13 กันยายน 2548 01:47 น.
ท่องเมฆา
จำใจ จากเจ้า จาบัลย์
โศกศัลย์ โศกสลด สิ้นสลาย
มิยื้อ มิแย่ง ยอมมลาย
วางวาย ว่างเว้น วานวัน
จึงจำ ปลดปล่อย นวลนุช
ยื้อยุด ยุ่งยาก หยามหยัน
มาตรแม้น ดื้อด้าน ดึงดัน
วารวัน ผันผ่าน เยี่ยงไร
ยลยิน เสียงใส จากเจ้า
หยุดเศร้า หยุดโศก ยิ้มใส
อมยิ้ม อิ่มแก้ม เอมใจ
เพราะได้ จันทร์ใส กลับคืน
จงเป็น จันทร์แจ่ม เจ้าเก่า
จันทร์เจ้า ส่องแสง ชูชื่น
นุ่มนวล ชวนฝัน วันคืน
พลิกฟื้น เพียงฝัน เพียงเพ็ญ
11 กันยายน 2548 00:49 น.
ท่องเมฆา
กาลเวลา ผ่านไปดัง สายน้ำ
ความชอกช้ำ ไหลรินร่วง กับห้วงเหว
ใจดวงน้อย ลอยไป ฝ่าแดดเปลว
ดีหรือเลว...ลาลับไป...กับสายลม
หากที่เหลือ ยังมิเป็น เช่นสายน้ำ
คือความจริง ที่ตอกย้ำ ความขื่นขม
หากขอได้...ให้ทุกข์หาย พร้อมสายลม
ขอเธอพบ เพียงรื่นรมย์ ชั่วชีวิน
ฉันก็ยัง คงเป็น เช่นตัวฉัน
ไม่มีวัน ย้อนลับ กับกระสินธุ์
สายลมแว่ว แผ่วผ่านไป ได้ยลยิน
ชั่วชีวิน..ไม่ตอกย้ำ..ความเป็นเรา..
ความเป็นเรา...เราเป็นความ...ตามใจเถิด
ทุกสิ่งมี...บ่อเกิด...แห่งความเขลา
โง่ก็รู้....รู้ก่อนโง่.....โอ้คนเรา
เรียนรู้เขา...เพื่อเป็นเรา...อีกเนานาน
จริงสินะ ความโง่ เราโง่ก่อน
ไม่อาจย้อน กาลเวลา มาผสาน
ได้แต่เก็บ บทเรียนไว้ เป็นตำนาน
หยุดซมซาน บทเรียนรัก หักอกคน
หวังเพียงพ้น ความเจ็บปวด ที่รวดร้าว
พ้นความหนาว ที่รุมเร้า จนสับสน
พ้นความฝัน ลวงตา พร่าวกวน
หนีให้พ้น ใครบางคน ที่เคยรัก
หนีอะไร ก็หนีได้...ไม่เย็นยาก
แต่หนีจาก ตัวเอง เกรงจะหนัก
หลอกตัวเอง ว่าสิ้นไป ในใยรัก
มีเพียงตัว ที่ประจักษ์ อยู่กับใจ
รู้ทั้งรู้........ว่าหนียากแม้อยากหนี
รู้ทั้งรู้........ว่าชีวีโดนผลักไส
รู้ทั้งรู้........ว่าต้องปรับกับดวงใจ
รู้ทั้งรู้........เขาสิ้นใยไม่หวนคืน
แต่จะให้...ต้องลืมเขาเดาไม่ยาก
แต่จะให้...ยอมลำบากมิขัดขืน
แต่จะให้...ทุกข์เข้าซ้ำทนกล้ำกลืน
แต่จะให้...ลืมลืมลืม ลืมไม่ลง
ลืม.........ยิ่งลืม ยิ่งย้ำ จำขึ้นจิต
ลืม.........ยิ่งคิด ยิ่งพันพัว ยิ่งมัวหลง
ไม่..........บังคับ ขอเพียงให้ ใจซื่อตรง
ลง.........ไม่ลง...คงมี ทางที่ไป
ต่อให้รู้...ว่ายากจะจากพ้น
ต่อให้รู้...ก็กังวลจนหวั่นไหว
ต่อให้รู้...ว่าเขาเบื่อไร้เยื่อใย
ต่อให้รู้...ยากตัดใจ..หากไม่ลืม
หรือจะเป็น เช่นกรรม เคยทำไว้
เขาจึงได้ ลวงหลอก บอกให้ปลื้ม
แล้วจึงได้ หักอก จนยากลืม
ด้วยเผลอดื่ม น้ำผึ้งขม จึงตรมทรวง
ถ้าหากเป็น เช่นนั้น ฉันยอมแพ้
ไม่อาจแก้ พรหมลิขิต ที่ใหญ่หลวง
