8 สิงหาคม 2551 22:54 น.
ธรรมาเสรี
ตะวันลับขอบฟ้า ราตรี
หมู่สัตว์หลายหมื่นมี อยู่เหย้า
พลันผันเปลี่ยนไพรี สงัดเงียบ
เหลือแต่พี่คอยเฝ้า น้องเจ้าลาไกล
หอมพงไพรกลิ่นพื้น พนา
หอมหมู่มวลพฤกษา กลิ่นคลุ้ง
ดั่งเจ้าชื่อกัลยา ของพี่
พฤกษชาติขจรฟุ้ง เที่ยงแท้นารี
หอมราตรีกลิ่นแก้ว กัลยา
หอมค่ำยังมิลา ห่างเจ้า
หอมจิตชื่นชีวา ดั่งหน้า เจ้านา
หอมกลิ่นราตรีเฝ้า พร่ำเพ้อถึงนาง
มองเดือนช่างสุดเศร้า กมล
เหมือนดังได้ยินยล น้องเจ้า
แต่กลับลบลางจน ไร้พักตร์ เจ้านา
มวลหมู่เมฆส่อเค้า เคลื่อนคล้อยมาบัง
เสียงเรไรร่ำร้อง ระงม
แสนสุดเศร้าระทม หม่นไหม้
ห่วงเจ้าสุดตรอมตรม ใจพี่ จริงแท้
บ่มีเว้นร่ำไห้ ห่วงเจ้านางเดียว
8 สิงหาคม 2551 22:37 น.
ธรรมาเสรี
ชีวิตเกิดแก่แท้ เจ็บตาย
มิเลี่ยงหลีกหนีหาย ผ่านพ้น
สังขารร่วงวางวาย เวียนว่าย
มิอาจอยู่ค้ำฟ้า จักต้องมรณา
อนิจจาเที่ยงแท้ บ่มี
ต่างย่อมม้วยชีวี บ่เว้น
ผิเหินห่างหลบหนี พ้นไม่
แม้นว่าจะหลีกเร้น เช่นนั้นน่าขำ
ทำความดีส่งให้ รับบุญ
ทำบ่มีผลสุญ เร่งสร้าง
ประชาต่างเห็นคุณ โทษบ่มี
คนจึ่งทำมิร้าง บ่กั้นทางสวรรค์
พลันทำชั่วเร่งให้ รับบาป
ต่างย่อมรู้ผลทราบ จะแจ้ง
ดุจมล้างชีพด้วยดาบ สิ้นแน่
คนกลับยังเสแสร้ง ดั่งแกล้งหลอกตน
ทุกคนก็ต่างล้วน มรณา
เหลือสิ่งใดตราค่า ชีพได้
แม้นลาภยศจินดา ปรากฏ
มิอาจเกี่ยวยึดไว้ เที่ยงแท้สัจธรรม
7 สิงหาคม 2551 22:24 น.
ธรรมาเสรี
สักวาชีวิตนี้มีคุณค่า
สรรเวลาก่อเกิดความเป็นศรี
ด้วยประพฤติปฏิบัติตั้งจิตดี
เพื่อสุขีชื่นฉ่ำในกายกมล
จงตั้งมั่นกายจิตมิคิดชั่ว
มิหมองมัวในทุกข์ทุกแห่งหน
อย่ามัวเมาเฮฮาปะเปปน
อย่าให้อับจนในหนทางเลวเอย