4 สิงหาคม 2551 19:24 น.
นาคะพรรณ
....เจ้าโอนเอนเอียงอายในสายหมอก
เจ้าชูดอกเด่นไกลหลากสี
เจ้าหอมฟุ้งกลิ่นเกสรขจรขจี
เจ้าชีวีของข้านั้นถึงวันลา
ฉันเคยอิงเอนกายแนบชิดใกล้
ฉันคลั่งไคล้ฝันถึงคนึงหา
ฉันพร่ำเพ้อละเมอทุกเวลา
เพราะใจข้ามีเจ้านั้นนิรันดร์
ขอฉันหอมดอมดมเจ้าอีกครั้ง
ขอความหลังดังเดิมเติมเกสร
ขอความรักสีสดใสกล่อมฉันนอน
โปรดอาทรดวงใจข้า...อีกคราเถิด
4 สิงหาคม 2551 15:53 น.
นาคะพรรณ
...ในเส้นทางอันคดเคี้ยวสุดเปลี่ยวเหงา
ยังมีเงาตัวเราอยู่คู่แมกไม้
ลำธารลึกเกินหยั่งถึงยากข้ามไป
กิ่งก้านใบไม้ซากซุงพยุงผลัน
ถึงขุนเขาอันสูงชันตะวันร้อน
สายลมผ่อนพัดร้อนคลายสู่ปลายฝัน
ท้องฟ้ามืดบอกลาแสงแห่งตะวัน
สายแสงจันทร์ส่องนำพาให้ข้าจร
เงียบสงัดสุดทัดทานปานจะคลั่ง
ระรวยดังฟังเพลงไพรคลายความหลอน
แม้หนาวเหน็บเจ็บสะท้านยากหลับนอน
ห่มอาภรณ์ด้วยหินผาอุ่นป่าไพร
จนทิวามาเยือนดาวเดือนลับ
วิหกจับขับเสียงร้องก้องฟ้าใส
ปลุกชีวิตเหงาเศร้าทุกข์เดียวดาย
สู่จุดหมายในสรรพสิ่ง...ไม่ทิ้งกัน...
1 สิงหาคม 2551 16:03 น.
นาคะพรรณ
ข้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ใจจะขาดดาวดับดิ้นครั้นสิ้นแสง
ท้องฟ้าหม่นฝนกระหน่ำอ่อนเรี่ยวแรง
แผ่นดินแห้งดอกไม้เหี่ยวโรยรา
เพราะเธอเป็นเช่นดังทุกสิ่งอย่าง
พระพี่นางกลางใจไทยทั้งผอง
เมื่อเธอสิ้นดินฟ้าน้ำตานอง
สะอื้นร้องร่ำไห้หาสุดอาลัย
ขอพระองค์จงหลับไหลในสวรรค์
เป็นนิรันดร์ของข้าฝ่าพระบาท
จะจงรักภักดีทุกภพชาติ
ขอเป็นทาสแผ่นดินไทยในพระองค์
1 สิงหาคม 2551 14:33 น.
นาคะพรรณ
กระซิบผ่านกาลเวลามาแผ่วเบา
รักรุมเร้าร้อนแรงเรียกหา
ไฟราคะกลืนกินสิ้นศรัทธา
ทอดกายาเปลือยเปล่าเชยชม
กระซิบบอกหยอกเย้าเคล้าคลอ
รักเล่นล้อก่อเกิดเสพสม
จริงหรือหลอกคำลวงคารม
เกินจะข่มตัณหาพัดพาไป
เสียงกระซิบล่องลอยเลือนหาย
ปกปิดกายอายเอียงเสียงร่ำไห้
ในตาเหม่อนอนแน่นิ่งเดียวดาย
ฉากสุดท้ายไร้คู่อยู่เคียง...
1 สิงหาคม 2551 14:26 น.
นาคะพรรณ
จงใฝ่ฝันถึงวันที่ยิ่งใหญ่
ให้ก้าวไปด้วยใจไฟแรงกล้า
แล้วย้อนคิดผิดถูกที่ผ่านมา
จักษ์เห็นค่าตัวตนทุกหนทาง
ขอความคิดก่อร่างอย่างสร้างสรรค์
เติมแต่งฝันบันเทิงร่าเริงสี
แล้วลองเริ่มเติมแต่งบทกวี
ด้วยวลีชีีวันพรรณา....