22 สิงหาคม 2551 12:13 น.
นาคะพรรณ
-บทนำ-
ปั้ง!!!..........................................
เสียงปืนดัง กึกก้อง สนั่นไพร
กลิ่นควันไฟ คละคลุ้ง เดือนฉาย
เนื้อตัวสั่น พรั่นพรึง มึงยังไม่ตาย
สาบไอ้ลาย ยังคงอยู่ คู่พงไพร
.................................................
ย้อนคิดถึง เรื่องราว ที่เล่าขาน
ถึงวันวาน บ้านป่า ถิ่นอาศัย
ฟังผู้เฒ่า เล่าเรื่อง รอบกองไฟ
กลางพงไพร ไอดิน กลิ่นฟืน
ณ วันหนึ่ง แสงอาทิตย์ อัสดง
แลลับลง ปลุกขุนเขา ตื่นฟื้น
เรียกเดือนดาว ประจำยาม หยัดยืน
วิหคคืน จับคู่ บินสู่รัง
สุมฟืน ก่อไฟ ให้วัวควาย
ปืนสะพาย แนบชิด ติดแผ่นหลัง
ลมหวีดหวิว ทิวไผ่ ร้องไห้ดัง
ผู้เฒ่านั่ง สูบยา ส่ายตามอง
พระจันทร์ฉาย ลมไหว ใบไม้หวั่น
เกราะคอสั่น ลั่นรัว วัวควายร้อง
ลุกขึ้นพลัน ใจสั่น หันปืนส่อง
จิตจับจ้อง ย่างก้าว เดินเท้าเบา....
โธ่!...ไอ้ด่าง สั่นระริก กระดิกหาง
มึงอย่าขวาง ทางปืน เดี๋ยวกูเป่า
คำทักทาย สั่นเครือ จากผู้เฒ่า
คลายทุเลา หวาดกลัว ตัวตาย
เงียบสงัด ทึบรก พอตกดึก
ดำดิ่งลึก ข่มขวัญ ฝันสลาย
ฉุดกระชาก ลากวิญญาณ จากความตาย
ไอ้เสือร้าย พาดกลอน ย้อนกลับมา
ฉีกความเงียบ เรียกความตาย ควายตื่น
ไอ้ด่างยืน เห่าลัั่น ขวัญผวา
นกการ้อง ก้องไพร ทั่วนภา
กลิ่นนักฆ่า เจ้าป่า จอมราชัน
ประทับปืน รุกฆาต ขึ้นพาดบ่า
ประจันหน้า จ้องตา ให้อาสัญ
ประทับเขี้ยว กัดควาย ดึงดัน
เหนี่ยวไกพลัน ตกตะลึง มึงตาย!....
ปั้ง!!!..........................................
เสียงปืนดัง กึกก้อง สนั่นไพร
กลิ่นควันไฟ คละคลุ้ง เดือนฉาย
เนื้อตัวสั่น พรั่นพรึง มึงยังไม่ตาย
สาบไอ้ลาย ยังคงอยู่ คู่พงไพร
-บทสรุป-
ครืน!!!..........................................
เสียงเครื่องยนต์ อึกทึก กึกก้อง
คนโห่ร้อง เฮฮา ปราศรัย
กลิ่นน้ำมัน พวยพุ่ง เปลวไฟ
เสือจากไป ไร้ผู้เฒ่า.....เฝ้าควาย
ปล.แด่คุณทวดที่จากไปนานแล้ว
แต่เรื่องเล่า แสนสนุก ยังคงอยู่เสมอ
20 สิงหาคม 2551 18:47 น.
นาคะพรรณ
....เห็นเดือนเพ็ญลอยเด่นกลางฟ้ากว้าง
แจ่มกระจ่างแสงนวลผ่องต้องหลงไหล
สุกสกาวกลางหมู่ดาวบนฟ้าไกล
ดังแสงไฟส่องประกายสู่ปลายทาง
รอบข้างกายรายล้อมด้วยท้องทุ่ง
กลิ่นหอมฟุ้งโคลนดินรินน้ำค้าง
เสียงจั๊กจั่นลอยล่องร้องเบาบาง
แม้อ้างว้างไม่เดียวดายเหนื่อยหน่ายใจ
ต่างกับคืนนี้ที่มองจ้องจันทรา
ดูเจ้าล้าหม่นหมองไม่ผ่องใส
เจ้าคงเหนื่อยที่ต้องสู้กับแสงไฟ
ที่ใครๆ ต่างพากันสรรค์สร้างมา
รอบข้างกายรายล้อมด้วยก้อนอิฐ
กลิ่นชีวิตจิตอาฆาตปรารถนา
เสียงสังเคราะห์รัตติกาลมารยา
หนึ่งจันทราต่างคุณค่า...ฟ้าเดียวกัน
Photo by: อาคม นาคะ
19 สิงหาคม 2551 13:08 น.
