2 กรกฎาคม 2551 05:21 น.

กาลเวลาพาให้เปลี่ยน

นรศิริ

ความเปลี่ยนแปลง

จากเมล็ดมาเป็นกล้า
อีกไม่ช้าเป็นรวงสวย
สุกเหลืองงอมหอมระรวย
ก่อนจะม้วยไปตามกาล

ทุกสิ่งอันนั้นแปรเปลี่ยน
วนเวียนเป็นวัฏสงสาร
จวบจนสิ้นกาลนาน
วัฏสงสารยังเวียนวน

คราวหนุ่มสูงแก่ลงต่ำ
บางคนเคยร่ำรวยล้น
คราดวงดับกลับยากจน
หนีไม่พ้นจะต้องตาย

เกิดมาแล้วก็ล้วนดับ
สูรย์ยังกลับแลลับหาย
อีกจันทราดาราราย
กลางวันหายจากนภา
มีสิ่งใดเล่ายืนยั้ง
ล้วนสูญพังทั้งนั้นหนา
วันนี้เอมเปรมอุรา
วันพรุ่งมาอาจม้วยมรณ์

นี่แหละคือสิ่งเที่ยงแท้
มิมีแปรหรือไถ่ถอน
ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนทุกตอน
ที่แน่นอนคือเปลี่ยนแปลง				
1 กรกฎาคม 2551 15:09 น.

สงสารล้นเมืองอุบลดอกบัวงาม

นรศิริ

สงสารล้นเมืองอุบลดอกบัวงาม

คำเรียกขานครูอาจารย์อันสูงส่ง
ควรดำรงศักดิ์ศรีที่มากเหลือ
ควรหรือเอาความใคร่มาปนเจือ
กับเพียงเพื่อแลกเกรดเหตุพิกล

มหาลัย มีไว้โชว์ดูโก้หรู
แสนอดสูพฤติกรรมนำเหตุผล
น่าเสียดายลือเลื่องเมืองอุบล
ต้องมาปี้มาป่นเพราะคนเลว

นี่แหละหนาหน้ากากอุปถัมภ์
การกระทำถอยถดลงตรงห้วงเหว
ยังชื่นชมทั้งเชิดชูอยู่เย้วเย้ว
ถึงแหลกเหลวไม่เป็นไรเส้นใหญ่พอ (โว้ย)

ใช่ว่าเหตุพึ่งจะเกิดตอนเปิดเผย
ใยเฉยเมยปิดหูสิ้นไร้ยินหนอ
หรือขี้ขลาดขยาดกลัวเขาเชือดคอ
หรือเพียงขอได้เงินมาไม่ว่ากัน
ถูกเหยียบย่ำหยามใจในเพศแม่
เหมือนโบยแส้เจ็บล้นท้นโศกศัลย์
ขอจงให้วิบัติชั่วนิรันดร์
อย่ามีวันโผล่พ้นอเวจี				
1 กรกฎาคม 2551 05:43 น.

นี่คือบ้านข้อยเด้อ

นรศิริ

นี่คือบ้านข้อยเด้อ
ต้นข้าวเขียวขจี
ปูปลามีกบเขียดคราง
จอบเสียมคราดไถวาง
อยู่ไม่ห่างต้นสะแก

