26 สิงหาคม 2549 04:00 น.
นครา ประไพพงศ์
.......มีความสุขเต็มที่กับชีวิต
จึงมีสิทธิ์คว้าไขว่ความใฝ่ฝัน
เมื่อวันนี้...สิ้นแสงแห่งตาวัน
ชีวิตนั้นก็เต็มที่กับชีวิต....
.......ค่ำคืนนี้ดีใจเมียไม่อยู่
โทรนัดชู้...ท่องราตรีหวังมีสิทธิ์
เป็นคนเติมเต็มใจได้ใกล้ชิด
แนบสนิทหวานชื่น...ในคืนนี้
.......เป็นแค่คนรู้ใจในคืนเหงา
ระหว่างเราแค่ไหน...ได้เต็มที่
เพราะครอบครัวสองเรา...เราต่างมี
เรารู้ดี...ชู้เท่านั้นคบกันมา
.......วันเธอสุขเธอก็อยู่กับคู่รัก
วันเหนื่อยหนักอยากพักใจ...ฉันไม่ว่า
เราพบกันใต้สีแสงแห่งมายา
เราต่างหารักเสริม...เติมเต็มใจ
.......ฉันก็มีคนรักอยู่เป็นคู่ฉัน
แต่บางวันก็เหนื่อยหนักชักอ่อนไหว
เธอเป็นชู้ผู้แสนดีที่ห่วงใย
คอยทำให้ฉันยังสู้รู้สึกดี
.......เราผิดไหมวันนี้ที่แอบชู้
เราต่างรู้แก่ใจไม่หน่ายหนี
เราสมรู้ร่วมใจในไมตรี
แต่หากมีใครรู้...ชู้คงพัง
.......เรื่องของเรา...เรารู้อยู่เพียงสอง
เราจึงต้องปิดไว้ในใจฝัง
เส้นทางชู้ต้องย่างอย่างระวัง
อย่าให้พลั้งเกิดหวงหึงถึงครอบครัว
.......ค่ำคืนนี้ดีใจได้พบชู้
แม้รู้อยู่เหมือนหญิงร้ายกับชายชั่ว
รู้ว่าผิดที่เป็นชู้เรารู้ตัว
แต่เพราะหัวใจรั้ง...พลั้งตามไป
.......ครอบครัวเธออบอุ่นดีมีสุขมั่น
ครอบครัวฉันก็ปรองดองไปหมองไหม้
ครอบครัวเราเราต่างอยู่อย่างรู้ใจ
ครอบครัวใคร ใครก็อยู่ต้องดูแล
.......เราแยกกันอย่างเข้าใจในคืนนี้
โอกาสมี...เรานั้นพบกันแน่
รีบกลับบ้านก่อนตะวันไม่ผันแปร
เราจบแน่...หากคู่เราเขารู้ตัว
.......เราเข้าใจทุกอย่างระหว่างชู้
แม้รู้อยู่เหมือนหญิงร้ายกับชายชั่ว
คืนนี้เราต้องรีบลาหาครอบครัว
ไม่พันพัวไม่หวั่นไหวไม่ผูกพัน
.......มีความสุขเต็มที่กับชีวิต
จึงมีสิทธิ์คว้าไขว่ความใฝ่ฝัน
เมื่อวันนี้...เริ่มแสงแห่งตาวัน
ชีวิตนั้นก็เต็มที่กับชีวิต....
24 สิงหาคม 2549 18:08 น.
นครา ประไพพงศ์
.......มีความสุขเต็มที่กับชีวิต
จึงมีสิทธิ์คว้าไขว่ความใฝ่ฝัน
เมื่อวันนี้...สิ้นแสงแห่งตาวัน
ชีวิตนั้นก็เต็มที่กับชีวิต....
.......คืนนี้มาเที่ยวผับกับผองเพื่อน
ร่วมขับเคลื่อนมิตรภาพเอิบอาบจิต
ค่ำคืนนี้เราล้วนมิ่งมวลมิตร
แนบสนิทสายใย...ในคืนนี้
.......นัดรวมตัวเพื่อนเก่าเราสังสรรค์
สานสัมพันธ์แห่งใจไม่หน่ายหนี
สื่อสายตาเข้าใจด้วยไมตรี
สุขเต็มที่ เพื่อนชาย..สหายสุรา
.......แก้วในมือทุกคนร่วมชนแก้ว
เพื่อนกันแล้วยังไงไม่หนีหน้า
เต้นดื่มกินสนุกทุกลีลา
คือคุณค่าย้ำเตือนเพื่อนรู้ใจ
.......เราแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านแก้วเหล้า
เพื่อนก็เมาเราก็เมาเข้ากันได้
ถึงเวลาเลิกผับแยกกลับไป
รอรับขวัญวันใหม่...ในอีกวัน
.......มีความสุขเต็มที่กับชีวิต
จึงมีสิทธิ์คว้าไขว่ความใฝ่ฝัน
เมื่อวันนี้...เริ่มแสงแห่งตาวัน
ชีวิตนั้นก็เต็มที่กับชีวิต....
