18 สิงหาคม 2550 07:21 น.
นายธนา
ขอแอบอิงพิงใจในความฝัน
ฝากถ้อยคำหวานซึ้งพึงรำพัน
ให้ไหวหวั่นหวั่นหวามตามติดตรึง
.................................................
เอ่ยอารมณ์ชมชิมลิ้มรสรัก
แล้วสลักจารึกบันทึกถึง
บรรจงเขียนเรียงร้อยถ้อยคำนึง
อันเอมอิ่มซาบซึ้งถึงดวงใจ
...................................................
ห้วงเวหาฟ้าโปร่งโล่งสว่าง
เอาหมอกเมฆจัดวางกลางฟ้าใส
เรียงเป็นคำว่าคิดถึงคำนึงใน
ตามหัวใจเรียกหาทุกนาที
...................................................
ภวังค์ใดไหนละเจ้าจะเท่ารัก
หลงใหลนักเหลือจักหักใจหนี
เพราะฤทธิ์รักจึงจำยากพรากฤดี
ใจดวงนี้มิอาจกล้าจะฝ่าไป
.....................................................
เชิญชื่นชิมอิ่มอารมณ์กับความฝัน
ตามตะวันส่องทางสว่างไสว
แม้นแดดร้อนระรานถึงม่านใจ
ขอแอบไปซ่อนกระแสที่แปรปรวน
......................................................
หากจะซ่อนแสงแดดอันแผดร้อน
คงต้องนอนหลับใหลที่ในสวน
หนุนตักเจ้าออดอ้อนกล่อมเพลงครวญ
เหนียมอายม้วนชวนรักจักประคอง
...........................................................
ขอมีเจ้าอยู่ใกล้ก็ไร้ทุกข์
ด้วยความสุขจะอยู่เคียงเพียงเราสอง
โอบกอดเจ้าจ้องตาหันหน้ามอง
คอยประคองประทับจูบลูบแก้มกาย
.......................................................
หากแม้ได้แนบชิดสนิทเนื้อ
อ้อมแขนเอื้อโอบกอดทอดไหล่ผาย
ให้เจ้าหนุนนอนผ่อนพักจักสบาย
เพียงเอนแอบแนบคลายหายกังวล
........................................................
ไหล่ของข้าจะประคองเราท่องฝัน
คืนและวันผันผ่านกาลล่วงพ้น
อยู่ในโลกที่มีเราเพียงสองคน
แล้วร่ายมนต์สะกดรักประจักษ์ใจ
......................................................
เอ่ยอารมณ์ชมใจในความรัก
แล้วผ่อนพักหลับฝันอันสดใส
เปิดดวงตาที่แอบยิ้มกระหยิ่มใจ
เลิกหลับใหลเพ้อฝันอันยากจริง
.......................................................
ขอต้อนรับสู่โลกไร้ความฝัน
ที่คืนวันหมุนไปไม่หยุดนิ่ง
หากหัวใจเหนื่อยล้าอาจถูกทิ้ง
ให้จมดิ่งสู่ก้นเบื้องของเรื่องราว
..........................................................
ฉะนั้นใจต้องเข้มแข็งและแกร่งกล้า
เผชิญหน้าแม้หนทางยังว่างเปล่า
และใจจงมุ่งมั่นจะฟันก้าว
ตะกายดาวปีนฟ้าเพื่อคว้าชัย
..........................................................
ชัยชนะคือความหวังอยู่ข้างหน้า
ความพ่ายแพ้คือแรงกล้าให้แก้ไข
ส่วนความรักคือยาแพงของแรงใจ
ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้เลย
..............................................................
ใจดื่มด่ำล้ำลึกบันทึกฝัน
ในค่ำคืนของวันอันเปิดเผย
มีเราสองครองเคียงเอียงแนบเชย
สุขใดเลยหรือจะเท่าสุขสองเรา
...........................................................
แม้ยามใดที่ใจเปลี่ยวเพียงเดียวดาย
ไร้คนแอบแนบกายให้คลายเหงา
อยากจะมีคนเคียงเพียงแต่เจ้า
คอยปัดเป่าความอ้างว้างให้จางไป
.........................................................
ขอนำสายใยเราหนอมาทอถัก
เพื่อสานรักแน่แท้เป็นแพรไหม
สอดเส้นด้ายหลายสีที่หัวใจ
พุ่งกระสวยส่งไปสายใยทอ
.........................................................
