1 กันยายน 2549 23:16 น.
ธนา
ไอ้เบิ้มแห่งโป่งคำ (ตอนจบ)
โดย.ธนา
........เสียงลูกซองเดียวจากใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่ม ดังสนั่นทั้งราวป่า พร้อมกับเสียงร้องแปลกๆของไอ้เบิ้มเจ้าหมีใหญ่ นาครพยายามข่มความรู้สึกจุกเสียดไว้ เป็นนัยว่า อย่าประมาท เมื่อส่วนของร่างการไม่มีส่วนชำรุดเสียหาย นาครก็คลำที่เอวเพื่อหาปืนพกขนาด 9 มม. สมิทฯ โมเดล 3906 ที่พกติดตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหน มันยังอยู่ในสภาพดี พร้อมแม็คกาซีนจุ 8 นัดอีก 2 แม็ค ยังอยู่ครบ ไม่ได้หล่นหายไปไหน ก็เบาใจไปอีกเปาะหนึ่ง
........ยังไม่ทันไร ก็ปรากฏพงป่าข้างบนไหวยวบ ปรากฏร่างดำทะมึนใหญ่ พุ่งลงมา เล่นเอานาครใจหายชาไปทั่วไขสันหลัง
ไอ้เบิ้ม... นาครครางในลำคอ
ตายหะ....กูอยู่คนเดียวด้วย.... เมื่อพระกาฬอยู่ข้างหน้า ไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก เท่าที่ดี ไอ้เบิ้มเจ้าหมีใหญ่ ก็มีอาการที่ไม่สู้ดีนัก ในขณะที่มันพุ่งตัวตกลงมา ท่าทางมันทรงตัวไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ความคล่องแคล่วลดลงไปมาก จังหวะเวลานี้ ใครได้เปรียบก่อนก็ลอด นาครไวเท่าความคิด ยกปืนประทับบ่าทันที จังหวะไอ้เบิ้มกำลังจะตั้งตัวได้ ระยะ ไม่เกิน 10 เมตร นาครกลั้นใจและแล้ว
ตูม....!! เสียงไบคาลเดียวลูกซองคู่ใจคำรามสนั่นทุ่ง ระยะขนาดนี้ ไม่พลาด ลูกซองขนาดเกจ 12 โอโอบั๊ค 9 เม็ด ระเบิดเข้าสู่สีข้างไอ้เบิ้มอย่างจัง จนเห็นกระเซ็นเลือดของมันสาดออกมา ขนสีดำกระจายว่อน
โอ๊กกกกกกกก!! มันร้องพร้อมกับเซตามแรงปะทะของกระสุนลูกซอง นาครไม่ปล่อยโอกาส ระยะไม่เกิน 10 เมตร เป็นระยะอันตราย และไอ้เบิ้มก็ยังไม่ล้ม สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ นาครเหวี่ยงลูกซองเดี่ยวทิ้งลงข้างตัว มือขวากลับชักเอา เจ้าสมิทแอนเวสสัน ขนาด 9 มม. ออกมาจากเอว พร้อมปลดเซฟ พยายามบังคับมือให้นิ่ง เล็งบริเวณลำตัวตรงแผลลูกซองเปิดเอาไว้ แล้ว...
