8 เมษายน 2550 11:55 น.
นายธนา
โอ้เหน็บหนาวร้าวระทมขื่นขมเหลือ
เมื่อคราเมื่อไร้เธอยืนเคียงข้าง
มองหนทางเดียวดายใจอ้างว้าง
ให้บอบบางเหลือล้นจะทนไป
เมื่อก่อนนี้ฉันยังมีเธอให้รัก
แล้วตอนนี้หรือจะหักใจจากไหว
เพราะความรักมันฝังลึกถึงทรวงใน
ไม่ได้เตรียมเผื่อใจเอาไว้เลย
หนาวเหน็บหนาวเศร้าจริงหนอหัวใจนี้
หนาวฤดีเกินกว่าจะเพิกเฉย
หนาวเจ็บช้ำจำจดใจไม่จางเลย
โอ้ใจเอ๋ยเอ๋ยใจไยหนาวจัง
เฝ้าคำนึงเพ้อฝันถึงวันหวาน
ครั้งวันวานหวานยามในความหลัง
แต่วันนี้ไม่มีแล้วใจแทบพัง
หมดความหวังเสียแล้วเราเศร้าหัวใจ
หนาวเหน็บหนาวเมื่อคราวร้อนของตอนนี้
หนาวเหลือล้ำช้ำฤดีที่หวั่นไหว
หลงคร่ำครวญหวนคิดถึงซึ่งดวงใจ
จะมีไหมซึ่งวันนั้นผันกลับมา
ไยหน้าร้อนครานี้มีแต่หนาว
ใจปวดร้าวคราวระทมสมน้ำหน้า
เพราะหัวใจไม่ปล่อยวางบางสักครา
จมปลักกับความเหว่ว้าพาพาเสียใจ...
7 เมษายน 2550 19:26 น.
นายธนา
คืนเดือนแรมแต้มฟ้าดาราต่ำ
ดาวประจำท้องนภาจันทราหาย
เดือนแรมรอนร่อนลี้หนีแอบกาย
เจ้าห่างหายมิขึ้นเคลื่อนเหมือนอย่างเคย
ค่ำวันนี้ไม่มีจันทร์รังสรรค์แสง
จันทร์เจ้าแกล้งดาวหรือไรใยจึงเฉย
ไม่ทอแสงแจ้งสว่างวางเฉยเมย
จันทร์เจ้าเอ๋ยเจ้าไม่เหลือหรือเยื้อใย
ขอถามดาวเหงาไหมหนอค่ำคืนนี้
ลมพัดวีคงเหน็บหนาวเศร้าหวั่นไหว
จันทร์เจ้าเอ๋ยไม่ง้อดาวหรืออย่างไร
จึงทิ้งให้ดาวเหงาเฝ้าคอยรอ
โอ้ดาวเอ๋ยเหงาจังเลยค่ำคืนนี้
จันทร์เจ้าลี้หนีไปแห่งใดหนอ
ไม่เคยคิดถึงดวงดาวที่เฝ้ารอ
ดาวเจ้าท้อรอแล้วรอก็ไม่มา
หรือเจ้าคบพบคู่ใหม่แล้วจันทร์เอ๋ย
จึงละเลยไม่ไม่คิดถึงไม่ห่วงหา
ปล่อยให้ดาวเปลี่ยวเหงาเศร้าอุรา
ลอยเหว่ว้าอ้างว้างเพียงลำพัง.....
7 เมษายน 2550 07:38 น.
นายธนา
ดั่งสายน้ำจากฟ้าคราหน้าแล้ง
พลิกฟื้นแต่งผืนดินให้สิ้นเหงา
ดั่งสายลมพรมโชยตอนร้อนเร้า
พัดทุเราเบาร้อนค่อยผ่อนคลาย
คือความรักที่ทำให้ใจสดชื่น
ให้ชุ่มชื้นหวั่นไหวไม่จางหาย
เพราะความรักเคียงข้างมิห่างกาย
ครุกรุ่นอายหอมหอมหวนชวนหลับพา
หลับละเมอเพ้อถามถึงความหวาน
ให้ฟุ้งซ่านซาบซึ้งคำนึงหา
ช่างอบอุ่นเอมอิ่มพริ้มอุรา
เสน่หาพาชื่นระรื่นใจ
แต่พอตื่นลืมตามาอย่างนี้
กลับไม่มีสิ่งที่ฝันอันหวั่นไหว
แล้วความรักนี้หนออยู่แห่งใด
บอกได้ใหม่ใครช่วยบอกฉันมา
หรือความรักอยู่ได้เพียงในฝัน
พึงรำพันฝันเพ้อละเมอหา
ถ้ามีจริงไยไม่พบบ้างสักครา
เหนื่อยหนักหนาหาความรักจักไม่มี
อยากหลับไปในความฝันอันหวานชื่น
ไม่ขอตื่นลืมตามาอย่างนี้
เพราะในฝันฉันจะมีเธอคนดี
เธอคนที่รักฉันซาบซ่านใจ
เอ่ยคำรักกระซิบหวานสะท้านจิต
ให้พร่ำคิดเพ้อฝันและหวั่นไหว
ในความรักเราสองประคองใจ
ให้หลงใหลในรสรักอีกสักครา
อบอุ่นใจในอ้อมกอดที่ทอดผ่าย
ในอ้อมกายอ้อมใจที่ใฝ่หา
ในอ้อมแขนอ้อมรักพักอุรา
สิเน่หาพาชื่นทั้งคืนวัน
