12 สิงหาคม 2548 22:56 น.
ธรรมาภิวัฏ
นอนสาหล้า
นอนสาหล้าหลับตาแม่สิก่อม
นอนอู่แก้วนอนแล้วแม่สิไกว
มีหวีก้วยแม่สิเอามาป้อน
มีจอนฟอนแม่สิเอามาหมก
มีบักจกแม่สิขุดเอากลอย
คอยท่าเจ้าหลับตาสาหล่า
ตื่นขึ่นมาแม่สิหยั่มเข่าบาย
คายเข่าป้อนนอนเด้อสาหล่า
เจ้าอย่าถ่าหลับตาไว๊ไว๊
แม่สิไปสานปลาสานปู
เอามาซูมาให่เจ้าเบิ่ง
อย่าสิเพิ่งอุเอ้อุแอ้ว
นอนลงแล้วเจ้าสิเห็นนางฟ้า
เทวดาเพิ่นสิมาพาเที่ยว
มาเป็นเสี่ยวสิได้ผูกแขน
ให่เจ้าแถนเอาแหวนมาซู
มีส่งซูส่งลายซูเจ้า
ให่เจ้าฟ้าวหลับตาหล่าเด้อ
หลับแล่วเด้อสิใหญ่ไวไว
ฮักเจ้าหลายแม่บ่ไปใสดอก
บ่ได้หยอกตั๋วเจ้าลูกหล่า
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
เจ้าบ่นอนขี้เจี้ยมกินตับ
เจ้าบ่หลับขี้เจี้ยมสิหยอก
บ่ได้บอกตั๋วเจ้าฟ้าวนอน
เอ่เหเอ้เห่ะเอ่เห่เอ่
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
นอนอูแก้วนอนแล้วแม่สิไกว
7 สิงหาคม 2548 20:47 น.
ธรรมาภิวัฏ
..เช้าเย็นร่ำย่ำเวรุ่ง
แดดแสงสูงดวงดาลับ
..ถึงเพลาชีวาจับ
สดับสรรพบรรเลงดง
ถึงดงถึงพนา
ถึงเวหาวิหคผิน
ถึงเหล่าวรีริน
สรรพสัตว์สิ่งละโลดเดิน
..เดินไปกลางสายธาร
ที่หมุนผ่านกงกาลเวล
ยังคงเดินกะเกณฑ์
ที่เป็นเวลอันเที่ยงธรรม
เที่ยง ทรง ตรง คงวิ่ง
บ่ละสิ่งแลลาหลัง
..ลับไปกลางไพรวัน
เพื่อหมุนวันเปลี่ยนเวียนเวล(วน)
6 สิงหาคม 2548 01:27 น.
ธรรมาภิวัฏ
๑ สงัดหนึ่ง ณ ราตรี
ลักษมีสงัดเงียบ
วิเวกโลกโศกจักเปรียบ
กระทบเทียบนฤกานต์
๒ เกิดกล้ำกระหน่ำซ้ำ
โศกจักพลันมหาศานต์
พินาศใดจักปาน
เทวษธารจักท่วมทัน
-----------------------------------
๓ รักแล้วสนิทรัก
กลับผลาญผลักประจักกั้น
ฤาชั่วทั้งชาติชั้น
ก็จักพรั่นประหวั่นใจ
๔ ผลาญใจให้วายวอด
ให้ไหม้มอดโหมมอดไหม้
ร้าวรักสักปานใด
อย่าเจือไว้ในแววตา
๕ ทุกคำที่พร่ำพรอด
อย่าทดทอดเลยอุษา
เชือดแล้วในแววตา
ผิเจือมาว่าเว้าวอน
๖ เลือดพี่จักหลั่งริน
สังเวยสิ้นแด่อัปสร
ซึ่งนางจักต่างพร
มาทอทอนบันเทิงเท้า
-----------------------------------------
๗ แต่รักก็จักรัก
มิเคยหักสักแผลเก่า
แม้นกลับคืนแนบเนา
ก็จะเฝ้าอภัยเดือน
๘ แม้นดาวจะมิเห็น
ที่เคยเป็นดั่งฉันท์เพื่อน
วอนดาวอย่าพราวเชือน
แม้นจะเลือนอยู่ร้างแรม
------------------------------------------
๙ อดีตที่เคยฝัน
ปัจจุบันยังแน่นแฟ้น
ความหลังยังพลันแต่ง
แม้จะแต้มด้วยร้าวราญ