ไม่โทษเขา ว่าเรา ต้องลมลวง
แม้ช้ำทรวง..อวยพรให้..ไม่เศร้าใจ
หากเชื่อว่า ด้วยบุญนำ และกรรมแต่ง
จะเชื่อใน น้ำแรง แห่งรักไหม
รักสามารถ ดลจิต พิชิตใจ
ให้หัวเราะ และร้องไห้ ได้คราวเดียว
คิดเสียว่า เป็นเรื่องดี ที่ประสบ
ครั้งหนึ่งพบ คนห่วงใย ให้แลเหลียว
ครั้งหนึ่งที่ มีรักชม เคยกลมเกลียว
แม้เพียงเสี้ยว เวลา...น่ายินดี
เป็นมนุษย์สุด ประเสริฐ ในเลิศหล้า
เพราะชะตา แสนเศร้า เราหลีกหนี
ด้วยกระทำ คุณค่า แห่งความดี
ทุกชีวี หลีกหนีกรรม ด้วยนำใจ
เมื่อลงมือ ลงแรง ด้วยแรงรัก
ความดีจัก โน้มนำ ทำจิตใส
บางคราหัวเราะ บางครา อาจร้องไห้
แต่ชื่นใจ ด้วยความดี ที่เหลียวแล
อาจจะสุข หรือทุกข์บ้าง หว่างชีวิต
อาจถูกผิด ต้องรั้งรอ อย่าท้อแท้
ฟ้าหลังฝน งามงด จดดวงแด
ไม่มีใคร เป็นผู้แพ้ ไปทุกคราว
คือความใน จากใจ ของสายรุ้ง
หวังผดุง ความแจ่มใส ในห้วงหาว
หวังเพียงเห็น ฟ้ายิ้มแย้ม แข่งแสงดาว
จึงร่ายเป็น เรื่องราว...วันร้าวราน
8 กันยายน 2548 06:34 น.
ท่องเมฆา
ณ ที่นี้ ฉันยืนอยู่ ภูผาสูง
เมฆเฟื่องฟุ้ง รอบกาย สายลมหนาว
คิดทบทวน ทุกข์สุข ทุกเรื่องราว
หวนเมื่อคราว จันทร์ลอยลับ ไม่กลับคืน
ฟ้ายามนี้ มัวหม่น ปนสีฟ้า
มีเมฆา คลุ้มฝนจน มิอาจฝืน
สุริยา หลบแสงหม่น ทนกล้ำกลืน
คนกลับยืน ย่างเหยียบ เปรียบสุริยัน
แสงสุริยา ฉายจับ ลับเหลี่ยมเมฆ
ฉายแสงเสก เป็นรุ้งสวย ด้วยสีสัน
แสงจับใจ ในสีปรุง "รุ้งตะวัน"
กลบสีสัน ทุกดาวใด ในพสุธา
จึงหยิบพิณ ขึ้นบรรเลง เพลงคลายโศก
นิ้วพรมโยก ดีดสาย คลายโทสา
"รุ้งตะวัน" ฝันใดเล่า เฝ้าจินตนา
ฟังเถิดหนา เสียงเพลงกล่อม ห้อมล้อมใจ
รุ้งเอ๋ยรุ้ง หลากสีสัน อย่าฝันเศร้า
รุ้งเจ้าเฝ้า โอบสุริยา โอบฟ้าใส
ใจของรุ้ง มุ่งหมาย ได้สิ่งใด
โปรดอย่าไร้ คำตอบ มอบแก่กัน
สายลมพัด เมฆา มาเรื่อยเรื่อย
สายลมเอื่อย ขับเมฆใจ เกินใฝ่ฝัน
ขอบเมฆสวย ด้วยเมฆฟุ้ง "รุ้งตะวัน"
ขับสุริยัน จมหายลับ กับผืนดิน
5 กันยายน 2548 13:47 น.
ท่องเมฆา
ขับรถเต่า...สาวเจ้า...สีเขียวเข้ม
น้ำมันเต็มขับเร่งแรงแซงกันหนา
ไปโรงเรียนลูกน้อยเจ้ากลอยตา
โอ้ลูกยารถมันติดสนิทเลย
ปาดออกขวาแซงคันหน้าขอไปก่อน
เบนซ์ก็วอนตีคู่ทำเฉยเฉย
ไม่ให้แซงทำไงเล่าเจ้าทรามเชย
เจ้าก็เลยบีบแตรเสียงสำเนียงใจ
อิ อิ อิ อิ ขอทางหน่อย
เบนซ์ตาลอยหลบซ้ายด้วยหวั่นไหว
เสียงแตรหวานของเต่าเจ้าทรามวัย
กดแตรไปหว่านเสน่ห์เท่ห์จริงเอย
5 5 5 5 5 5 เจ้าไปเถิด
เบนซ์เตลิดด้วยหวามไหวใจเจ้าเอ๋ย
เสียง อิ อิ ของรถเต่าเจ้าทรามเชย
แซงไปเลย...เสียงอย่างนี้...ดีจริงจริง...
