28 ธันวาคม 2546 18:46 น.
ธีรนันท์
เหนื่อยบ้างไหมในวันที่โลกเหงา
เศร้าบ้างไหมในวันที่โลกหมุน
รู้บ้างไหมในใจฉันมีแต่คุณ
สุดอาดูรกลั้นน้ำตาคราจากกัน
เธอบอกให้ฉันเช็ดน้ำตา
แต่เอ๊ะทำไม(เธอ)ถึงเบือนหน้าหนี
หันกลับมายิ้มเถิดนะคนดี
จากกันครานี้พี่ให้สัญญา
ว่าจะกลับมามอบแหวนหมั้น
เพื่อไม่ให้เธอนั้นพรั่นหวั่นไหว
เป็นเครื่องยืนยันถึงความมั่นใจ
ว่าจะไม่มีใครนอกจากเธอ...
27 ธันวาคม 2546 20:47 น.
ธีรนันท์
ชีวิตคือ.....สิ่งใดกันเล่า
คือความว่างเปล่าหรือความฝัน
คือความสุขหรือทุกข์ไปวันวัน
คือสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่รอคอย
คือ ความจริงความฝันที่ต้องคว้า
คือแววตาที่โศกเศร้าและสุขสม
คือความรักความอาลัยที่ทุกข์ตรม
คือความขมของวันวานที่ผ่านไป
คือปัจจุบันที่เหว่ว้าน้ำตาไหล
คือกายใจที่หัวร่อและเริงร่า
คือความตายที่กรายใกล้เข้ามา
คือสิ่งดีอันสูงค่าที่ได้ทำ.....
คือหลายสิ่งหลายอย่างที่คนคิด
คือดวงจิตที่ลื่นไหลในกาลผัน
คือความจริงที่โหดร้ายว่ายเวียนวัน
คือความฝันอันโศกเศร้าเคล้าน้ำตา.
คือความฝันความจริงที่ยิ่งใหญ่
คือกำไรแห่งชีวิตลิขิตฝัน
คือก้าวย่างแห่งวันวัยที่ต่างกัน
คือนิรันดิ์สรรค์สร้างทางให้เดิน.
26 ธันวาคม 2546 01:15 น.
ธีรนันท์
ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้
มีเพียงใจบางบางท่ามกลางลมหนาว
มีเพียงความคิดถึงชั่วครั้งคราว
มีเพียงเรื่องราวอยากเล่าสู่กันฟัง.
หน้าหนาวนี้หนาหนาวยิ่งนัก
สั่นไปทั่วพักตราแขนขาไหล่
อีกทั้งอกหน้าท้องและหัวใจ
อยากมีใครบางคนชนแก้วกัน..
25 ธันวาคม 2546 12:28 น.
ธีรนันท์
รักเราเริ่มร้าว รอนรอน
เอื้ออาทรที่มี มอดม้วย
เหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยว สงสาร
หวั่นเพียงน้องนางนั้น หนีหน้า ข้าห่าง.
25 ธันวาคม 2546 12:25 น.
ธีรนันท์
เธอก็รู้ใช่ไหมว่าความเหงาเป็นเช่นไร
มันไม่เข้าใครออกใครแม้แต่ฉัน
ซึ่งในความรู้สึกนั้นคิดว่าเธอคงเป็นเช่นกัน
อยากให้วันเวลาที่เงียบงันนั้นผ่านไป (โดยไม่เหงา,มีเราสองคน)
ความเงียบเป็นบ่อเกิดแห่งความเหงา และเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา
18 พย.46