แล้วใจจะกรอทอเส้นแบ่งเป็นสาย
วาดลวดลายสีสันรังสรรค์ต่อ
กี่กระตุกทุกย่างย่ำจะทำทอ
รักเราหนอจะงดงามตามลวดลาย
......................................................
ลวดลายของรักเรานี้เรากำหนด
เป็นผู้ทดผู้ลองหาความหมาย
จะสุขทุกข์สมหวังพังดีร้าย
จะลำบากยากง่ายแล้วแต่เรา
......................................................
เมื่อเราเป็นคนกำหนดรักเราแล้ว
จงวางแนวทางงามตามอย่างเขา
สร้างเส้นทางวางรากฐานการรักเรา
ให้บริสุทธิ์สีขาวและงดงาม
.....................................................
แม้รู้ว่ารักเรานี้มันผิดนัก
อุปสรรคของเส้นทางวางด้วยหนาม
ไม่มีกลีบกุหลาบโรยโปรยงดงาม
ให้เดินตามความสุขทุกวานวัน
....................................................
แม้รักนี้อาจผิด...ผิดที่รัก
แต่ยากนักจะหักให้ใจแปรผัน
ด้วยใจของสองเราเฝ้าผูกพัน
ขอยืนหยัดรักกันอย่างมั่นคง
.......................................................
เอ่ยอารมณ์ชมใจในความหวาน
อันซาบซ่านซาบซึ้งถึงลุ่มหลง
ติดลิ้มรสหอมหวนชวนพะวง
ขอใจจงดื่มด่ำหนำอุรา
........................................................
แม้นใครว่าหวานน้ำตาลมันหวานนัก
แต่ข้าว่าหวานรักจักหวานกว่า
หวานน้ำผึ้งหวานน้ำอ้อยหวานนานา
ไม่เทียบหวานเจ้ากับข้านะยาใจ
............................................................
ด้วยรสหวามของความหวานที่ฐานรัก
ชื่นใจนักรักผลักฝันมั่นสดใส
แม้เคยชิมลิ้มรสหวานทานสิ่งใด
ก็ไม่หวานเท่าหวานใจข้าได้เลย
.........................................................
เอ่ยอารมณ์ชมสวนมวลดอกไม้
อวลกลิ่นอายมิหายหางจางละเหย
กระจายหอมอ้อมประทินกลิ่นรำเพย
ขอเอื้อนเอ่ยถึงยอดหวงของดวงใจ
........................................................
ชมดอกไม้นานาประดาสวน
ประดับชวนเชยชิดพิสมัย
ละอองน้ำพรมบนกลีบจีบบนใบ
น้ำค้างใสเหมือนใจฉันมั่นรักเธอ
...........................................................
อยากจะนำดอกกุหลาบสักล้านดอก
พร้อมคำหวานกระซิบบอกมอบเสนอ
นั่งคุกเข่ายื่นดอกไม้ส่งให้เธอ
ที่ใจฉันรักเสมอไม่เสื่อมคลาย
.........................................................
ขอเจ้าจงรับมันไว้ในอ้อมกอด
ข้าจะพลอดคำหวานขอหมั่นหมาย
ขอจงรักภักดีเจ้าจนวันตาย
มิห่างหายขอเคียงอยู่เป็นคู่กัน
...........................................................
อิ่มอารมณ์ชมรักอีกสักครา
ออดอ้อนใจอันเหว่ว้าไปคว้าฝัน
เมื่อเอมอิ่มลิ้มรักภักดิ์นิรันดร์
หากถึงวันจำจากคงยากใจ
.......................................................
ใจหนอใจใจเราเอ๋ยมิเฉยนิ่ง
คงวนวิ่งวุ่นวายและหวั่นไหว
เมื่อใจนี้มิอาจพรากจากอีกใจ
เหลือทนไหวที่จะให้ไร้ผูกพัน
................................................
แม้สุดท้ายกาลเวลาจะพาพราก
พาเราจากทิ้งรักไว้เพียงในฝัน
เพราะความจริงจะทำให้ใจห่างกัน
แต่หวังว่าความรักนั้นคงมั่นเอย
12 สิงหาคม 2550 19:22 น.