ทิดสีจูงควายตู้
ดุ่มเดินอยู่บนคันแท
ยายมามัวชะแง้
ถือไม้แส้จะตีงู

เลื้อยไปอย่างเชื่อช้า
แผ่เบี้ยหราไม่กล้าดู
เด็กน้อยหาหอยปู
พอเจองูวิ่งเร็วพลัน

ยายมาไม่กล้าตี
งูหลบลี้ลงรูนั้น
ตาสาหัวเราะลั่น
จะตีมันเพราะเหตุใด

ปู่โสมผมโพรนขาว
ไม้เท้ายาวจนสั่นไหว
โยกเยกมาแต่ไกล
ดูเหงื่อไคลเยิ้มทั้งตัว

ยายมาหาสาดปู
หมอนให้ผู้เฒ่าหนุนหัว
ปู่โสมบอกขอตัว
ข้านี้กลัวไม่ทันเพล

ทิดสีเอิ้นไอ้น้อย
เร็วเข้าหน่อยปลามันเต้น
ขี้ตมก็กระเด็น
ควายตู้เห็นกระโดดหยอย

ไอ้น้อยกระโจนจับ
ดิ้นดุบดับหลุดล่วงผล็อย
ไอ้น้อยชะเง้อคอย
หัวใจลอยไปตามปลา

อิแม่หวิงอยู่ไส
ข้าขอไปในแปลงนา
ถือหวิงเตรียมคอยท่า
รอเวลาจะตะครุบ

ทิดสีไถนาเสร็จ
รีบเก็บเบ็ดที่หลุมหลุบ
ได้ปลามาเต็มกุบ
ดิ้นดับดุบปลาดุกอุย

ไอ้น้อยหาฟืนมา
ไอ้ลูกหล้าอย่ามัวคุย
ปลาปิ้งกลิ่นหอมฉุย
ข้าขอลุยก่อนนะพ่อ

เองยังไม่ล้างมือ
อย่าจับถือน้ำลายสอ
น้ำดื่มเตรียมไว้รอ
เอิ้นแม่พ่อมากินกัน

ชีวิตคนบ้านนา
อย่างพวกข้าช่างสุขสันต์
ไม่มีแย่งชิงกัน
หรือจัดสรรโกงแผ่นดิน

หากินกันตามมี
ชั่วชีวีไม่หมดสิ้น
โคตรเหง้าไม่โกงกิน
ซื่อสัตย์สิ้นกันทุกคน

คำแปล
ควายตู้ =  ความเขางุ้ม
คันแท= คันนา
สาด= เสื่อ
เอิ้น= เรียก
ขี้ตม=  โคลน
กุบ= หมวกเหมือนหมวกที่ชาวเวียตนามใส่  จริงๆแล้วเขาเรียกกุบเกิ้ง
หลุบ=  ต่ำ, ลึก
หวิง=lสวิง
ลูกหล้า=  ลูกรัก  หรือลูกคนสุดท้อง				
30 มิถุนายน 2551 13:11 น.

ยินดีรับเธอกลับมา

นรศิริ

มีเพียงใจรักเพียงเธอ
คราใดเธอเจ็บหนักรักรานร้าว
จงรับรู้คนเก่าเฝ้าห่วงหา
ยังตราตรึงแน่นสลักปักอุรา
ยังคงคอยซับน้ำตาที่เปื้อนใจ

ไม่เคยคิดแหนงหน่ายไม่คลายรัก
แม้นว่าจักรวดร้าวเศร้าเพียงไหน
ด้วยจงรักภักดิ์น้องปองทรามวัย
ห้วงหทัยนี้มีเธอเสมอครอง

ขอให้เธอโชคดีทั้งมีสุข
อย่ามีทุกข์รานร้าวฤาเศร้าหมอง
ให้เธอ- เขาเปี่ยมรักภักดิ์ดั่งปอง
ใจประครองใจนั้นทุกวันไป

ขออย่ามีหม่นหมองครองรักมั่น
ขอทั้งคู่สุขสันต์นิรันดร์ใส
หมั่นผูกรักถักสานกาลเยื่อใย
ขอผองภัยอย่าแผ้วพาลผ่านยลเยือน

หากแม้นว่าวันใดเขาไม่รับ
จงคืนกลับนะคนดีพี่รอขวัญ
จะรอรับซับอุราที่จาบัลย์
จะไม่พรากจากกันจนวันวาย

				
29 มิถุนายน 2551 05:25 น.

ขอน้อมจิตอธิษฐาน

นรศิริ

ขอน้อมอธิษฐานจิต
ขอกุศลผลบุญหนุนนำส่ง
ให้มั่นคงในสัจจะอธิษฐาน
ขอลูกนี้เปี่ยมล้นกุศลกาล
ทุกวันวารบริสุทธิ์ผุดผ่องพราว

ให้หลุดพ้นวัฏวนหนทางต่ำ
จิตน้อมนำธรรมพุทธพิสุทธิ์ขาว
ไร้มลทินมีศีลธรรมนำเรื่องราว
สุกสกาวแจ่มจรัสพิพัฒน์พร

ปฏิบัติปริยัติเป็นวัตระ
มีฉันทะวิริยะอย่าไถ่ถอน
อีกสัจจะวิมังสามาทุกตอน
อย่าร้าวรอนสำเร็จกิจนิจกาล

ขอยึดมั่นธรรม์พุทธสุดประเสริฐ
จงก่อเกิดกรรมดีทุกสถาน
อบายมุขทุกทางห่างแผ้วพาล
สุขสราญซึ้งซาบอาบรสพระธรรม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