31 มีนาคม 2553 14:01 น.
ธาตรี พฤกษา
หวานรอยยิ้มอิ่มเอมเต็มใบหน้า
หอมวาจาถ้อยคำอันฉ่ำชื่น
อุ่นความรักมีให้กันทุกวันคืน
ล้วนเริงรื่นเรื่องราวเล่าลงริน
"สุวรรณภูมิ"แดนทองเกริกก้องเกียรติ
งามละเอียดเอกสันทัดหัตถศิลป์
ราชวงศ์องค์กษัตริย์พิพัฒน์แผ่นดิน
พระภูมินทร์ปิ่นรัชคู่ฉัตรชัย
เทศกาลงานบุญหนุนกุศล
เป็นมงคลทุกสิ่งล้วนยิ่งใหญ่
เทศกาลรื่นเริงบันเทิงใจ
ก็เป็นแบบไทยไทยสบายดี
ทั้งสงกรานต์ปีใหม่ได้ครึกครื้น
เดินทางกลับหวนคืนผืนถิ่นที่
เยี่ยมพี่น้องลุงป้าบรรดามี
กราบพ่อแม่หอมแก้มทีมีเวลา
ความทรงจำย้ำเตือนเดือนปีผ่าน
ทุกวันวารจำได้มิไร้ค่า
หวานรอยยิ้มหอมคำจำนรรจา
เหมือนพึ่งพานผ่านมาเมื่อวานซืน
แต่วันนี้ฉันกำลังจดจำใหม่
ภาพไทยไทย*สีเทาเทาเศร้าขมขื่น
เสียงข่มเหงเสียงเย่อหยิ่งเสียงยิงปืน
ต่างหยิบยื่น***จุดจบ ให้***ชาติไทยแล้ว!
ธาตรี
3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553
30 มีนาคม 2553 22:11 น.
ธาตรี พฤกษา
เหรียญทุกเหรียญมีสองด้านการแตกต่าง
มีขอบกลางกั้นจึงเป็นหนึ่งเหรียญ
ทั้งในนอก...ออกแบบ...ไว้แนบเนียน
ลายขีดเขียนพิมพ์อัดเนื้อชัดเจน
ไม่มีเหรียญใดใดในโลกนี้
จะเหมือนกันทุกที่ทั้งสีเส้น
ด้านขวาซ้ายหงายคว่ำตามกฎเกณฑ์
มิได้เด่นเพราะสร้าง..มา"ต่างกัน"
อนึ่งเปรียบเทียบได้คนในชาติ
ประชาราษฎร์ประเทศทุกเขตขัณฑ์
ล้วนแตกต่างทางความคิดสิทธิ์เท่าทัน
แต่สิ่งนั้นต้องไม่แตกแบ่งแยกไป
เหรียญก็เหมือน...ประเทศ...หมายเหตุว่า
ประกอบด้วยปวงประชาที่อาศัย
ถ้ากลมเกลียวเหนียวรักสมัครใจ
ก็เหมือนได้ เหรียญงาม"ความสมบูรณ์"
แต่เมื่อใดไร้รักสมัครร้าว
คงถึงคราวที่ชาติอนาถสูญ
เหรียญเป็นรอย ย่อยยับ บิ่นกับนูน
กระแทกปูน...ก็แยก...แตกกระจาย
มีขอบกลางขวางกั้นด้านทั้งสอง
อยากให้มองพระจักรีเป็นที่หมาย
เหรียญกลมกลมสมบูรณ์คุณมากมาย
"แบ่ง"สองฝ่ายแต่หนักแน่นเป็นแก่นเดียว
เหรียญจะงามไม่ได้ถ้าไม่ต่าง
เหรียญจะบางหรือแสนจะแน่นเหนียว
เพราะคำว่า"สามัคคีที่กลมเกลียว"
"ไทย"ยึดเหนี่ยว คำนี้..."มีหรือยัง".????
ธาตรี พฤกษา
29 มีนาคม 2553 23:44 น.