ปังๆๆๆๆๆ..... เสียงรัวถี่ยิบของ 9 มม.กระสุนไฮดราช็อคหัวรู ลั่นออกไปอย่างหูดับตับไหม้
........นาครค่อยๆเสือกเท้าเข้าไปหาเป้าหมายอย่างช้าๆ เพื่อเป็นการรักษาวิถีกระสุนให้เข้าเป้าทุกนัด ได้ผล ไอ้เบิ้มเริ่มเซ ทำท่าจะล้ม หมดแม็คที่หนึ่ง นาครยัดแม็คที่ 2 ตามเข้าไป ปลดคันค้างสไลค์ลง พร้อมก็ลั่นไกต่อ จนหมดชุดที่ 2 ผลคือ ไอ้เบิ้มหมีใหญ่ล้มทั้งยืน นอนชักแล้วค่อยๆแน่นิ่งไปในที่สุด จบเกมเลือดเสียที นาครถึงกับเข่าอ่อน แต่ปืนยังจ้องที่ซากของไอ้เบิ้มอยู่ รอดูจนแน่ใจว่า มันสิ้นฤทธิ์จริงๆ จึงลดปืนลงเก็บเข้าซองข้างเอว
ว่าไงๆ สำราญกล่าวทักทายคณะที่ไล่ล่าไอ้เบิ้มกลับมา อย่าร่าเริง
อ้าว...ไม่ได้ออกไปช่วยเค้าหรอกรึพี่ เฉลิมพลร้องถาม
ไม่ไปหรอก นั่งเฝ้าขวดเหล้าอยู่นี่ดีกว่า กูแก่แล้ว หน้าที่นี้ยกให้รุ่นน้องๆทำก็แล้วกัน แกหัวเราะพร้อมกรอกเหล้าเข้าปากอักๆ
........นาครเพิ่งนึกขั้นได้ว่า ตลอดเวลาที่พันตูอยู่กับไอ้เบิ้ม พี่สำราญ แกไม่ได้จับปืนเลย เพียงแต่ถือขวดเหล้าวิ่งไปวิ่งมาแล้วก็ร้องโวยวายก็เท่านั้นเอง เมื่อทุกคนทราบเรื่องจากนาคร ต่างก็ร้องด่ากันโขมงโฉงเฉงกันไปตามเรื่อง แต่ก็ไม่มีใครถือสาหาความกันมากนัก
........ในใจลึกๆของนาคร ที่ยืนนิ่งอยู่หันหน้าไปทางทิศที่เจ้าเบิ้มนักเลงใหญ่แห่งพงไพรนอนสงบอยู่ คงแต่ได้แต่ขออโหสิกรรมที่ทำไว้ซึ่งกันและกัน แต่ก็ไม่มีอะไรที่สูญเสียอย่างเปล่าประโยชน์ เนื้อของเจ้าเบิ้ม ก็กลายเป็นเสบียงให้กับคณะ เพื่อใช้ในการเดินทางอันยาวนานต่อไป และไม่รู้ว่าเมื่อไร วันไหน จะถึงจุดหมาย
จบ.
1 กันยายน 2549 02:15 น.
ธนา
ไอ้เบิ้มแห่งโป่งคำ (ตอนที่ 2)
โดย.ธนา
ไอ้เบิ้มมา!!! ทุกคนระวัง!! สรณ์ตะโกนสุดเสียง และทุกคนเข้าใจดีว่า ไอ้เบิ้ม คืออะไร?