คำเตือน การดื่มสุราทำให้ความสามารถในการอ่านกลอนลดลง...
24 สิงหาคม 2549 17:37 น.
นครา ประไพพงศ์
.......มีความสุขเต็มที่กับชีวิต
จึงมีสิทธิ์คว้าไขว่ความใฝ่ฝัน
เมื่อวันนี้...สิ้นแสงแห่งตาวัน
ชีวิตนั้นก็เต็มที่กับชีวิต....
.......นั่งเดียวดายในผับ...รับสีเเสง
ด้วยหวังแห่งคืนนี้...ได้มีสิทธิ์
มองหาคนรู้ใจ...มาใกล้ชิด
แนบสนิทหวานชื่น...ในคืนนี้
.......ดุจเสือหนุ่มย่ามใจไว้ลายเสือ
มองหาเหยื่อสาวสวยใส...ไว้ขยี้
ทอดสายตาสื่อใจในท่วงที
แล้วไมตรีก็ตอบรับคืนกลับมา
.......ยื่นแก้วให้เป็นสะพานแล้วสานต่อ
เมื่อชอบพอหลงเล่ห์เสน่หา
ความชิดใกล้ในสีแสงแห่งมายา
ก็นำพาให้ตกลงอย่างปลงใจ
.......เราแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านเรือนร่าง
เราร่วมสร้างโลกสวยด้วยความใคร่
เมื่อสุขสมเราต่างแยกทางไป
รอรับขวัญวันใหม่...ไม่ผูกพันธ์
.......มีความสุขเต็มที่กับชีวิต
จึงมีสิทธิ์คว้าไขว่ความใฝ่ฝัน
เมื่อวันนี้...เริ่มแสงแห่งตาวัน
ชีวิตนั้นก็เต็มที่กับชีวิต....
23 สิงหาคม 2549 21:22 น.
นครา ประไพพงศ์
ฝากดวงใจใส่กล่องเป็นของขวัญ
รักของฉันสวยเด่นเธอเห็นไหม
ไปกับคืนและวันฉันฝากไป
เธอเก็บไว้หรือยังความหวังดี
ฝากรักไปทักเธอเสมอนะ
เธอได้รับบ้างไหมล่ะอย่าละหนี
รักของฉันสวยหรูดูเข้าที
รักกล่องนี้...ฉันแกล้งทำอย่างจำใจ
23 สิงหาคม 2549 16:52 น.
นครา ประไพพงศ์
ผม => แวะเข้ามาหาใครไม่ทราบครับ...
คุณ=> งั้นผมกลับก็ได้คงไม่ว่า...
เผลอคลิ๊กผิด...ไม่ได้ตั้งใจมา
ไว้คราวหน้าจะพยามหักห้ามใจ
ผม => อ้าว...มาแล้วไยรีบกลับล่ะครับพี่
ทำอย่างนี้มันหดหู่พี่รู้ไหม
คนกันเองอุตส่าห์มาอย่ารีบไป
อ่านกลอนให้จบก่อนอย่าร้อนรน
คุณ=> ให้อ่านกลอนอะไรไร้สาระ
มันเกะกะสายตาไม่น่าสน
แล้วคนเขียนเป็นใครอยากให้ยล
คงเป็นคนธรรมดาที่บ้ากลอน...
ผม => ขอโทษครับคุณพี่ที่เคารพ
ผมไม่อยากประจบซบออดอ้อน
พี่ไม่ชอบไม่เป็นไรไม่เว้าวอน
ถ้ารีบร้อนพี่เชิญไปได้ทันที
คุณ=> กลอนของเอ็งธรรมดาไม่น่าอ่าน
แต่ยังด้านเขียนได้ไม่บัดสี
แค่นักกลอนไร้เกรด...เศษกวี
อย่าอวดดี...อ้างศักดิ์มากนักเลย
ได้ฟังคำสำลักกระอักกระอ่วน
คิดทบทวนความจริงยิ่งเปิดเผย
เราแค่เศษกวีที่เฉิ่มเชย
ถูกหยามเย้ย...นานามานานนม
พวกนักเขียนหน้าใหม่พวกไส้แห้ง
ทำสำแดงอวดดีพวกขี้ขม
เขียนกลอนตามกันไป...สมัยนิยม
ฟังคำถากทับถม..ระทมใจ
คุณ=> ถึงผมเป็นนักกลอนที่อ่อนหัด
จะเจนจัดภาษาก็หาไม่
แต่ทุกสิ่งรู้ดีที่ทำไป
ไม่หวังใครเห็นค่ามาชื่นชม
แค่มีใครอ่านบ้างไม่ร้างหนี
มันก็มีค่าล้ำสำหรับผม
แม้นบทกลอนมีความดีมีอารมย์
ทุกคำคมขอตอบแทน...เพื่อเเผ่นดิน