3 กรกฎาคม 2550 15:45 น.
นาวา วังสถาพร
พิภพโลกบาดาลละหานหาด
ก็มิมาดหมายฝันกันเท่าไหน
มนุษย์มุ่งหมายมั่นนั้นแสนไกล
จักบุกบั่นกันไปในจักรวาล
ในหมู่ดาวดาระดาดกลาดเกลื่อนฟ้า
เฝ้าเสาะหาความหมายในมวลสาร
ด้วยความเพ้อเจ้อทะเยอทะยาน
หวังพบพานโลกใหม่ใช่โลกเดิม
โลกเก่าผุกร่อนร่อนลงแล้ว?
จักหาแนวดำรงและส่งเสริม
รังแต่จักภินท์พังไปเพิ่มเติม
คนจึงเหิมหาญคิดวิปริตแล้ว
แรกเริ่มศึกษาวิชา-ศาสตร์
จนเก่งกาจตั้งกฎกำหนดแถว
จัดระเบียบดวงดาวที่พราวแพรว
ทั้งฝุ่นดินหินแก้วสารพัน
โอ่ประโคมว่า ค้นพบความจริง
โดยอาศัยอ้างอิงหลักการนั้น
แท้สมมติแทนค่ามาว่ากัน
จักเพิ่ม-ถอดถอนพลันก็เคยมี
หาเหตุผลผลาญบำเรออยาก
ชีวิตอื่นหลายหลากบนโลกนี้
ต่างจำเริญบนโลกเป็นล้านปี
พวกมันมีโลกไหนให้คำนึง?
มีแต่มนุษย์มิหยุดคิด
ทั้งแอบอ้างสิทธิ์ตนเป็นหนึ่ง
พอวาระสุดท้ายได้ตะลึง
เราอยู่ในโลกซึ่งไม่เคยมี
3 กรกฎาคม 2550 15:40 น.
นาวา วังสถาพร
๑.
ชีวิตฤาไร้คุณค่าความหมาย
ประโยชน์เปล่าเปลืองดายกระไรหนา
ฤาชีวิตสมค่าสมราคา
เพียงประโยชน์ได้เกิดมาก็สมควร
เพียงเพื่อกอบโกยสิ่งซึ่งประสงค์
โดยกำนัลสวรรค์ส่งเกษมสรวญ
มนุษย์นี้มีค่ากว่าใดมวล
สรรพสัตว์อื่นใดล้วนแต่สามานย์
ประเสริฐแต่ตัวตนคนอารยะ
มนุษย์ซึ่งเทวะสอดประสาน
จุติลงโลกหล้าอวตาร
กล่อมส่ำสัตว์สันดานชั่วกาลกัลป์
ครองโลกโบกหัตถ์ยาตรบาท
กวาดทุกเขาลำเนาหาดมิหวาดหวั่น
เหยียบทุกโตรกห้วยระหารมินานวัน
ก็สำนึกว่าตนนั้นสำคัญจริง
๒.
ฤาชีวิตคือแค่ธุลีดิน
กำเนิดเป็นชีวินสรรพสิ่ง
ทั่วทุกดาราจักรต่างพักพิง
ณ ดินแดนซึ่งแท้จริงมิเคยมี
หากไร้โลกไร้มนุษย์สุดจะคิด
ว่าแท้จริงชีวิตของเรานี้
นรกสววรค์บาดาลอเวจี
ผิดชอบชั่วดีจะมีใด
อวกาศจักรวาลพาลหดหาย
จะหลงเหลือสิ่งใดหมายอันใดไหม
ขอบเขตที่แท้จริงคือสิ่งใด
หากไร้ซึ่งจิตใจให้นึกคิด