โอ้ความรักความรักหนอความรัก
ช่างหวานนักหวานชื่นอย่าตื่นฝัน
จักหลับใหลถึงต้องตายวายชีวัน
ถ้าในนั้นฉันมีเธอฉันขอยอม
แม้ต้องตายถวายกายให้ความรัก
ฉันก็จักยอมให้ถวายพร้อม
พร้อมหัวใจที่สั่งให้ฉันยินยอม
ตายไปพร้อมกับความรักฉันยินดี
ฉันไม่อาจอยู่ได้เมื่อไร้เธอ
ฉันคงเพ้อเพ้อฝันมันอย่างนี้
จะทำใจได้อย่างไรหนอคนดี
เมื่อวันนี้ฉันไม่มีเธอร่วมทาง
ไม่อยากตื่นลืมตามาอีกแล้ว
หากต้องไร้วี่แววเธอเคียงข้าง
รอบรอบกายคงจะมีความอ้างว้าง
ทุกก้าวย่างคงเงียบเหงาเศร้าหัวใจ
เจ็บเหลือล้นจักทนไหวไหมหนอนี่
เมื่อไม่มีเธอคนดีคงร่ำไห้
สายน้ำตาว้าเหว่คงเทไป
ให้หัวใจหมองช้ำเฝ้าคร่ำครวญ
และสุดท้ายฉันต้องตื่นฟื้นจากฝัน
เผชิญกับคืนวันอันมิอาจหวน
หวนกับไปในความฝันอันรัญจวน
อย่าคร่ำครวญเลยหนอพอสักที
ขอฝากรักเก็บไว้ในความฝัน
เพราะความจริงไม่มีวันเป็นอย่างนี้
เธอคือฝันฝันของฉันนะคนดี
ขอแค่นี้ได้ไหมเล่าใจเอย...
6 เมษายน 2550 13:59 น.
นายธนา
โอ้เจ็บปวดรวดร้าวเศร้าจริงหนอ
เฝ้าคอยรอความรักชักหวั่นไหว
ฝันละเมอเพ้อฝันทุกวันไป
ด้วยรอใครใครคนนั้นมั่นรอคอย
เหงาแสนเหงาเศร้าลำพังวังเวงเหลือ
น้ำตาเครืออาบแก้มแต้มหยดย้อย
โอ้ชีวิตใยเงียบเหงาเฝ้ารอคอย
ใครปลดปล่อยความอ้างว้างบ้างสักครา
เหนื่อยหนักหนาท้อเหลือล้นทนความเหงา
ใครกันเล่าจะเยียวยามารักษา
รักษาใจให้หายเหงาเศร้าอุรา
ให้ออกจากความเหว่ว้ามาสักที
เฝ้าวาดฝันจินตนาหาความรัก
อยากรู้จักอยากสัมผัสกับรักนี้
จักอบอุ่นละมุนใจให้ยินดี
หรือจักมีความสุขทุกข์เพียงใด
โอ้อนาถวาสนาหนอข้าเอ๋ย
ไฉนเลยเฝ้าละเมอเพ้อหวั่นไหว
หวั่นว่าใจจะต้องเหงาเศร้าต่อไป
จักมีใครมาสนใจไหมหนอเรา
คนอาภัพกับความรักชักเหนื่อยแล้ว
ไร้วี่แววใครมาสนต้องทนเหงา
ใช้ชีวิตเดียวดายต่อไปเรา
เศร้าแสนเศร้าเหงาแสนเหงาเฝ้ารอคอย...
4 เมษายน 2550 08:18 น.
นายธนา
จักจั่นประชันเสียงเจียงเจื้อยเจื้อย
ร้องร่ำเรื่อยเหนื่อยร้อนอ้อนวอนฟ้า
ให้พรมโรยโปรยสายน้ำฉ่ำชีวา
ดับอุราที่เร้าร้อนอ่อนเหลือทน
แว่วเสียงลมพรมโชยโปรยกระแส
ค่อยเริ่มแผ่คลุมนภาเมฆฟ้าฝน
บังแสงทองผ่องใสให้มืดมน
แล้วเตรียมพ่นน้ำฟ้าอย่างอารี
เมขลาลอยย่อมาล่อแก้ว
แสงวับแววแวววับขยับหนี
รามสูรขว้างขวานไม่รอรี
ก่อให้มีฟ้าร้องกึกก้องไกล
แสงฟ้าแลบแปบปับรับลมฝน
ฟ้าเบื้องบนแปรปรวนชวนหวั่นไหว
เมฆมืดมนหม่นหมองครองฟ้าใจ
ก่อนรินไหลสายน้ำพร่ำโปรยปราย
ฟ้าคำรามกระหน่ำร้องก้องเวหา
ลมพัดพาใบไม้ปลิวลิ่วล่องหาย
เมฆดำคล้ำยิ่งย่ำเยือนเลื่อนเรียงราย
เฝ้าสยายกระจายฟ้าพามืดมน
แล้วฟ้าผ่าดังสะท้านกังวานฟ้า
ฝนก็ซ่าฟ้าก็ร้องก้องไพรหน
หยดน้ำย้อยปอยปรายสายปะปน
กระแสฝนพ่นพร่ำกระหน่ำเรียง
เสียงสายน้ำฉ่ำฉ่าลงจากฟ้า
กระทบกับหลังคาซ่าซ่าเสียง
เลยหนาวเหน็บเจ็บใจไร้คนเคียง
นอนฟังเสียงสายฝนทนเดียวดาย