31 มกราคม 2551 21:04 น.
นายธนา
มองท้องฟ้าค่ำคืนนี้ไม่มีดาว
โอ้จันทร์เจ้าเดียวดายไร้คู่ข้าง
เหมือนหัวใจของชายที่อ้างว้าง
สิ้นเส้นทางล้างความรักที่จากลา
อาบเอยอาบน้ำตานองทั้งสองแก้ม
มิอาจแย้มรอยยิ้มปริ่มใบหน้า
แม้นเป็นชายก็มิวายเสียน้ำตา
ด้วยความรักนั้นพาให้อ่อนแอ
รักเอ๋ยรักความรักนั้นเป็นไฉน
จึงคมกริบบาดใจให้เป็นแผล
ปวดเจ็บปวดรวดร้าวคราวพ่ายแพ้
ไม่มีใครเหลียวแลแม้สักคน
ทนเถิดทนเดียวดายกับความเงา
แม้นจะต้องทุกข์เศร้าสักกี่หน
ทนเถิดทนต่อไปใจต้องทน
เมื่อใจยังดิ้นรนค้นความรัก....
27 มกราคม 2551 23:25 น.
นายธนา
ดอกงิ้วพริ้มบานละลานต้น
น่ายลน่ามองผ่องใส
สีแดงแก้มแสดแฝดใบ
ระย้าไหวตามลมพรมริน
ต้นเปรียวเรียวหนามลามหนา
สูงเด่นกลางป่านาถิ่น
ลมหนาวพัดโชยโรยดิน
หมดสิ้นก้านใบไร้มี
ดอกแดงแต่งต้นบนยอด
ช่อทอดลงพื้นดื่นที่
อยากคว้ามาหอมสักที
จะมีกลิ่นไหมเจ้าเอย
อยากปีนป่ายไปไขว่คว้า
แต่กลัวหนามหนาแทงเสย
บาดเนื้อบาดตัวทั่วเลย
หมายเชยจำกล้าผ่าไป
ดอกเอยดอกงิ้วพลิ้วพราย
หากแม้นไม่ตายสู้ไหว
จะเก็บดอกงิ้วแนบใจ
หนามแทงไม่เป็นไรข้ายอม
13 มกราคม 2551 18:14 น.
นายธนา
หาบตะกร้าเดินเสหน้าขาเสหลัง
เดียดกระจาดพะรุงพะรังทั้งซ้ายขวา
ถือเสื่อกกเก่าเก่าก้าวเท้ามา
ย่างช้าช้าไปตลาดกาดคนเดิน
พริกมะเขือถั่วฝักยาวข้าวของใหม่
มาแล้วหนาไปชื้อได้ยายแก่เอิ้น
เห็ดหอยขมชะอมแฟงเอาแตงเทิน
เต็มตะกร้าขนเพลินเกินกำลัง
หญิงชราหน้าตาตอบสวมงอบสาน
วางไม้คานปูเสื่อเหงื่อเต็มหลัง
เรียงข้าวของลงแผงจัดแจงนั่ง
แล้วร้องดังผักไหมจ๊ะเร่เข้ามา
คนมาซื่อยายก็ยิ้มแย้มแจ่มใส
คงดีใจได้ขายได้คุยเพลินหนักหนา
แถมไปบ้างสองสามกำลดราคา
ถ้าคุ้นหน้าไม่เป็นไรจะให้ฟรี
ยายชราอายุปาไม้ใกล้ฝั่ง
ยังมานั่งขายผักอยู่ที่นี่
น่าจะพักผ่อนบ้างแล้วชีวี
ลูกหลานมีไหมหนามาดูแล
11 มกราคม 2551 08:14 น.
นายธนา
อรุณฤกษ์เบิกฟ้าอุษาสว่าง
สรรพางค์เกลื่อนนองละอองใส
หยดน้ำค้างพร่างพรมห่มไผท
ประดับไว้ดังหยาดเพชรเกล็ดมณี
สุริยาถลาขึ้นยืนสง่า
ณ เบื้องทิศบุรพาอ่ารัศมี
สกุณาขานรับขับยินดี
กรองกวีธรรมชาติปราศมลทิน
ลอยละลิ่วพลิ้วระลอกหมอกสีขาว
หนาวลมหนาวจับจิตคิดถวิล
หอมบุปผาพัดโชยเฝ้าโรยริน
ดังหอมกลิ่นกรุ่นเจ้าเมื่อเคล้าคลอ
หมู่ภมรร่อนบินผกผินผ่าน
เที่ยวเชยชมดอกไม้บานสราญหนอ
ผีเสื้อน้อยคอยเพื่อนเคลื่อนชะลอ
แล้วหยอกล้อเริงเล่นล่องลอยไป
ก้านหญ้าแห้งแกว่งใบไกวดอกหญ้า
เหมือนยามเจ้านั่งชิงช้าให้ข้าไส
ธรรมชาติแวดล้อมขับกล่อมใจ
สนุกสนานสำราญให้ได้ภิรมย์
5 มกราคม 2551 19:57 น.
นายธนา
หอมเอยหอมดอกแก้วกัลยา
หอมเสมือนช่อมาลาจากสวรรค์
ส่งกลิ่นโชยโรยรื่นชื่นอนันต์
ดั่งของขวัญมอบจากฟ้ามาสู่ไทย
แสงเอยแสงหนึ่งงามความประภัสสร์
แจ่มจำรัสส่องลงอสงไขย
ซ่านสว่างกระจ่างทั่วทั้งใกล้ไกล
แม้นจะไม่แลเห็นเป็นตัวตน
หอมเอยหอมระเหยหายไร้กรุ่นกลิ่น
เมื่อพระสิ้นสู่สวรรค์วิมานหน
แสงเอยแสงแจ่มระยับกลับมืดมน
เมื่อพระชนม์พระมอดม้วยด้วยประชวร
น้ำเอยน้ำตานองร้องร่ำไห้
ทั้งผืนไทยอาลัยล้ำพร่ำกำสรวล
โศกแสนโศกวิปโยคโลกค่ำครวญ
อาดูรล้วนเหลือล้นจนจาบัล
ดอกเอยดอกเจ้าแก้วกัลยา
จงเบ่งบานท่ามฟ้าทิพยาสรรพ์
แสงเอยแสงหนึ่งงามอร่ามนั้น
จงสาดส่อง ณ สวรรค์นิรันดร์เทอญฯ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ขอพระองค์ทรงเสด็จสู่สรวงสวรรค์นิรันดร์เทอญ.....
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