ธาตรี พฤกษา
เมืองพิจิตรพบปะอนุสรณ์
คือดินดอนแห่งแดนแคว้น"สระหลวง"
วิถีคนรุ่นหลังสิ่งทั้งปวง
ไม่เคยล่วงลาลับไปกับกาล
ทั้งเรื่องเล่าเก่าแก่มีแต่ก่อน
ทุกบทตอนพวกเรายังเล่าขาน
ชาละวัน ไกรทอง ร้องนิทาน
ปากต่อปาก เล่าตำนาน ต่อกันมา
หลวงพ่อเพชรกราบกันคู่ขวัญแคว้น
สุดหวงแหน แห่งพระ ศาสนา
ประดิษฐาน เคียงคู่ ให้บูชา
ผู้คนต่างศรัทธาสาธุการ
มี ส้มโอท่าข่อย อร่อยปาก
เป็นของฝากถูกสดรสเปรี้ยวหวาน
อีกข้าวเจ้า เมื่อจะ รับประทาน
เมล็ดสารสวยหอมพร้อมมากมาย
แข่งเรือยาว ประเพณี ที่พิจิตร
ชวนหมู่มิตรมาชมสุขสมหมาย
ญาติพี่น้องเชิญมาอย่าดูดาย
ช่วยลุ้นฝ่ายหนึ่งใดที่ใฝ่ปอง
บึงสีไฟงามแท้ชวนแลเหลียว
ที่ท่องเที่ยวโสภีไม่มีสอง
ธรรมชาติงดงามตามครรลอง
ท่านไม่ต้องเที่ยวถิ่นแผ่นดินไกล
ชื่อ พิจิตรพิศชมก็สมชื่อ
นามระบือยืนยงน่าหลงใหล
งามดินแดนงามล้ำงามน้ำใจ
ผูกสายใยสัมพันธ์อยู่นานเนือง
ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือเมื่อประจักษ์
คนรู้รัก ศิลป์ศาสตร์ จนปราดเปรื่อง
หลวงพ่อเงินผดุงถิ่นรุ่งเรือง
พิจิตรเมือง วิจิตร ....พิจิตรจริง
ธาตรี พฤกษา....
26 มีนาคม 2553 12:11 น.
ธาตรี พฤกษา
"คงทำเรื่องขอพระราชทานยศ พลตำรวจเอกให้ผม ตอนผม...ตายแล้ว" สมเพียร เอกสมญา
โศกเอ๋ยโศก แสนเศร้า เรื่องราวนี้
คงไม่มี คำกล่าว บอกเล่าได้
เกียรติประวัติ ที่เจ็บปวด ตำรวจไทย
มันยิ่งใหญ่ บอบช้ำ สุดลำเค็ญ
กี่ร้อยศพ ร้อยร่าง บนทางเสี่ยง
ไม่เคยเลี่ยง หน้าที่ มีให้เห็น
เลือดต่อเลือด ปรากฎ หยดกระเด็น
ทั้งหมดเป็น สิ่งตอบแทน คุณแผ่นดิน
นานสี่สิบ กว่าปี ที่ออกรบ
ผู้คนพบ ล้วนรัก รู้จักสิ้น
จ่าขาเหล็ก ไปไหน ก็ได้ยิน
สู้โจรใต้ ไพริน จนสิ้นลม
คงไม่มี คำใด ให้เกียรติสุด
เท่าคำว่า "วีรบุรุษ" ผู้ขื่นขม
โศกเอ๋ยโศก น้ำตา มาชื่นชม
สมยิ่งสม นาม"สมเพียร...เอกสมญา"
ธาตรี พฤกษา.....
ความฝันอันสูงสุด
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู่ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียหายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๔๓ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๑๔
ขอไว้อาลัยแด่ผู้ที่ตาย และผู้ที่กำลังจะต้องตาย...นับถือยิ่ง...
26 มีนาคม 2553 11:32 น.
ธาตรี พฤกษา
เคยได้ยินลิ้นกับฟันขัดกันบ่อย
แม้นไม่ค่อยถูกกันบ้างบางวิถี
แต่ยามกินลิ้นกับฟันช่วยกันดี
ทำหน้าที่ลิ้มรสบดเคี้ยวลง
ฟันอาจจะกระทบกระแทกบ้าง
แต่ทุกอย่างมิได้หมายประสงค์
จะตั้งใจกระทำตามจำนง
ล้วนแต่คงพลั้งเผลอเมื่อเจอกัน
แต่คนเราประสบเมื่อพบหน้า
บ้างจะเข่นจะฆ่าให้อาสัญ
ต้องมุ่งร้ายราวีผลาญชีวัน
เพราะเหตุอันผิดใจจึงได้ทำ
ส่วนคนดีมีมากที่หลากหลาย
ทั้งหญิงชายยอยกไม่ตกต่ำ
กลายเป็นเหยื่อโฉดฉ้อพวกก่อกรรม
ที่ชักนำความชั่วใส่ตัวตน
เห็นเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่เนืองนิตย์
ทำให้คิดตระหนักในมรรคผล
เมื่อพี่น้องชุมนุมตั้งกลุ่มชน
เหมือนยิ่งลนไฟเผาตัวเราเอง
อ้างประเทศ...ยุติธรรมต้องนำหน้า
แท้จริงมาทีหลังหวังข่มเหง
เป็นนักรบแต่หาญหักเหมือนนักเลง
เป็นคนเก่งในนาม...ความปราชัย
หยุดทำร้ายประเทศไทยในวันนี้
สามัคคี...จับมือกัน...สู่วันใหม่
ผู้ที่ทุกข์ห่วงประชามากกว่าใคร
คือ...องค์พระภูวไนยของไทยเรา
ลิ้นกับฟันเคียงคู่อยู่ในปาก
คงไม่อยากขัดกันเหมือนวันเก่า
เป็นสหายหลายกาลเนิ่นนานเนา
เมื่อไหร่เล่าคนจะรัก"สามัคคี"
ธาตรี พฤกษา ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นครับ