25 ธันวาคม 2546 12:18 น.
ธีรนันท์
แสงโสมส่องกระจ่างที่กลางหาว หมู่ดวงดาวพราวพร่างกลางเวหา
คิดถึงหน้านวลน้องเคยจ้องตา หวั่นอุราพาดวงจิตคิดไปไกล
ป่านฉะนี้นวลนางอ้างว้างนัก ได้พิศพักต์นวลอนงค์คงสุขี
อยากเคียงข้างนวลน้องสองชีวี ตราบเท่าที่มีตะวันและจันทรา.
20 ธันวาคม 2546 22:05 น.
ธีรนันท์
ร้อยเรียงความผูกพันความห่วงใย
สานกำลังใจให้หายล้า
ถักทอสายใยผ่านกาลเวลา
แค่อยากบอกเธอว่า ขอบคุณ
เพียงมีเธอที่ตรงนี้
เข้าใจดี...มีเธอรู้สึกอุ่น
ทุกหยาดน้ำค้างพราวยามอรุณ
ขอช่วยหนุนให้เธอส่องแสงดุจดาว.
17 ธันวาคม 2546 21:34 น.
ธีรนันท์
เธอเปรียบฉันเหมือนน้ำ
เปรียบตัวเธอเองเช่นน้ำมัน
ที่ไม่มีวันเข้ากันได้
ฉันจึงคิดใหม่ในมุมกลับ
เพื่อให้ตัวเองสบายใจ
ถ้าหากจุดไฟลงไปบนน้ำมัน(ที่อยู่บนน้ำ)
มันก็จะลุกไหม้ให้ความร้อน
ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงขั้นตอน
ของการอ้อนวอน...ให้น้ำมันนอนแนบนิ่ง นาบน้ำนั้น.
17 ธันวาคม 2546 20:59 น.
ธีรนันท์
เขจรร่อนปีกปัด ฟัดลม
ถลาขึ้นเวหาสชม แช่มช้อย
หุบปีกล้อเล่นลม ลิบลิบ
ล่วงล้ำยามเช้าแล้ว ลาลับ กลับรัง.
มนุษย์ใยมิใช่เฉก เช่นกัน
เช้าตื่นขึ้นมาพลัน เร่งรีบ
แม้ใจจะรวดร้าว (ก็) เร่งรุด
สู่จุดหมายปลายทาง ที่หวัง ตั้งใจ.
จิตประหวัดถึงอนงค์ นางนั้น
ค่ำคืนอยู่ร่วมกัน กกกอด
เช้ามาหายหน้าลับ กลับสู่ เหย้าเรือน
สน-ธยาเธอมาสู่ สถานที่ เคยเคียง.