........ไอ้เบิ้มคือ หมีควายตัวขนาดใหญ่ ซึ่ง คำว่า ไอ้เบิ้ม เป็นภาษาเรียกเฉพาะกลุ่มของพรานทั้ง 8 คน หมี เป็นสัตว์ที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้าหรือแม้นแต่ซากของสัตว์ที่ตายแล้ว อีกทั้งมันเป็นสัตว์ที่อารมณ์ค่อนข้างคาดเดาได้ยากยิ่ง ดุดัน ฉุนเฉียวง่ายและเป็นสัตว์ที่หวงเขตที่อยู่อาศัยหรือหากินเป็นอย่างยิ่ง อาวุธที่ร้ายกาจของหมีคือ กรงเล็บที่ใหญ่โง้งแหลมคมบวกกับพลังตบอันมหาศาลของมันเอง ซึ่งหากโดนเข้าไป ไม่ตายก็คางเหลืองไม่เป็นผู้เป็นคนแน่ๆ ยิ่งถ้าหมีที่ตัวใหญ่เอามากๆ มันมักจะไม่มีความเกรงกลัวต่อสัตว์อืนๆเลย หรือแม้นแต่มนุษย์
........สิ้นเสียงตะโกนเตือน ทุกคนต่างรู้สึกชาไขสันหลังวาบกันท่วนหน้า แต่ต่างคนต่างคุมสติไว้ให้ดี และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ที่มันคลั่งในครั้งนี้ คงเป็นเพราะมันได้กลิ่นมนุษย์ที่เข้ามาบุกรุกในเขตหากินของมัน มันจึงแผงฤทธิ์กับต้นกล้วยน้อยใหญ่ จนหักไปหลายต้น
........หลังเสียตะโกนของสรณ์ เจ้าเบิ้มใหญ่มันจึงเบนความสนใจตามเสียงของสรณ์มาทันที และหมายแม่นว่า นั่นคือผู้บุกรุกในเขตหากินของมัน
โฮ๊กกกกกกกกก!!! เสียงคำรามข่มขู่ลั่นป่า ฝ่ายมนุษย์ ต่างเริ่มก้าวถอยหลังช้าๆ ตาก็จ้องมองในทิศทางของหมีอย่างไม่วางตา
โครม!! ผลั้ว!!คลืนนนนนนนน!! ปราการด้านสุดท้าย ที่กันอยู่ระหว่างคนกับหมีซึ่งเป็นต้นกล้วยขนาดใหญ่ได้หักโค้นลง ร่างอันใหญ่ดำทะมึน ราวๆถัง 200 ลิตร ขนที่หนา หัวที่ใหญ่ ก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับยืนด้วยขาหลังของข้าง ทำให้มันดูใหญ่กว่าคนกว่าเท่าตัว เพื่อเป็นการข่มขวัญมนุษย์ผู้บุกรุกถิ่นของมัน
........ทันทีที่มันพังปราการด้านสุดท้ายเข้ามาถึงเขตแคมป์ ฝ่ายพรานต่างตั้งตัวไม่ติดต่างวิ่งถอยหลังไปตั้งหลักข้ามลำห้วยขึ้นไปอยู่บนตลิ่งเตี้ยๆ อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งก็เป็นแนวป่ากล้วยและรกทึบพอสมควร
เจ้าเบิ้มหมีใหญ่ มันคำรามลั่นป่า ประกาศศักดิ์ดาอีกครั้งหนึ่งหรือด้วยความสะใจก็ไม่มีใครทราบได้ พร้อมกับยกขาหน้าขึ้นกางกรงเล็บที่ใหญ่ดูน่ากลัว
อึ๋ย.......ใหญ่แท้ไอ่เบิ้ม !! สำราญผู้อาวุโสสุดพูดออกมาเมื่อเห็นรูปร่างของมันอย่างถนัดตา และแล้ว!
