4 พฤษภาคม 2549 11:44 น.
ธราญา
*** เมืองมนุษย์ ทำผิด อาจปิดบัง
ไม่ถูกขัง ถูกทำโทษ รอดชีวัน
แล้วโทษทัณฑ์ จะลงใคร โลกไร้ธรรม
เมืองโลกันตร์ ยุติธรรม ไม่เอนเอียง
มีชายแก่ผู้หนึ่ง เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่สมัยหนุ่มๆ มีอาชีพปล้น ลักทรัพย์ชาวบ้านไปทั่ว
อยู่มาคืนหนึ่งขณะที่เขาปีนหน้าต่างเข้าไปบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีสามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งนอนหลับอยู่ เขาปีนเข้าไปเปิดตู้ เปิดหีบ ซึ่งมีทรัพย์สมบัติอยู่จำนวนหนึ่ง มันมากพอที่เขาจะตั้งตัวได้เลยถ้าเขาได้มันทั้งหมด
เขาตั้งใจไว้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะปล้นลักทรัพย์ชาวบ้าน แต่คืนนั้นชายวันกลางคนเจ้าของบ้านตื่นขึ้นมากลางดึกพอดี เขาตกใจที่เห็นโจรหนุ่มขึ้นบ้านร้องเสียงดังลั่นสนั่น
ส่วนโจรหนุ่มด้วยความตกใจและกลัวเสียงของเจ้าของบ้านจะทำให้คนแถวบ้านตื่นกันหมด เขารีบชักมีดสั้นออกมาแทงแล้วเอามือปิดปากเจ้าของบ้าน เลือดสาดเต็มตัวชายวัยกลางคนตายคาที่
จากนั้นโจรหนุ่มก็หนีไปได้โดยปลอดภัย น่าแปลกที่เขารอดจากตำรวจได้อย่างสบายๆ ใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาพยายามปฏิบัติตนเป็นคนดี เลิกอาชีพลักขโมยไปเลย
และทำบุญกุศลให้กับชายเจ้าของบ้านที่เขาฆ่าไปนั้น โดยหวังว่าบุญกุศลที่ทำจะสามารถลบล้างบาปกรรมที่เขาทำได้
เขาดำเนินชีวิตปกติเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป และตายด้วยโรคชราในที่สุด
วิญญาณบาป เมื่อตายลง มิรอดเล็ด
หอวิเศษ กระจกส่อง กรรมอดีต
ปรากฏชัด การกระทำ ครั้งมีชีวิต
มิอาจปิด ต้องรับทัณฑ์ พึงสังวร
พอชายแก่ตาย วิญญาณก็ลงสู่นรก ท่านนายพลคุมนรกก็ให้ชายแก่ผู้นี้มายืนที่หน้ากระจกบานหนึ่ง ซึ่งถ้าคนธรรมดาเห็นก็คงคิดว่าเป็นกระจกวิเศษอย่างแน่นอน เพราะสามารถเห็นความผิดของชายแก่ที่ทำไว้ในตอนมีชีวิตอยู่
แต่ในความเป็นจริงแล้วชาวโลกจากวัยเด็กถึงวัยแก่ ในชีวิตของตนสร้างบาปหนักหนา แต่มนุษย์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ การกระทำของตนเองย่อมรู้จิตใจของตัวเอง ก็คือกล้องถ่ายรูปกล้องหนึ่ง เก็บเอาการกระทำต่างๆ ในขณะที่อยู่ในโลกมนุษย์เอาไว้ นี่แหละ คือ กระจกใจ
ถึงแม้ว่าชาวโลกแอบกระทำความผิด โดยผู้อื่นไม่สามารถรู้เห็น แต่ทุกคนถามใจตัวเอง ตัวเองย่อมรู้ การใช้มือเท้า การเดินเหิน ก็ไม่อาจพ้นจากการบัญชาของหัวใจ
ดังคำที่คำพุทธท่านกล่าว กฏทุกกฏล้วนเกิดจากใจ ดังนั้นผู้ที่ทำบาปก็จะได้รับกรรมที่ตนได้ทำไว้ทุกประการ
ชายผู้นี้ถูกลงโทษให้เอามีดแทงตัวเองเลือดสาดเต็มกระจก ตัดมือตัวเองด้วยเพราะไปลักทรัพย์ผู้อื่น เขาได้รับความเจ็บปวด และความทรมานที่ตนเองได้ก่อไว้กับผู้อื่น
เปรียบได้ดังสุภาษิตที่ว่า กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง
2 กันยายน 2548 11:19 น.
ธราญา
หมาขี้เรื้อนคุณเป็นเช่นนั้นหรือไม่
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน เพื่อเห็นแก่แม่บัณฑิตใหม่หมาดจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาอาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน แต่ก็นั่นแหละกว่าจะ 'นิ่ง' ก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิดและชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัยไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปที ล้างไปบ่นไปตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูงมีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตูนึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง วันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชาอุตส่าห์เขียนคำวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัดได้ร่วมยี่สิบข้อ เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่า ล้าสมัย รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัย ก้าวไกลมามากแล้วไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูกอีก
หนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำหลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ "เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อนคันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้น เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจหาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักทีเลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคเรื้อนซึ่งเกาะกินอยู่บนหลังของตัวมันเองนั่นต่างหาก" พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนา หลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นว่ายนึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง แม้เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่ง พรรษา" โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการ กราบลาพระลูกชายแล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า 'หมาขี้เรื้อน' ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
7 พฤษภาคม 2548 16:25 น.
ธราญา
สิงโตตัวหนึ่งคบหากับสัตว์สามตัวเป็นสหาย
คือหมาป่า สุนัขจิ้งจอก และแกะ
ทั้งสี่อาศัยอยู่รวมกัน และออกหากินด้วยกันอย่างสงบ
วันหนึ่งสิงโตเกิดสงสัยขึ้นมาว่าตนมีกลิ่นปากไหม กลิ่นนั้นเป็นอย่างไร? จึงเรียกสหายทั้งสามมาไขข้อข้องใจ
หมาป่าเป็นสหายตัวแรกด้วยความสนิทสนมจึงตอบอย่างมั่นใจว่า กลิ่นปากของท่านน่ะแรงเหมือนช้างเน่า
สิงโตได้ฟังก็รู้สึกโกรธ หาว่าพูดตรงเกินไปจึงรับไม่ได้เลยตะปบหมาป่าเสียตาย
สุนัขจิ้งจอกสหายตัวที่สอง ครั้นเห็นหมาป่าโดนตะปบต่อหน้าจึงพูดเอาใจสิงโตว่า ท่านน่ะไม่มีกลิ่นปากหรอก แถมยังมีลมหายใจสดชื่น
เมื่อสิงโตได้ฟังก็ตวาดสุนัขจิ้งจอกว่าพูดจาประจบ จากนั้นก็ตะปบสุนัขจิ้งจอกตายตามหมาป่าไป
ถึงคิวของเจ้าแกะมันตอบว่า เพื่อนเอ๋ยตอนนี้ข้าเป็นหวัดอยู่ หายใจยังไม่คล่อง จมูกนี้ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย
สิงโตพอใจกับคำตอบของแกะเป็นที่สุด อมยิ้มด้วยความสุขใจ
นี่แหละข้อดีของการเป็นหวัด ขำขำนะ