12 กุมภาพันธ์ 2553 19:15 น.
นรศิริ
พึงสำนึกในพระคุณ
โดดเด่นเป็นนักหนาหาใดเท่า
ไม่ว่าเราหรือเขาเข้าอาศัย
ทั้งยากดีมีจนท้นเข็ญใจ
ก็ต้องไปพักผ่อนนอนด้วยกัน
ทุกวันผ่านหันมองแล้วต้องคิด
ทุกชีวิตสุดท้ายไปที่นั่น
แล้วใยเขาไม่เห็นเป็นสำคัญ
กลับหวาดหวั่นคำนึงพรั่นพรึงใจ
มองให้ลึกตรึกให้ซึ้งถึงคุณค่า
ยืนหยัดอย่างผู้กล้าหาหวั่นไหว
แม้นซากเหม็นเน่าหนักสักเพียงใด
หรือเปลวร้อนควันไฟยังทานทน
จึงสมควรแล้วหนอยกยอท่าน
ฌาปนสถานศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่งหน
เป็นผู้เก็บสังเวชทุเรศชน
เราทุกคนนั้นไซร้ได้พักกาย
ถ้าท่านพอจะหาภาพได้กรุณานำมาลงให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
5 กุมภาพันธ์ 2553 04:17 น.
นรศิริ
โบยบินจากถิ่นพฤกษ์ มุ่งสู่ตึกสูงตระหง่าน
มุ่งมาเพื่อทำงาน เลี้ยงพ่อแม่ที่แก่ชรา
ค่ำคืนลูกขื่นขม ร้าวระบมแล้วแม่จ๋า
คนเมืองหลอกลูกยา บังคับให้ขายบริการ
กายานี้แตกยับ แทบแดดับดิ้นสังขาร
ล่ามโซ่ทรมาน อีกเฆี่ยนตีเบียดบีฑา
เหล็กแดงเผาไฟนาบ กรีดหน้าอาบโชกเลือดหนา
ไร้สิทธิ์ในกายา สิทธิ์ครอบครองเพียงลมปราณ
บางคนที่ขัดขืน ก็ถูกปืนลั่นประหาร
หนูอยากจะกลับบ้าน ห่วงแม่พ่อที่คอยรอ
โทรศัพท์กับจดหมาย ถูกยึดไว้เฆี่ยนตีต่อ
น้ำตาลูกเอ่อคลอ แล้วรินไหลอาบนวลปราง
เพื่อนหนูตายต่อหน้า อนิจจาไร้ขัดขวาง
ชีวีที่บอบบาง ถูกกระทำต่ำกว่าคน
วอนขอต่อดินฟ้า เทพเทวาทุกแห่งหน
กำจัดพวกเหลือคน ให้หมดสิ้นสินค้า....มนุษย์
2 กุมภาพันธ์ 2553 04:08 น.
นรศิริ
แม่จ๋า....ลูกสิ้นหวังภิณฑ์พังแล้ว
ดังดวงแก้วแตกสลายเป็นทรายสูญ
ทุกข์เทวศเจตนาให้อาดูร
ซ้ำเพิ่มพูนลำเค็ญทั้งเข็ญใจ
มืดมิดทุกทางอ้างว้างว้าเหว่
ทรุดซวนเซเกินกับรับไหว
ทิพย์วิญญาณท่านแม่สถิตใด
รับลูกไปเถิดหนาในครานี้
น้ำตาเหือดแห้งแล้งแล้วจะไหล
ผิวกายไซร้ซีดขาวราวผี
ทุกวารหยัดยืนอย่างไร้ชีวี
ดุจดังสุรีย์ลาลับดับลง
เลือนลางลางเลือนเหมือนบอดใบ้
แผ่วหายใจลางครั้งยังลืมหลง
อยากจะหลับให้ไร้ตื่นยืนยง
ฝากชีพลงแด่พระแม่ธรณี