เปรี๊ยงๆๆ.... เชิดชัยเป็นผู้เปิดศึกในครั้งนี้ก่อน ประเดิมด้วยกระสุนขนาด .22 จากปืน อันชูท เซมิออโตเมติก ติดกล้องเล็ง แต่ไม่ได้ใช้กล้อง เพราะความรีบร้อน เพียงกะประมาณให้ลำกล้องปืนตรงเป้าหมายเท่านั้น แต่... งานนี้ กระสุนขนาดนี้ พลาดถนัดใน เพราะขนาดเล็กเกินไป ไม่สามารถจะทะลุหนังหมีที่หนาและเหนียวเข้าไปได้ จึงเป็นการไปเติมเชื้อโทษะของเจ้าเบิ้มเท่านั้นเอง เจ้าเบิ้มมันร้องลั่นด้วยโทสะ ก้มลงวิ่งตะกุย 4 ตีน ตรงเข้ามาที่ตลิ่งแหล่งกำบังของคณะล่องไพร ไม่นาเชื่อว่า สัตว์อ่างหมีควายตัวใหญ่ขนาดถัง 200 ลิตร มันจะมีความว่องไวขนาดนี้
ตาย....แล้ว...หลบเร็ว...!! เชิดชัยร้องเสียงหลง แล้วตามด้วยเสียงปะทะโครมใหญ่ คณะพรานแต่ละคนแตกกระเจิดกระเจิงตั้งตัวไม่ติด ต่างคนต่างหลบกรงเล็บของไอ้เบิ้มวุ่นวายไปหมด ทั้งๆที่มันไม่ได้ขึ้นตลิ่งเลย เพียงแต่ยืนข้างล่างตลิ่งเท่านั้น
........พลังอันมหาศาลของมันเล่นเอาซะต้นกล้วยล้มคลืนคณะพรานล่องไพรต่างวิ่งหาที่กำบังใหม่ บ้างก็สะดุดเถาวัลย์ล้มลุกคลุกคลานเป็นที่สับสนวุ่นวายไปหมด
ลุกโว๊ย....ลุกเร็วๆๆๆ อเนกร้องโวยวาย เหตุว่า หนานกล้าวิ่งจนเถาวัลย์พันขาล้มลงทับตุงนังอยู่ตรงนั้น
ตูม...!!! เสียงระเบิดของเดี่ยวลูกซองไบคาล เมทอิน รัสเซีย ของนาคร คำรามสนั่นป่า เรียกสติทุกคนให้กลับคืนมา แต่เป็นการยิงที่ไม่ได้หวังผลความแม่นยำอะไร เพราะอยู่ในท่านอนหงายท้องยิง เพียงเพราะต้องการถ่วงเวลาการบุกของเจ้าหมีใหญ่เสียมากกว่า เสียงปืนอาจทำให้มันตกใจ ได้ผล เจ้าเบิ้มหมีใหญ่ สะดุดเล็กน้อย พร้อมก้มลงหันหัวกลับอย่างรู้ทันและว่องไว
ตูมๆๆ ฝ่ายมนุษย์สติกลับมา พอจะตั้งตัวได้บ้าง ต่างหลับหูหลับตายิงกันออกไป อย่างไม่ได้เล็งประณีตแต่ประการใด ช่วยกันประเคนออกไปสงเดชคนละตูม เล่นเอาต้นกล้วยเบื้องหน้าขาดกระจุยแหลกลานไปหลายต้น
........สลัดปลอกกระสุนเก่าทิ้งบรรจุใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ทว่า ช้าไปกว่าไอ้เบิ้มเล็กน้อย เพราะมันหายไปแล้ว เหลือไว้แต่กลิ่นดินปืนที่กระจายในอากาศ
เฮ้ย...อะไรวะ มีตัวยังกะยังษ์หาย สรณ์พูดอย่างตื่นๆ
ไม่รู้โว๊ย...ดูดีๆสิ๊ เฉลิมพลตอบกลับมาเบาๆ ราวกับกลัวเจ้าเบิ้มมันจะได้ยิน
........ทุกคนค่อยๆก้าวออกมาจากที่กำบัง ก้าวออกมาตรงลานที่นั่งกินข้าวกันเมื่อสักครู่นี้ อาหารการกินต่างๆกระจายไปทั่วบริเวณ เฉลิมผลร้องด่าโขมงโฉงเฉงอยู่อย่างนั้น
