28 ธันวาคม 2546 19:27 น.
ธีรนันท์
ลมพัดใบไม้ไหวใจครวญคร่ำ
สู่โมงยามความเศร้าสร้อยละห้อยหวน
ลมหยุดนิ่งสรรพสิ่งล้วนแปรปรวน
ข้างในหวนร่ำร้องไห้ใครจะรู้
28 ธันวาคม 2546 19:24 น.
ธีรนันท์
ครั้งหนึ่งฉันเคยปวดร้าวกับคำลา
โดยที่ตัวเองแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
เดี๋ยวนี้ฉันเอาความรู้สึกนั้นมาเป็นครู
เวลาหดหู่เมื่อรู้สึกว่าเธอ(คนใหม่)กำลังจะลาฉันไป.
ก็คงทำได้เพียงเท่านี้
อีกสิบล้านวิธีใครจะมีกำลังทำไหว
แค่ผู้ชายตัวเล็กเล็กที่เคยมีหัวใจ
ต่แต่นี้ไปคงยากรักใครเพราะใจมันด้านชา.
ขอกลับคำใหม่ดีกว่า
เพราะว่าเป็นนโยบายของทักษิณ
คิดใหม่ทำใหม่อย่าให้ใจมีราคิน
จะโบยบินจากฟ้ากฟ้าหารักแท้.
28 ธันวาคม 2546 19:11 น.
ธีรนันท์
แม้กาลจะผันผ่าน
ดุจตะวันที่เคลื่อนคล้อย
สุขทุกข์จะรอคอย
ความท้อถอยเลื่อนลอยมา
ดาราที่พร่าพราว
โปรดเถิดเจ้าอย่าหายหน้า
ส่องลงมาจากฟากฟ้า
นำทางข้าฯ สู่จุดหมาย
เพราะข้าฯไม่มีใคร
มีเพียงใจที่หดหู่
กลางคืนเพียรเฝ้าดู
หมู่ดวงดาวที่พราวเด่น
เหม่อมองอย่างมุ่งมั่น
จิตประหวั่นพรั่นพรึงใจ
กลัวเจ้าอับแสงไป
จะมีใครคอยนำทาง.
28 ธันวาคม 2546 19:04 น.
ธีรนันท์
ผมนอนอยู่ใต้ร่มไผ่
ซึ่งต้องลมพัดไหวเอนลู่
ยินสรรพสำเนียงเสียงพรั่งพรู
แล้วหยุดอยู่เมื่อลมพัดผ่านพ้น.
ใครจะรู้ดวงใจที่ไหวเอน
เช่นใบไผ่ที่ต้องลมขมขื่นหนอ
ต้องอุปสรรคขวากชีวิตจิตทดท้อ
หวังเพียงรออุปสรรคหักผ่านพ้น.
28 ธันวาคม 2546 18:54 น.
ธีรนันท์
ไต่เต้าแต่งแต้มเติมเต็ม
และเล็มละเลียดละอองฝัน
ฝักใฝ่ฝึกฝนฝ่าฟัน
ฟากฟ้าทะเลฝันนั้นห่างไกล
ยอดหญ้าเรี่ยดินกลิ่นหมอก
ช้ำชอกเฉื่อยชาเหี่ยวเฉา
น้ำค้างหยาดหยดรดเรา
ดอกหญ้าอับเฉาเปล่าดาย.