอให้พี่ลืมความหลังครั้งก่อนเก่า
อย่านั่งเศร้าดวงจิตคิดครวญหา
ขอจงคิดน้องนี้พรากจากโลกมา
จงคิดว่าน้องตายไปใช่หลอกลวง
จดหมายน้อยใบนี้ที่พี่อ่าน
คงสมานความเข้าใจครั้งใหญ่หลวง
มิใช่น้องมีจิตคิดหลอกลวง
ทุกถ้อยถ่วงเขียนมาน้ำตาริน.