มันไปไหนๆ นาครไม่ค่อยไว้ใจในสถาพการแบบนี้ ต่างจดๆจ่องๆ ตามพุ่มไม้ต่างๆ และแล้ว ทุกคนต้องเย็นไขสันหลังอีกครั้งชาวาบ ตัวชาดิ๊กแทบขยับไม่ได้ ทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามข่มขวัญดังลั่น คราวนี้มันเล่นโผล่ออกมาจากทางซ้ายมือ เสี้ยววินาที มันก็ก้มลง 4 ตีน ตลุยเข้ามากลางกลุ่มพรานโดยทันที กลุ่มพรานแตกกระเจิงอีกครั้ง ร้องโวยวายลั่นป่า ต่างพุ่งออกซ้ายออกขวาจ้าละหวั่นไปหมด ไอ่เบิ้มเล่นวิ่งผ่ากลางวงเป็นแนวเส้นตรงออกไปทางป่าโปร่ง ฝั่งตรงกันข้าม
........นาครได้สติคนแรก กระโจนออกมายืนจังก้ามองเห็นมันวิ่งไปข้างหน้าอยู่หลัดๆ นาครประทับปืนขึ้นบ่าแล้วลั่นไกทันที
ตูม.... ไบคาลคำรามสนั่นป่า ตามด้วยเสียงร้องอย่างโกรธโกธา แสดงว่า มันต้องคมกระสุนเข้าแล้วแต่ไม่จังนัก
........นาครบรรจุกระสุนใหม่และออกวิ่งตามโดยทันที มีอเนกและหนานกล้าวิ่งตามมาติดๆ ส่วนคนอื่นๆวิ่งออกไปอีกทางหวังดักหน้าไอ้เบิ้มมันให้ได้ ระยะ 50 เมตร ป่าโปร่งมากขึ้น ไอ้เบิ้มพาคณะผู้ล่าวิ่งลงทางชัน นาคร, หนานกล้าและอเนก วิ่งกันเป็นหน้ากระดาน ทันใดนั้นเหมือนมันจะเล่นเกมหรือดักเล่นงานฝ่ายผู้ล่า มันหยุดตัวเองอย่างกะทันหัน หันหน้ากลับมายืนสองขา เผชิญหน้ากับคนอย่างปัจจุบันทันด่วน
เวรแล้ว ตายห่ะ... นาครตกใจ อเนกและหนานกล้าไวไม่แพ้มัน ต่างคนต่างสปริงตัวเองออกให้พ้นระยะ ซ้ายและขวา ทั้งๆที่วิ่งลงทางชัน แต่ดันเหลือนาครคนเดียวที่ยังเบรกตัวเองไม่อยู่ และเป็นคนที่อยู่ตรงกลาง ไวเท่าความคิด นาครยกปืนประทับแล้วลั่นไกทันที แต่จังหวะก่อนจะลั่นไก ไอ้เบิ้มมันเหมือนจะรู้เท่าทัน มันก้มตัวลงตะกุย 4 ตีน หันหัววิ่งออกไปทางซ้ายอย่างว่องไว ทำให้กระสุนนาครพลาดเป้าหมาย ระยะนั้นหากมันยังยืนอยู่คงเต็มแผงหน้าอกมันอย่างแน่นอน
........ ตูม... อีกนัดหนึ่งจากหนานกล้า ที่ยิงตามมันไป อเนกและหนานกล้าลุกตั้งตัวได้ก่อนก็พากันออกวิ่งตามมันไป เหลือแต่นาครที่ดั่งเบรกแตก เสียหลักกลิ้งตกลงไปตรงเวิ้งข้างล่าง ซึ่งเป็นตลิ่งสูงกว่าเมตร เล่นเอาจุดเสียดจนพูดไม่ออกเมื่อร่างกระแทกพื้น
........เวิ้งข้างล่างมีพื้นที่กว้างเท่ากับสนามฟุตบอลสักหนึ่งสนาม มีหญ้าคาสูงประมาณระดับเอวพื้นราบเหมือนเคยมีคนมาปรับแต่งไว้ นาครนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงขอบตลิ่ง ความจุกเสียดแล่นไปทั่วทั้งตัว
อูย......จุกอิ๊บ...... ลงมาได้ไงวะ หลังจากรีบสำรวจตัวเองว่า ไม่มีส่วนใดเสียหาย จึงรีบบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงใหม่ทันที และแล้ว ตูม ไม่รู้ว่าใครยิง ตามด้วยเสียงร้องฟังดูแปลก
โดนเข้าแล้ว...ไอ้เบิ้ม... นาครพูดรอดไรฟันด้วยความจุกเสียด
จบตอนที่ 2