นายธนา
ขอมอบสำหรับผู้หญิงที่ผมรักที่สุดครับ...แม่
ลมโชยโรยแผ่ว นานแล้วแม่จ๋า
ลูกไม่ได้กลับมานั่งชิงช้าอันเก่า
ชิงช้าหน้าบ้าน วันนี้มันดูเหงา
เฟื่องฟ้าลาต้นหล่นกราว อกเราสะท้อน
วันเวลาติดปีกหลีกบิน
หูยังแว่วได้ยินเสียงแม่กล่อมนอน
โอ้ละเห่....ลูกเอย เอ่อเอย ลูกเอ๊ยจงนอน
กระโปรงยังอยู่ในตู้ทรงจำ
เสื้อนักเรียนด่างดำ กระติกน้ำวันก่อน
หิ่งห้อยจับได้ แอบไว้ที่ใต้หมอน
คืนไหนอากาศรุมร้อน แม่นอนพัดไกว
มือยังกำของเล่นทำเอง
หูยังแว่วเป็นเพลงหวานจับหัวใจ
โอ้ละเห่....ลูกเอย เอ่อเอย ลูกเอ๊ยจงหลับใหล
เหนื่อยไหมแม่ ร่างกายคงอ่อนแอ พักผ่อนบ้างไหม
ห่วงหนาแม่ เห็นแม่ดูอ่อนแอ แล้วลูกใจหาย
ไม่เคยบอกแม่เลยว่ารักเท่าใด
ปากแข็งเหมือนใคร แม่ก็รู้ตัวดี
เหนื่อยมานัก แม่พักเสียที
ต่อจากวันนี้ ลูกจะกล่อมแม่นอน
แม่เอ๊ย นอนเถิดนอนเสียแม่
ให้ลูกดูแล ลูกจะกล่อมแม่นอน
โอ้ละเห่...แม่เอย...แม่เอ๊ย จงนอน
กล่อมแม่ : ปาน ธนาพร
11 สิงหาคม 2550 08:10 น.
นายธนา
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ
ข้าพระพุทธเจ้า นายธนา
8 สิงหาคม 2550 21:30 น.
นายธนา
ดุจเดินด้นบนถนนหนทางเปลี่ยว
ดั่งโดดเดี่ยวเดียวดายไร้ใครข้าง
หลากหลายล้อมอ้อมไว้คืออ้างว้าง
ยืนหยัดอย่างเหงาเหงาเศร้าโศกใจ
เพียงลำพังวังเวงวาบหวามหวิว
ใจเกิดกิ่วกลัดกลุ้มสุมเสริมใส่
ส่งสร้างซึ่งแสนสลดรัดทนใจ
สิหาใครป้องปลอบมิชอบมี
เหมือนเรือน้อยลอยคว้างกลางสมุทร
พายุใหญ่มิหยุดเกินฉุดหนี
แรงคลื่นจัดซัดโหมเข้าโจมตี
จนเรือนี้แทบล่มจมลงพลัน
ใจเจนจัดเจ็บท้อขอร้องไห้
ตัวแพ้ใจไร้เรียวแรงให้แข่งขัน
คืนคร่ำครวญเคล้าน้ำตาเหลือจาบัล
อยากจะหันหาใครไร้สักคน
พรรคเพื่อนพ้องก่อนมีก็หนีหาย
จะเหลียวซ้ายแลขวาไม่มาสน
ที่หวังพึ่งหนึ่งได้คือใจตน
ที่ต้องทนที่ต้องสู้อยู่ลำพัง
ทะเลใจ : ป๊อด โมเดิร์นด๊อก
2 สิงหาคม 2550 20:59 น.
นายธนา
ชะรอยฤๅรูปอินทร์ไซร้ลงจำแลง
แบ่งภาคองค์ทรงแสดง ณ แหล่งหล้า
เลอลักษณ์เพริศผ่องพักตร์เพียงจันทรา
โฉมเฉิดฉายชุติมากว่าชายชน
สีหราชพระบาทท้าวเจ้าเมืองสรวง
เจิดจรัสทัดเดือนดวงห้วงหาวหน
เกียรติยศเชิดชูภูวดล
ทุกมณฑลแซ่ซ้องเกริกก้องไกล
งามสง่าเกินกว่างามล้ำลือกล่าว
ศรีกษัตริย์เชื้อเจ้าลาวเวียงใหญ่
มิ่งพระนามขามพระเกียรติ์ละเมียดพระทัย
คือขุนลอท้าวไท้ผู้อาจอง
แสนศักดิ์นักกษัตริย์ขัตติยะราช
ท้ายทาสกามาพาลุ่มหลง
พร้อมเพื่อนพี่แพงน้องสองพระองค์
ถึงสูงส่งคงมิว่ายพ่ายแพ้กาม
ยอยศพระลอ : ออฟ ศุภณัฐ