24 ธันวาคม 2552 03:01 น.
นาราวดี ณ ศรีกาญจน์
อรุณฤกษ์เบิกฟ้างามยามปีใหม่
เสียงขันไก่ดังขึ้นแล้วไม่แคล้วฝัน
ถึงความสุขอันชื่นใจสารพัน
ที่สร้างสรรค์ให้มีแรงสู้ต่อไป
จะปีนี้ปีไหนก็อย่าให้ทุกข์
ยิ้มรับเอาความสนุกความสดใส
โรคร้ายห่างการงานดีมีแต่ชัย
รับปีใหม่ด้วยความสุขสนุกเทอญ
ใกล้ปีใหม่แล้วสินะ ปีหนึ่งช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกินทั้งเรื่องงานเรื่องต่างๆ
ที่เข้ามาในชีวิต ก็ขอให้ผ่านไปได้เหมือนปีก่อนๆแล้วกันนะ
7 ธันวาคม 2552 22:53 น.
นาราวดี ณ ศรีกาญจน์
ท้องฟ้า ณ ยามเย็น แสงทองเด่นเป็นคุณค่า
ท้องทุ่งที่สุดตา งามนักหนาเมื่อได้ชม
ลมเย็นพัดมาเรื่อย น้ำไหลเอื่ยอยดงามแสน
รวงข้าวทั่วทั้งแดน คล้อยตามไปในทันที
สุขใจในยามนี้ ท้องทุ่งที่มีคุณค่า
เดินไปได้สบตา หมู่นกกาที่กลับรัง
เจื้อยแจ้ววะแว่วเสียง ฟังสำเนียงที่มีพลัง
พรุ่งนี้ที่มีหวัง ยังมาเยือนเหมือนเตือนใจ
ฟ้ามืดสลัวมา ดวงจันทราห็มาแทน
ท่องทุ่งทั่วทั้งแดน ขอลาเจ้าเท่านี้เอย
เป็นกลอนที่แต่งไปเรื่อย ตอนเดินทางพบเห็นแล้วเขียนเลย
ทำให้ไม่ได้คำนึงถึงสัมผัสระหว่างบท
มุ่งแต่เก็บบรรยายกาศผ่านเป็นตัวหนังสือ ตามที่ตาเห็น
ทุ่งข้าว ณ บ้านปรังกาสี อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี
เป็นไร่ข้าวบนภูเขา เห็นแล้วสวยดี
6 ธันวาคม 2552 22:35 น.
นาราวดี ณ ศรีกาญจน์
เวลาใดใจร้อนรนมีคนหนึ่ง
ที่ใจฉันนั้นคิดถึงอยู่เสมอ
ใครคนนั้นที่ฉันเคยพบเจอ
คือพ่อฉันที่รักเสมอและแสนดี
นานเท่าไรก็ห่วงใยไม่เคยห่าง
ยามอ้างว้างคือรอยยยิ้มที่สุขศรี
แม้หนาวเหน็บเจ็บกายอย่างไรมี
พ่อคนนี้ที่ห่วงฉันเสมอมา
ในยามนี้อยากให้พ่อได้รู้
ว่าฉันรักพ่ออยู่นะพ่อหนา
จะเอาบุญที่สรรค์สร้างมาบูชา
ให้พ่อจ๋ามีสุขทุกวันเลย
อยากบอกว่ารักพ่อเสมอ ไม่ว่าจะอย่างพ่อห่วงและทำทุกสิ่งได้แม้จะขัดกับความรู้สึกของพ่อเอง ในบางครั้งท้อนะแต่มีพ่อที่คอยให้กำลังใจถึงไม่พูดก็รู้ได้นะว่าพ่อรักมาก วันพ่อปีนี้ไม่ด้ายกราบพ่อเลยเศร้าใจจัง