4 มิถุนายน 2550 20:26 น.
นายธนา
ใบมะขามปลิดปลิวลิ่วลงร่วง
ข้างทางหลวงถนนใหญ่ใกล้หมู่บ้าน
เห็นแคร่ไม้ไผ่วางไว้ตรงกลางลาน
คงตั้งนานจึงเก่าผุดูทรุดโทรม
หญิงชราหาบตะกร้าเดินมานั่ง
แล้วเอนหลังลงนอนผ่อนกายโน้ม
คงเหนื่อยอ่อนจากการงานที่หักโหม
ร่างแกโทรมไม่สดใสวัยชรา
แล้วนั่งรอตรงนี้บ่ายยันค่ำ
เป็นประจำอยู่ทุกวันนานนักหนา
ถ้าใครถามแกก็บอกออกมาว่า
รอลูกชายจะกลับมามาเยี่ยมแก
ก็ลูกชายไปทำงานที่กรุงเทพ
เขาบอกจะเก็บเงินส่งมาให้แม่
นี่ก็หายไปหลายสิบปีแท้
ไม่รู้แน่ว่าเป็นตายหรือร้ายดี
สักวันหนึ่งมันต้องกลับมาหาข้า
ข้าจึงมารอมันนะที่นี่
เผื่อมันมามันจะได้พลอยยินดี
ที่แม่นี้มารอรับกลับบ้านเรา
หญิงชราพูดไปก็ยิ้มไป
ตาใสใสเป็นประกายหายจากเศร้า
ว่าอย่างโน้นว่าอย่างนี้เล่าเรื่องราว
ของลูกชายให้คลายเหงาอย่างสุขใจ
เห็นรถจอดแกก็ทอดสายตามมอง
และจดจ้องว่าคันนี้มีลูกไหม
รถคันแล้วหลายคันเล่าวิ่งผ่านไป
แต่ก็ไม่มีลูกชายปรากฏตัว
2 มิถุนายน 2550 16:30 น.
นายธนา
สายน้ำใสไหลล่งสู่เบื้องต่ำ
เทกระหน่ำลงมามิซาสาย
กระทบยังพื้นล่างพร่างกระจาย
แล้วสยายวงน้ำงดงามตา
น้ำกระเพื่อมไหวไหวไม่หยุดนิ่ง
ด้วยแรงดิ่งเทลงจากชั้นผา
ให้เกิดเสียงน้ำตกดั่งซ่าซ่า
เมื่อน้ำมากระทบน้ำที่แอ่งรอง
เห็นน้ำไหลจากผาพาให้คิด
น้ำก็เหมือนชีวิตเราทั้งผอง
ที่ย่อมคิดย่อมไหลดังใจปอง
ตามครรลองตามวิถีที่อยากไป
จะบังคับน้ำให้ไหลไปที่สูง
แม้นฉุดจูงก็มิอาจยื้อมาได้
เพราะน้ำนั้นย่อมไหลลงต่ำไป
ด้วยวิสัยของกระแสที่แน่นอน
หากชีวิตไม่ได้คิดไม่ได้อยาก
ก็ลำบากที่จะทำแม้พร่ำสอน
จะได้ดีต้องมีใจมาเสียก่อน
หากบังคับกลับจะทอนอ่อนกำลัง
ฉะนั้นแล้วจงมุ่งไปตามใจฝัน
เหมือนสายน้ำที่ไหลมั่นไม่หันหลัง
ไหลตามทางที่อยากไหลเต็มพลัง
แล้วจะพบสิ่งที่หวังดังเฝ้ารอ