๑๐ วอนฟ้ามาผสม
วอนสายลมมาผสาน
พัดใจที่ร้า(ล)ราญ
ให้ปสานสู่ดวงใจ
------------------------------------------
๑๑ เพ้อเจ้อและเพ้อฝัน
มิมีวันเป็นไปได้
ปาฏิหาริย์หรืออย่างไร
จะเหลือไว้ในโลกา(โลกนี้มันไม่มีปาฏิหาริย์)
๑๒ สนุกทั้งทุกข์เศร้า
หัวร่อเร่าเคล้าน้ำตา
ฝันไปก็เปล่าค่า
กูแค่หมาเห่าพระจันทร์
๑๓ พระจันทร์ฤาจะร่วง
คนทั้งปวงก็จะพรั่น
หัวร่อก็จะหยัน
" มึงหน่ะมันหมาไม่มีหัวสมอง......!! "(ไอ้คนไม่มีสมอง)
๑๔ " หลับตาฝัน.. " เถิดหมาเศร้า
ธเนตรเคล้าน้ำตานอง
ฝันได้ดั่งใจปอง
คงต้องใจในฝันนั้น
------------------------------------------
๑๕ กลับสู่โลกความจริง
ในเรื่องจริงต่างทางฝัน
มนุษย์ไม่จีรัง
ส่วนความหวัง " ก็ไม่ยั่งยืน....!! "
๑๖ พบเธอในฝันนั้น
คงพบวันหักพังครืน(ฝันสลาย)
เพราะเรามิอาจฝืน
ในค่ำคืน " แห่งโชคชะตา......!! "
๑๗ " เราต่างนอนกันคนละคืน
แล้วตื่นจากคืนกันคนละฝัน "
ต่างจากกันห้วงเวลา
เธอดั่งเทพธิดา
ฉันแค่หมาแทบทางเท้า
๑๘ เส้นทางอาจบรรสป
บรรจบพบเพียงสองเรา
ดั่งละครตอนน้ำเน่า
กลับบทเราให้เลิกลา
๑๙ สวรรค์หรือฟ้านั่น
กลั่นแกล้งฉันหัวเราะร่า
หมาน้อยพลอยน้ำตา
อนาจหมา.. รันทดท้อ
----------------------------------------
๒๐ ทางเดินแห่งสองเรา
จบลงเปล่าบ่เล่าต่อ
เพียงคนละทางรอ
คู่ขนานต่างเวลา
---------------------------------------
5 สิงหาคม 2548 04:10 น.
ธรรมาภิวัฏ
ลมลมพัดผิวน้ำสั่นสั่นคลื่น
ใบไม้รื่นระริกริกพลิกไหวไหว
วาววาววับประดับเงินอยู่ไฉไล
วูบวูบไหวแสงฟ้าพาลอยลอย
มองมองงดงามงามทามแสงฟ้า
เย็นเย็นเยียบเลียบสลาว่าหวิวหวิว
โรยโรยรอนอ่อนอ่อนแสงอยู่ปลิวปลิว
ส้มส้มริ้วทิวทองทองมองมองงาม
คิดคิดอยู่นึกนึกใจคิดคิด
คิดคิดอกหวั่นริกริกใจฝันฝัน
แม่ดวงใจใฝ่ระทมในคืนวัน
คิดคิดฝันพรั่นในใจไหมหนอเธอ
4 สิงหาคม 2548 17:15 น.
ธรรมาภิวัฏ
เสียงหมาหอนสลอนมาเพลาค่ำ
สุดชอกช้ำเชือเฉือนเพื่อนรู้ใหม
แลวลมล่องต้องผิวอยู่วิวไว
เหอเหอ.. จงรู้ไว้ผีจะล่องท่องนรา
โบราณว่าคลาได้ยินอย่าผินทัก
กลัวผีลักผีล่องป้องเจ้าไว้
ได้ยินแล้วจงนิ่งเฉยสงบใจ
แล้วจงให้ส่งจิตอุทิศบุญ
..!! อุทิศบุญอุทิศบนสุดทนแล้ว
คงต้องแผล๋วเผ่นไปอย่างไวหนา
จะเยื้อเพื่ออะไรไฉนนา
กูจะบ้าห้วจะตั้งหมดชั่งใจ
ตาถลนเลือดทลักตับแตกปลิ้น
ไส้เกลือกดินแล้วแลบลิ้นยาวถึงขา
สุดสยดสุดสยองจ้องมองมา
กูจะบ้าลมจะจับดับแน่กู