นาคะพรรณ
...ฉันมองเธอเหม่อลอยดูคอยหา
รอเวลากลับมาวันฟ้าใหม่
เขาลาลับเลือนลางห่างร้างไกล
จึงเดียวดายว้าเหว่สุดเอกา
เหมือนนกน้อยคอยรักที่พักพิง
เคยแอบอิงนิ่งนอนยามอ่อนล้า
เฝ้าซุกไซร้ไออุ่นเมื่อฝนมา
ใต้ชายคาแห่งรักที่พักใจ
ปิดประตูอยู่ลำพังในรังร้าง
ปิดหน้าต่างสนทนาคำปราศรัย
ขังตัวเองอยู่ในห้องจองจำใจ
ร้องร่ำไห้เฝ้ารอทรมาน
ฉันมองเธออยู่ลำพังในรังรัก
บนเพิงพักนักกวีที่ขับขาน
นั่งร้อยเรียงช่ออักษรเป็นกลอนกานต์
ส่งคำหวานผ่านประตูสู่วังวน
ลองปล่อยใจไตร่ตรองแล้วมองดู
เปิดประตูหัวใจรับไอฝน
ในความสุขทุกข์ก่อนจึงได้ยล
ฟ้าหลังฝนอันสดใส...อยู่ใกล้เธอ
photo by: อาคม นาคะ
18 สิงหาคม 2551 19:21 น.
นาคะพรรณ
.....สีเหลือง...ผสมแดงแปลงเป็นส้ม
สื่ออารมณ์รุ่งอรุณอบอุ่นแสง
คือความคิดคนรุ่นใหม่ไฟแรง
บอกแสดงความสร้างสรรค์ทันสมัย
สีแดง...ผสมน้ำเงินเกิดเป็นม่วง
ความหนักหน่วงลวงตาน่าหลงใหล
แฝงอารมณ์เคลือบแคลงแรงจูงใจ
ซ่อนความในร้อยเล่ห์สเน่ห์หา
สีน้ำเงิน...ผสมเหลืองเรืองสู่เขียว
ความกลมเกลียวพรั่งพรูหมู่พฤกษา
สื่อนิยามความสดใสสบายตา
ชื่นชีวาเริ่งร่าในอารมณ์
สีดำ...ผสมขาวเป็นเทาหม่น
คือวังวนทนทุกข์ไม่สุขสม
รสจืดชืดเย็นชาไร้อารมณ์
ดังสายลมโอดโอยโรยรา
ในกลิ่นสี...มีมากหลากความหมาย
ทุกรูปกายหลายรสชาติปรารถนา
แต่สีเหลืองแดงน้ำเงินเกินจินตนา
สุดจะหาผสมเป็น....เช่นแม่สี
15 สิงหาคม 2551 12:01 น.
นาคะพรรณ
....สะท้อนแสงจันทร์ในคืนนั้น
สีอำพันมันวาวทิวยาวใส
คงเป็นแสงแห่งดาวบนฟ้าไกล
เหตุไฉนอยู่ใกล้แค่ปลายมือ
ยิ่งมืดลงยิ่งแจ่มชัดจรัสแสง
การแสดงของจันทร์อย่างนั้นหรือ
สิ่งที่ฉันสัมผัสได้ที่ปลายมือ
แท้จริงคือแสงที่ส่องต้องน้ำตา
ฉันจึงขอเก็บแสงแบ่งความเหงา
คลายทุเลาเศร้าตรมบ่มรักษา
อุ้งมือน้อยคอยรองรับซับน้ำตา
สุดปลายฟ้าเธอบอกลาน้ำตานอง
เหลือเพียงเงาความเศร้าเข้าแทนที
ห้วงราตรีมืดมนดาวหม่นหมอง
น้ำตารินสิ้นแสงเธอคอยเหม่อมอง
ต้องนั่งร้องเดียวดาย....ใต้เงาจันทร์