............แหะ........แหะ............
เชิญแซงครับ........เชิญคร้าบบ บ ....
แม้รถจะมีหลายมิติ แต่เสียงแตรรถ
..................เสียงเตือน.................
ยังคงมีมิติเดียว...ขาว...ดำ...เท่านั้น
โลกจึงวุ่นวายด้วยความไม่รู้เท่าทัน
1 กันยายน 2548 00:14 น.
ท่องเมฆา
รวิวรรณ..มั่นไว้ ในดวงจิต
จันทรา..สถิตย์กลางใจ ในไฟฝัน
แม้ฟ้าไม่ อาจครองคู่ อยู่เคียงกัน
นิจนิรันดร์..ยังฝันอยู่..คู่เคียงใจ
สุดสายปลายทางแห่งฝัน
ยึดมั่นสิ่งใดได้หนอ
มีเพียงความเศร้าเฝ้ารอ
ทดท้อรออยู่ผู้เดียว
ในวันที่เราต้องจาก
พรากไปมีใครแลเหลียว
ไขว่คว้าหาใครนักเชียว
เปล่าเปลี่ยวเดียวดายไร้ใคร
ในวันที่ฉันต้องสูญ
อาดูรเหว่ว้าน้ำตาไหล
เช้าเสีย..รวิวรรณ..ขวัญใจ
ค่ำไร้..แสงจันทร์..จันทรา
สิบหกปีแห่งความหลัง
ยังฝังดวงจิตคิดหา
รวิวรรณ..ขวัญใจ..นภา
หลับตาเห็นอยู่คู่กัน
เช้านั้นพลันเห็นเธอเคียง
ยืนเรียงกับใคร..คลายฝัน
รวดร้าวดวงจิต..สุริยัน
รวิวรรณ..ขวัญใจใครครอง
ยามค่ำพาใจขื่นขม
อกตรมข้องขัดกลัดหนอง
หวังยลดวงหน้านวลน้อง
จันทร์ผ่องส่องพักตร์..เพียงเพ็ญ
เธอกลับส่งข่าววิวาห์
จันทรา..หายลับกลับเข็ญ
นั่งเศร้าเช้าสายบ่ายเย็น
คงเป็นเวรกรรมนำเรา
ใครบ้างจะรู้ไหมว่า
ท้องฟ้ามัวหม่นอับเฉา
ไม่มีทั้งสองน้องเจ้า
โศกเศร้าทิวาราตรี
รำพึงรำพันฝันหวาน
ร้าวรานกลายกลับลับหนี
ทำไมเจ้าไม่ใยดี
สุขขี..โศกสลด..ทดแทน
นึกถึงดวงหน้า..รวิวรรณ
ผ่องพรรณวิมุติสุดแสน
ดวงตาหวามไหวใครแทน
หากแม้นเผลอไผลไปมอง
ปากนิดจมูกหน่อยกลอยเจ้า
หลงเฝ้าหลงใหลใจหมอง
ชาร์มมิ่งกลางผากนวลน้อง
พี่มองดุจเคียวเกี่ยวใจ
ดวงจันทร์วันเพ็ญผุดผ่อง
นิ่มน้องแฝงเงาเศร้าไหม
แม้พี่มีรักปักใจ
กลับไม่เคยเห็นเย็นทรวง
แรกเห็นบทกลอนใสใส
นานไปกลายเศร้าสุดสรวง
ฤาเป็นเพียงแค่กลอนลวง
เป็นบ่วง..ดวงจันทร์..จันทรา
หวนนึกตรึกแล้ว..สุริยัน
เฝ้าฝัน ซัน..มูน ใฝ่หา
ไม่มีอีกแล้ว..สุริยา
เพ้อหาสิ่งใดไม่มี
เกิดเป็นดวงไฟใต้ฟ้า
ส่องหล้าอบอุ่นเฉิดฉวี
ดวงใจหาใครใยดี
ไม่มี รวิวรรณ...จันทรา...
รวิวรรณ..มั่นไว้ ในดวงจิต
จันทรา..สถิตย์กลางใจ ในไฟฝัน
แม้ฟ้าไม่ อาจครองคู่ อยู่เคียงกัน
นิจนิรันดร์..ยังฝันอยู่..คู่เคียงใจ