23 พฤศจิกายน 2552 13:27 น.
ธันวันตรี
๏ สายรุ้งคำนับโค้ง ภูไพร
สินธุกรูกระแสใส จูบพื้น
ส่ำสัตว์ดาษดื่นไป ทั่วป่า
สินทรัพย์สมบูรณ์ชื้น- ชุ่มน้ำทำกิน
๏ อินทรีสอดส่องคุ้ม ครองหาว
กาต่างมีสีขาว ผ่องแผ้ว
เขาชวาโฉบเฉี่ยวดาว สันติ
พิราบขาวผงาดแกล้ว กู่ก้องพสุธา
๏ ชาวประชากินอยู่เข้ม- แข็งกัน
การเกษตรรังสรรค์ รุ่งเรื้อง
ผลผลิตต่างแบ่งปัน บริโภค
เศรษฐกิจพอเพียง เบื้อง บาทไท้นำทาง
๏ โบสถ์วิหารปรางค์สถูปป้อม โอฬาร
ระบำเล่นรำขับขาน ครึกครื้น
วรรณศิลป์กล่อมวิญญาณ วิเศษยิ่ง
ศิลปะศิลปินฟื้น เฟื่องฟุ้งเฉลิมขวัญ
๏ ทุกวันทุกทุกบ้าน ทำดี
ทุกถิ่นศีลธรรมมี มากล้น
ทุกศาสน์พิสุทธิ์ศรี สมบ่ม บุญเฮย
ทุกมนุษย์ต่างหลุดพ้น ทุกข์ร้ายทุกประการ
๏ สื่อสารส่งดอกไม้ เจรจา
สัตย์มั่นเหมือนภูผา สง่าถ้วน
ปรองดอง ทั่วพารา สงบทั่ว
ยิ้มระรื่นเย็นชื่นล้วน รอบทั้งธรณิน
๏ ธรณินจรัสจ้า จักรวาล
ทุกมิติบูรณาการ เด่นด้าว
ธรรมชาติโยงผสาน สู่สม-ดุลแฮ
แลเลิศเจิดอะคร้าว เปรียบคล้ายพิมานแมน
๏ พิมานแสนสุขนี้ ใครสรรค์
ฤๅแค่เพียงความฝัน ใฝ่ฟ้า
ฤๅเราร่วมมือกัน หมายมั่น
สร้างสวรรค์สู่หล้า สุขหล้าแหล่งสยามฯ
1 พฤศจิกายน 2552 14:09 น.
ธันวันตรี
๏ ไฟประทีบอร่ามฟ้า เฟือนจันทร์
สายนทีสีสัน สว่างเรื้อง
ใบตองจีบอย่างบรร- จงจัด
ลอยกระทงขมาเบื้อง แม่เจ้าคงคา
๏ สีแสงแข่งสีสัน
ลางเลือนจันทร์อันแจ่มจ้า
กระทงน้อยลอยธารา
ขอขมาแม่นที
๏ ตั้งจิตอธิษฐาน
ขอพบพานสิ่งดีดี
ใดใดร้ายร้ายหนี
ชีวีชื่นรื่นร่มเย็น
๏ ลมหนาวลอยพัดพลิ้ว
กระทงลิ่วรี่แลเห็น
ลมหนาวคราวคืนเพ็ญ
ไม่หนาวเช่นหนาวทรวงใน
๏ ลอยลอยแลอ้างว้าง
ไม่เหมือนอย่างของใครใคร
เป็นคู่คลอกันไป
บ้างเป็นสายสายรายเรียง
๏ ทุกวันลอยกระทง
สักวันคงมีคู่เคียง
ภาวนาไร้ศัพท์เสียง
เสี่ยงความหวังฝากฝั่งชล